ผมเป็นคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับมลภาวะเป็นพิษของเมืองใหญ่
ทั้งควันพิษและฝุ่นละอองในอากาศรวมไปจนถึงสภาพอากาศที่เดี๋ยวแดเดี๋ยวฝน
ทำให้สุขภาพค่อนข้างแย่ต้องพึ่งพาอาศัยหมอเป็นประจำ และเนื่องจากผมเป็นข้าราชการ ทำให้ผมสะดวกที่จะใช้โรงพยาบาลของรัฐที่ตั้งใกล้บ้าน
ซึ่งในปัจจุบันนี้พัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือบุคคลากรที่มีอัธยาศัยใจคอเป็นกันเองกับทุกคน
และที่เอื้อประโยชน์แก่ผมมากเห็นจะเป็นบริการคลินิกนอกเวลา ที่เปิดให้บริการหลังเวลาทำงานจนถึง
สองทุ่ม
ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลที่ผมใช้บริการอยู่นั้นจะเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่แต่ช่วงค่ำๆ
หลังเลิกงานมีผู้ไปใช้บริการน้อย
จึงสะดวกและรวดเร็วบรรยากาศไม่อึกทึกช่วงเดือนที่ผ่านมาผมเจอทั้งแดดและฝนทำให้รู้สึกระคายคอจนต้องพึ่งพาหมอ
ผมใช้เวลาช่วงหัวค่ำไปตรงโรงพยาบาลดังกล่าวขั้นตอนต่างๆผ่านไปตามระบบ ตั้งแต่ยื่นบัตรคนไข้ ตรวจความดัน ชั่งน้ำหนัก
และรอการตรวจจากหมอซึ่งรอตรวจก่อนหน้าดี
พอดีมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะพยาบาล
ผมมองแว่บแรกคิดว่าคงเป็นคนไข้มารอตรวจ ดูหน่วยก้านแล้วไม่เลว รูปร่างสูงโปร่ง เนื้อตัวสะอาด
คาดว่าคงเรียนอยู่ประมาณชั้นมัธยมปลาย คิ้วเข้ม ปากสีชมพู และแววตาใสๆ
ทำให้ผมลืมคู่สนทนาไปเลย นางพยาบาลแนะนำให้ผมรู้จักกับลูกชายวัยรุ่นของเธอ
ก่อนจะพูดถึงเรื่องราว ต่างๆที่ลูกชายให้ผมฟัง จับใจความได้ว่า ‘’
เต้’’ กำลังจะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยในอีก
2 ปีข้างหน้า ว่าแล้วผมคาดคะเนอายุหรือการเรียนได้ไม่ผิด
เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงเปิดเทอมเต้จึงมาเตร๊ดเตร่อยู่ที่ทำงานของแม่เพื่อนคอยรับกลับบ้าน
ยามที่ไม่มีคิวเที่ยวเถลไถลที่ไหนหลังพูดคุยเรื่องการเรียนของเต้แล้ว ผมจึงคิดอุบายต่างๆขึ้นมาทันทีในสมองผมแนะนำให้เต้ไปนั่งเล่นที่บ้านผมในระหว่างที่รอแม่ออกเวร
โดยไม่ลืมแถมท้ายว่ามีหนังสือเตรียมสอบหลายวิชา
แม่ของเต้นเห็นดีเห็นงามด้วยจึงคะยั้นคะยอให้เต้ตามผมไปที่บ้าน
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลหลังจากผมหาหมอเสร็จและกำชับฝากฝังเต้ไว้กับผม
ก่อนถึงบ้านผมหาซื้อขนมต่างๆ ติดมือไปด้วย
เมื่อถึงบ้านผมต้อนรับขับสู้จัดน้ำจัดท่าให้เต้และนั่งพูดคุยเรื่องต่างๆ
ก่อนจะหยิบหนังสือเตรียมสอบที่ผมเคยใช้ให้เต้อ่าน
โดยแกล้งแนบหนังสืออย่างว่ามาในกองหนังสือปึกใหญ่นั่นด้วย
ผมปลีกตัวลงไปอาบน้ำทิ้งให้เต้นั่งอ่านหนังสือและกินขนมไปพลางๆ ผมอาบน้ำเสร็จกะว่าเต้คงเห็นหนังสือติวพิเศษของผมแนบมาให้แล้ว
จึงค่อยๆ ย่องมาแอบดูว่าเต้มีปฏิกิริยาอะไรบ้าง
ได้ผลครับเต้เปิดหนังสือแต่ละหน้าอย่างช้าๆ
กลับหัวกลับท้ายหนังสือไปตามแนวของรูปในหนังสือจดๆจ้องๆแต่ละหน้าอยู่นาน แสดงว่าเต้คงมีอารมณ์คล้อยตามไม่น้อยผมค่อยๆ
ปรากฏตัวจนยืนประชิดเต้เต้จึงจะรู้สึกตัวเต้มีท่าทีตกใจและอายปล่อยมือจากหนังสือทิ้งวางไว้อยู่บนตักผมแกลังทำเป็นตกใจที่มีหนังสืออย่างว่าติดมาในกองหนังสือด้วยผมหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากหน้าตักของเต้
