วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องราวของพี่โกศลหนุ่มใหญ่ใจดี



การที่จะมีเซ็กซ์กับใครสักคนนั้นแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่จะยากเย็นแสนเข็ญเลยทีเดียว และการที่จะได้พบกับคู่ขาที่มีฝีมือพอๆกัน หรือพูดให้ถูกหน่อยว่า เหลี่ยมและกระดูกใกล้เคียงกันนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย ผู้ชายบางคนอะไรๆดูดีไปหมด นึกว่าจะได้เจอ ‘’ที่สุดของที่สุดที่ไหนได้ผิดหวังก็เยอะ จำต้องจ้ำต้องถ่อไปแกนๆนั้นแหละ เกย์ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครปฏิเสธชนิดครบเครื่องต้มยำขิงข่าตะไคร้มะกรูดครบสูตรหรอก อาจจะมีชอบคาวๆเปิดซิงเด็กเอ๊าะๆทำนองว่าได้เห็นหนุ่มพรหมจรรย์แล้วมันคึกสุดขีด แต่หากเจอรายการมันกว่าแห้วเข้า จะกลับติดใจล่ะไม่ว่า ผมทำงานเป็นลูกจ้างของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็คือตำแหน่งนักการภารโรงนั่นเอง ทำงานมาเกือบๆห้าปีจากเมื่อโรงเรียนยังเล็กๆอยู่ จนมีเด็กมากมายถึงพันกว่าคน โรงเรียนเจริญไปพร้อมกับความก้าวหน้าในการงานของผมแม้จะได้สองชั้นแค่ครั้งเดียว แต่ก็ถือว่าดีถมถืดแล้วสำหรับคนที่เรียนจบชั้นมัธยมต้นอย่างผม ในส่วนครอบครัวก็มีเมียมีลูกอยู่กันอบอุ่นดี ระยะเวลา 5 ปีนั้นมีบรรดาอาจารย์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมามากมาย บางคนอยู่ปีเดียว บางคนสองปีหรือสามปีย้ายก็ว่ากันไปตามพอใจ แน่เท่าที่สังเกตดูจำนวนอาจารย์ผู้หญิงมากกว่าอาจารย์ผู้ชายมากมายเกินครึ่ง แล้วก็มีอยู่คนหนึ่งเข้าทำงานปีเดียวกับผม แล้วไม่คิดจะย้ายเลย อาจารย์หนุ่มใหญ่คนนี้ชื่อ ‘’ โกศล’’ อายุ 34 ปี แก่กว่าผมถึง 3 ปีมีลูกชายหญิงสองคน เขามีใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาเวลายิ้มดูเหมือนโลกจะหยุดหมุนในความรู้สึก ของผมยิ่งแก่ยิ่งหล่อร้ายกาจ แต่งตัวธรรมดาๆไม่ทันสมัยมาก แต่นิสัยเปรี้ยวจี๊ดพูดจาถึงลูกถึงคน ซ้ำยังเป็นแหล่งเงินกู้รายใหญ่ของบรรดาสมาชิกในโรงเรียน พี่โกศลสนิทกับผมพอสมควรถึงขนาดหยอกล้อเรื่องส่วนตัวกันได้ เขาเคยตอดผมเสมอๆว่า คนเจ้าชู้และเซียนอย่างผมมีอะไรดีนักหนา มีโอกาสน่าจะลองดูนะ แล้วก็พูดต่อหน้าคนมากๆ ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งต่อหน้าหนุ่มๆที่เป็นครูบาอาจารย์มันดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลย แต่บางคนที่มองแบบไม่ธรรมดา เขาจะคิดยังไงอาจดูถูกดูแคลนเอาได้ หลังจากวันนั้นราวๆสัปดาห์เขาวานให้ผมขับรถไปส่งที่ตลาดเพื่อซื้อกระดาษและผ้าสำหรับประกอบการเรียนในวิชาที่เขาสอน ทันทีที่ออกรถ ผมตัดพ้อถึงคำพูดของเขาในวันนั้น เขาหัวเราะร่วนเลย ‘’อะไรกันแค่นี้อาย ที่พี่ยังไม่อายเลย ธรรมดาจะตายไป ‘’ ‘’ ก็ผมอายพวกหนุ่มๆน่ะ เขารู้ไส้รู้พุงผมหมด’’  ‘’ฮั่นแน่ คิดจะจีบเหรอ อย่างพี่ล่ะไม่จีบบ้าง น่าน้อยใจจัง’’ ผมรู้ว่าเขาพูดทีเล่นทีจริงแบบเปรี้ยวๆแต่ผมก็ใจคอไม่ดีไปเหมือนกัน’’’ ถ้าโอเคก็หมายถึงใจต้องพูดอะไรให้มากความ และถ้าคิดจะหยอกเด็กอย่างผมก็จะได้จบกันแค่นี้ ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้วเขาก็ดูเฉยๆไป ผมคิดในใจว่าคงไม่กล้ามาล้อเล่นอีกแล้ว กลัวผมล่อจริง แต่แล้วผมก็คิดผิดถนัด  เพราะอีกไม่กี่วันต่อมา ผมก็เจอแจ็คพ็อทจนได้วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมและชัยเพื่อนร่วมงานอีกคนไปโรงเรียนเข้าเวรแทนน้าพูนและเจ้าไข่ ซึ่งออกเวรตอนเช้า วันนั้นพี่โกศลนัดเด็กของเขาทั้งห้องไปทำงานจนเกือบๆสิบเอ็ดโมงเราก็ตั้งวงเหล้ากันก็ซุ้มเฟื่องฟ้าภายในโรงเรียน พี่โกศลปล่อยเด็กแล้วลงมาข้างล่าง เห็นเรานั่งดืมก็มานั่งด้วย แถมใจป้ำส่งเงินให้ชัยร้อยยี่สิบ ไปซื้อไก่ย่างตัวหนึ่งแล้วข้าวหมูแดงสามห่อ เราเลยนั่งดื่มเหล้าแกล้มไก่ย่างน้ำจิ้มรสเด็ด และกินข้างเที่ยงด้วยกัน พี่โกศลเริ่มจิบเหล้าที่เราชงให้บางๆก่อน เขาบอกให้พวกเราช่วยกันดูต้นทางด้วย เผื่อ ผ.. เกิดโผล่เข้ามาจะถูกตำหนิพอเหล้าเข้าปากไปแก้วกว่าๆ หน้าและลำคอเขาแดงขึ้นมาทันที พูดจ้อไปเลยคำพูดชักไม่มีติดเบรกเข้าทุกที เจ้าชัยชักสงสัยเลยถามผมอยู่ในหน้าอันเป็นเข้าใจว่าเสร็จไปแล้วหรือไงมันใช้วิธีเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะเป็นรูปตัวโอ แล้วใช้นิ้วมือขวาแหย่เข้าออกเป็นเชิงถาม ผมส่ายหน้าแทนคำตอบมันก็เลยลุ้นใหญ่ เหล้าแบนที่สองไม่ทันหมดเจ้าชัยก็ขอตัวไปนอนพักที่ศาลาสวนป่า เราสองคนนั่งดื่มกันอีกพัก ผมก็เริ่มจับไม้จับมือเขาเพราะเห็นว่าปลอดคน เจ้าชัยมันก็เปิดไฟเขียวให้โต้งๆ พอมือผมลามถึงหน้าขา พี่โกศลมองซ้ายมองขวา พูดเสียงสั่นๆ ‘’อยากมีอะไรกับพี่เหรอ แก่แล้วนะมิใช่หนุ่มๆ’’  ‘’ ใครว่าพี่แก ถ้าเป็นมะพร้าวก็กำลังเหมาะ ไปคุยกันที่ห้องพยาบาลดีกว่า’’  ‘’ อย่าเลย น้องชัยรู้เข้าอายตาย’’  ‘’ ฮื่อ ไม่รู้หรอก เขาง่วงมากเลย ป่านนี้คงหลับสนิท นะแป๊ปเดียวเอง’’  ‘’ งั้นเธอไปก่อน เดี๋ยวพี่จะตามไป ‘’ ผมไปเปิดประตู นั่งสูบบุหรี่รออยู่ไม่ถึงห้านาที พี่โกศลก็ไปถึงผมดังบุหรี่เข้าห้องปิดประตูใส่กลอนแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างไว้เพื่อรับลมสองบาน หันหน้ามากอดพี่ศลไว้เต็มไม้เต็มมือ เขาไม่ได้ดีดดิ้นอะไร แต่หน้าก็เปลี่ยนสีด้วยความตื่นเต้นจนระงับไม่อยู่ ผมจูบที่ใบหน้า ริมหู และต้นคอแล้วนั่นแหละ เขาจึงขนลุกกรูเกรียวโอบกอดผมแล้วประกบปากเสียแน่นลีลาชั้นเชิงมิใช่ขี้ไก่ ร้ายกว่าที่คิดเสียอีก อ่อนช้อยอ้อยอิ่งโรแมนติคเป็น นานพอดูจึงถอนปาก พูดเสียงหอบๆ ‘’ แฟนพี่เค้าเก่งมาก เธอทุ่มเทเต็มที่นะ’’ เขายกขาข้างหนึ่งผมลงนอนหงายซ้อนสองขาผมขึ้นพาดบ่าเขาแล้วรั้งสูงขึ้นจูบเล็มรอบๆฐาน k ที่เด็ดดวงที่สุดก็คือ ท่านี้ทำให้ก้นของผมแยกออกเขาเอา k ถูไถบริเวณปากทาง ไม่หนำใจยังเอาถอกถูไถเข้าให้ด้วย มันเสียววูบวาบจนใจแทบใจเต้นออกมานอกจอ ยิ่งเข้าสาปมาเอาเข้าเต็มปากเต็มคำแล้วผงกหัวเข้าๆออกๆเนื้อที่ไวความรู้สึกครูดคราดกับริมฝีปากและกระพุ้งแก้มเสียวซ่านจนแทบระงับไม่อยู่ เป็นลีลาที่เต็มถังจริงๆ ‘’ทนได้มั๊ยน ถ้าทนได้ก็ไม่ต้องอั้นปล่อยไปเลย’’  ผมดิ้นทุรนทุราย เขาผงกหัวเร็วขึ้นผมสวนรับตามจังหวะที่เขากระตุ้น เอื้อมมือไปบีบสองเต้าของเขาไว้แน่นแทบจะขาดติดมือ ความอัดอั้นภายในกระฉอกกระฉูดเสียงเขาดังอุ๊บ แต่ก็ไม่ถอดถอนกลืนกินน้ำรักผมอย่างหน้าตาเฉย มันเป็นความร้อนรุ่มที่ผมระบายมากมายจริงๆ แถมรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ อาจารย์หนุ่มถอนกายลุกขึ้นโทงๆเดินไปเปิดน้ำในคูลเลอร์ดื่มกลั้วคอ ทั้งยังมีกะจิตกะใจถือมาให้ผมแก้วหนึ่ง ผมดื่มรวดเร็วอย่างกระหาย นอนกอดก่ายกันเหงื่อหยดพราว ผมลุกขึ้นเปิดพัดลมบนเพดาน ความร้อนรุ่มเริ่มผ่อนคลาย นอนกอดก่ายกระตุ้นกันเนิบๆ ผมเป็นคนโชคดีอยู่อย่างแม้จะเสร็จสมไปแล้ว แต่อาวุธไม่เคยหด เพียงแต่ไม่แข็งโป๊กนักแค่ลูบคลำเนื้อมหัศจรรย์ที่เลือกลื่นพักเดียว มันก็ค่อยๆ โชนชันเต็มพิกัดขึ้นมาพร้อมรบเต็มที่ ฝังใบหน้าจูบลงบนที่แท่งเนื้อใหญ่อันหมายตาไว้แล้ว กวาดเล็มซ้ายทีขวาทีจนอาจารย์หนุ่มดิ้นพราดห่อลิ้นแพลมๆสอดลึกลงควานอย่างมันเขี้ยว นิ้วมือกระตุ้นปุ่มไวไฟ ส่วนอีกนิ้วถลำลึกจนรู้สึกรัดรึงคับติ้ว  ‘’ อูยที่รักจ๋า สมจริงๆที่เป็นยอดนักรัก อื้อ อ้า ‘’ ยอมรับว่าเขาคับแน่นจริงๆ ขนาดผมหลั่งมาหยกๆ แต่ไม่อาจไหวกายแรงๆได้เพราะแรงดึงดูดภายในมหาศาลจริงๆผมวางสองขาเขาราบลง สาวกายช้าๆ ล้ำลึกเขาแอ่นก้นขึ้นรับโยกสวนกันดังป้าบๆ เหงื่อไคลเริ่มไหลย้อย ผมใช้มือขยำเนื้อข้างขวาไว้แน่นบีบเคล้นหนักๆ โดยเขาไม่แสดงอาการเนื่องจากก้นเขางอนไปข้างหลังยามนอนราบกลางลำตัวจึงโด่งสูงสามารถบุกปั่นได้สุดๆ สะเด่าทรวงทุกครั้งความโล่งเดียนของเนื้อดินชุ่มๆ ๆทำให้ไม่ระคายเลยมีแต่หย่อมหญ้าของผมเท่านั้นก็กรีดบาดเนื้ออ่อนของเขา แต่มันก็สร้างความวาบหวิวให้เขาไปอีก ผมรับรู้ถึงอาการตอบสนองของเขาที่เริ่มร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ผละใบหน้าหันมาประกบจูบปาก เขาขอร้องให้ผมกอดรัดเขาให้แน่นกาย ท่อนล่างฟาดเข้าใส่กันฉาดๆดังหนักแน่นจนเตียงพยาบาลดังลั่นไปหมด แต่เราสอง ไม่มีใครสนใจ ต่อให้พยายมโผล่มาทวงวิญญาณตอนนี้เราก็ไม่มีหวั่นไหว ขอให้สำเร็จสมก่อนตายก็ไม่เสียดายชีวิต ‘’ โอ ที่รักจ๋า แรงอีก แรงกว่านี้ ‘’  ผมฟาดใส่เขาสุดพละกำลัง เขากระดกก้นเยิบๆ สั่นเร่าๆ ภายในบีบรัดเหมือนเกลียวเชือก เสียงครางโหยหวนปานจะขาดใจ ผมปล่อยน้ำรักสาดใส่เขาอย่างเนืองนอง ความรุนแรงก็ค่อยซาลงเบาลงและนิ่งเงียบไปในที่สุด เขากอดจูบผมอย่างหลงใหล ผมก็หลงเขาไม่น้อย ปัจจุบันเรายัง ‘’ แอบรัก’’ กันอยู่เสมอ แม้จะบาปกรรม แต่เรารู้สึกว่าเรารักกันลงตัวดี บอกตรงๆ กลัวอดมากกว่ากลัวบาป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น