ซึ่งเป้ากางเกงกำลังนูนโป่งแทบจะดันกางเกงออกมาให้ได้ เต้รีบดึงหมอนอิงที่วางอยู่ใกล้ๆ
มาปิดทับเป้ากางเกงไว้ ผมชวนแกมบังคับจับข้อมือเต้ให้เดินตามเข้าไปในห้อง
และเริ่มปลุกปลอบด้วยคำพูด
ทำนองว่าไม่ต้องอายเป็นเรื่องธรรมดาและเปิดวิดีโอให้เต้ดู
ฉากแรกในวิดีโอน่าตื่นตากว่าในหนังสือ ทำให้เต้ลืมเขินอายผมไปชั่วขณะ ปล่อยเป้ากางเกงให้พ้นจากการปิดบัง
สายตาจับจ้องเขม็งที่วิดีโอ ผมได้โอกาสรีบคุกเข่าลงนั่งใกล้ๆใช้มือลูบไล้ขาของเต้
เต้ขยับตัวนิดหน่อยเหมือนจะอิดเอื้อน แต่ผมพยายามรุกจนเต้เคลิบเคลิ้ม
ผมบอกให้เต้ถอดกางเกงออก
พร้อมทั้งถอดของตัวเองด้วยจากนั้นผมให้เต้นั่งอยู่ขอบเตียงส่วนผมนั่งอยู่ด้านล่างหันหน้าเข้าหาหว่างขาของเต้
ผมค่อยๆ รูดแท่งปรอทของเต้ขึ้นลงช้าๆ
เพื่อชื่มชมด้วยสายตาก่อนเป็นอันดับแรกท่อนเนื้อที่ผมเห็นแม้จะไม่ใหญ่โตนัก
แต่สมส่วน ลำตั้งตรงชมพูอ่อน โคนแท่งปรอกมีขนขึ้นหรอมแหรม
แล้วแต่ละเส้นไม่น่าจะยาวเกินหนึ่งนิ้ว ส่วนปลายของแท่งปรอกค่อยๆ
ขยายตัวขึ้นเมื่อผมรูดหนังที่หุ้มลงเรื่อยๆ เหมือนดอกเห็ดได้รับน้ำฝน
ผมอดใจไม่ไหวก้มลงสูดดมกลิ่นหอมจากแท่งปรอทได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาปะทะจมูก
ผมซุกไซ้ทั่วทุกซอกทุกมุมก่อนที่จะลากลิ้นที่กระเปาะหนังทั้งสองลูก
เต้จิกมือกับที่นอนแน่นจนเป็นรอย ผมจับมือของเต้มาวางไว้บนหัวไหล่บอกให้เต้ลูบไล้ไปเรื่อยๆ
เพื่อที่ผมจะได้รับรู้อารมณ์ของเต้ด้วย
พอผมเริ่มดูดกลืนแท่งปรอทเต้ทั้งขยำท้ายทอยทั้งจิกหัวผมทุกครั้งที่ผมใช้ปากรูดหรือดูดเบาๆ
ผมเปลี่ยนจากดูดแท่งปรอทของเต้มาใช้มือรูดแทน แล้วหันมาลิ้มรสริมฝีปากของเต้ ผมจูบริมฝีปากของเต้ก่อนใช้ลิ้นเข้าไปทักทายกับลิ้นของเต้
ผมดูดปากเบาๆ สักครู่เต้เริ่มเรียนรู้และดูดปากผมตอบบ้าง
ผมเลื่อนจากการลิ้มรสริมฝีปากของเค้า มาเป็นซุกไซ้หลังใบหูและซอกคอ
ก่อนจะเลื้อยลามลงมาถึงหน้าอก หัวนมสีชมพู และหน้าท้องที่แบนราบ
เต้พยายามใช้มือกดหัวผมให้จัดการกับแท่งปรอทอีก
ผมจึงกลืนกินแท่งปรอทของเต้อีกครั้ง และเร่งจังหวะจนรู้สึกว่าเต้ทนไม่ไหว
เพราะมือที่จับหัวผมอยู่ทั้งจิกทั้งขย้ำเสียงเต้ตะโกนบอกว่าปวดฉี่ให้ผมเอาปากออก
ซึ่งผมรู้ดีว่าไม่ใช่ปวดฉี่ธรรมดาหรอกครู่เดียวน้ำปรอทแตกทะลักเต็มกระพุ้งแก้มผม
ผมแทบไม่รู้รสเพราะกลืนลงคอโดยอัตโนมัติ
จะมีหลงเหลืออยู่บ้างที่เลอะเทอะตามริมฝีปากของผมเต้ทำสีหน้าตกใจเพราะนึกว่าปวดฉี่จนทนไม่ไหวทะลัก
แต่จริงๆ แล้วเป็นการหลั่งครั้งแรกของเต้เอง
ซึ่งเต้ยังแยกความรู้สึกไม่ได้ระหว่างการถึงจุดสุดยอดกับการปวดฉี่
เมื่อผมอธิบายให้เต้ฟังว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
เต้ขอลองดูอีกครั้งหนึ่งมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ โดยคราวนี้เต้ช่วยชักปรอทให้ผมด้วย
ชักไม่ชักปล่าวบางครั้งยังครอบปากกลืนกินแท่งปรอทของผมบ้างเหมือนกัน
เพราะเข้าใจผมคงชอบซึ่งเต้คิดถูกบางช่วงทั้งเต้และผมกลับหัวกลับหางอยู่ในท่า 69
ช่วยกันดูดช่วยกันชัก ก่อนจะไปส่งเต้ที่โรงพยาบาล
ผมและเต้ก็ทำปรอทแตกอีกคนละครั้ง
สำหรับการพบกันครั้งแรกต่อไปผมบอกให้เต้อย่างลืมถุงยางมาจากโรงพยาบาลด้วย
เพราะจะสอนบทเรียนใหม่ให้….
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น