วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ห้องเช่าของชายชรา (Short Story) .......mini END

ส่งเด็กหนุ่มขึ้นรถแท็กซี่ออกไปแล้ว ชายชราก็หอบสังขารอันชุมชื่นกลับขึ้นห้อง ความสุขยังอาบร่างอันแห้งเหี่ยวของแกไปทั่ว แกแวะซื้อนมสดสองกล่องที่ร้านข้างใต้คอนโดฯ พร้อมด้วยขนมปังกรอบอีกสองถุง ถุงหนึ่งตั้งใจจะให้แมว หลายวันมาแล้วแกมัวแต่ตักตวงความสุขกับเรือนร่างของชายหนุ่ม จนลืมแมวตัวโปรดไปเสียถนัดใจ แต่อย่างไรก็ยังคิดถึงมันเสมอ ยามหนุ่มยิ้มให้ชายชราด้วยไมตรีชายชราทักว่าสบายดีหรือ คนยามพยักหน้าดูเขาช่างเป็นคนถนอมคำพูดเสียเหลือเกินแกกดประตูลิฟห์ให้เปิดออก พอเข้าไปข้างในก็กดหมายเลขชั้นที่ต้องการ แกถอนหายใจลึกๆ เมื่อลิฟห์พาขึ้นไปชั้นที่ต้องการ แถถอนหายใจลึกๆ เมื่อลิฟห์พาขึ้นไปบนที่สูง แกรู้สึกสุขระคนเหนื่อย อยากนอนหลับสักงีบ ก่อนที่จะคิดอ่านทำอย่างอื่น แต่อย่างไรก็ดี แกยึดหลักอยู่เสมอว่าการหาความสุขกับเรือนร่างของเด็กหนุ่มแบบนี้จะต้องไม่เป็นการบังคับหรือขืนใจ ทุกคนที่มาหาแก ล้วนแล้วแต่มาด้วยความเต็มใจจริงอยู่ที่พวกเขาไม่ได้รักหรือเสน่หาในตัวแกแม้แต่น้อย แต่เงินสามารถโน้มน้าวจิตใจให้เด็กหนุ่มพวกนี้มาซบที่อกเหี่ยวๆของแก พร้อมออดอ้อนราวกับหญิงสาวเด็กหนุ่มที่เพิ่งลาจากกันเมื่อสักครู่ก็ไม่ต่างไปจากคนอื่น เขามาหาด้วยอาการของคนหิวเงิน แม้จะซ่อนท่าทีเอาไว้แต่ชายชราผู้เจนโลก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดู ก็รู้อยู่ในอก แกขอให้เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่กับแกสักสองสามวัน เด็กคนนั้นก็ตอบตกลงอย่างไม่อิดออดเขารู้ดีว่าสองสามวันที่ชายชราพูดถึงนั้นย่อมหมายถึงเงินก้อนโตทีเดียว เพราะปกติแล้วแกไม่เคยชวนใครค้างในห้องเช่าเล็กๆ ของแกเกินหนึ่งคืน อาจจะเหงาก็ได้ ชายชราบอกตัวเองยิ่งอายุมากขึ้น ความเหงา ความเหว่ว้า ความป่วยไข้มันก็บุกเข้ามาประชิดตัว รอบๆ ข้างมีแต่ความหดหู่ หากขาดเด็กหนุ่มเหล่านี้ไป ก็คงเดินทางไปใกล้กับความตายเร็วขึ้นพอคิดถึงความตาย แกก็รู้สึกโศกสลดอย่างบอกไม่ถูก เสียงเหมียวๆของแมวดำที่อยู่เป็นเพื่อน ปลุกแกให้ตื่นจากความครุ่นคิด แกแกะห่อขนมปังกรอบออกแล้ว ยื่นให้แมวชิ้นหนึ่ง หาถ้วยมารองแล้วเทนมใส่ลงไปแมวเริ่มหันมากินนม แกเฝ้าดูอย่างมีความสุข ในห้องเช่าเล็กๆ ของแกเต็มไปด้วยรูปของหนุ่มนักกล้าม ที่แกตัดออกมาจากนิตยสารเกย์ ใส่กรอบแขวนโชว์เรียงราย ไปรอบๆห้อง บนเตียงนอนยังคงยับย่นแกขึ้นไปนอนแล้วดอมดมกลิ่นกายของเด็กหนุ่มที่ยังไม่จางหายไป ความโหยหายิ่งเพิ่มมากขึ้น แกมองไปที่เครื่องโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเคียง อยากจะโทรไปหาใครสักคนแล้วก็ชวนกันออกไปข้างนอกหาอะไรทานพอมืดค่ำก็เข้าไปหาเบียร์เย็นๆ สักแก้วในบาร์เกย์สักแห่ง ดูเด็กหนุ่มๆ เต้นอะโกโก้ทำให้จิตใจมันกระชุ่มกระชวยขึ้น บาร์เลิกก็ค่อยกลับมานอนบ้าน ถ้าไม่ขี้เกียจก็ลากเด็กหนุ่มมานอนเป็นเพื่อนสักคน ชีวิตจะไปเอาอะไรนักหนา อยู่ไม่ถึงสิบปีก็คงจะต้องตายแล้ว แกคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง คำนวณอายุคร่าวๆของตนเอง ปีน็ก็ปาเข้าไป 61 อะไรๆ มันก็ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนมีแต่ใจเท่านั้นที่ยังลุกโชติช่วงเป็นดวงไฟ ดวงใหญ่อยู่ในใจไม่มีวันเสื่อมสลาย แกยกมือปิดปากหาวเสียงยาวเหยียดแล้วก็นอนก่ายหน้าผากนึกถึงวันคืนเก่าก่อนสมัยยังหนุ่ม แกถูกบังคับให้แต่งงาน ทั้งที่รู้อยู่ว่าแกไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงมารักชอบผู้หญิงได้ตลอดไปแต่ต้องจำใจแต่งคนสมัยก่อนมันไม่เหมือนสมัยนี้ หากรู้ว่ามีใจฝักใฝ่เพศเดียวกันเข้าเมื่อไร ก็ไม่ต่างกันนักกับตัวประหลาดที่น่ารังเกียจอยู่ไหนก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ มันเหมือนกับเกย์เป็นสิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้น แต่งงานอยู่กินกันไม่ถึงปี เมียที่แต่งงานก็ตั้งท้อง เป็นการตั้งท้องที่ไม่ได้ตั้งใจ แกทำทุกอย่างไปเหมือนกับหน้าที่ที่ต้องทำ ความลับเรื่องเพศของแกถูกระแคะระรายมาตั้งแต่ต้น ยิ่งแกพยายามจะปกปิดมากเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าเมียแกจะยิ่งต้องข้อสังเกตในตัวแกมากเท่านั้น
      จนลูกโตพอเข้าโรงเรียนแกก็ตัดใจหย่าเมียแกก็ไม่ได้เสียใจ เพราะเธอรู้อยู่แก่ในจว่าสามีหย่านั้นเพราะเหตุใด เธอทราบข่าวเรื่องชู้ชายมามากมายนับไม่ถ้วน แต่เป็นฐานะทางการงาน ฐานะทางสังคมมันค้ำคอหอยอยู่ เธอจึงไม่มีความคิดที่จะแยกทางจากเขา แต่เมื่อเขาบอกเลิกกัน เธอก็ยินดีแยกทางเดินด้วยความยินดี
   ชายชราผู้ชอบไม่ป่าเดียวกันบอกตัวเอง ไม่ถูกเหมือนกั้นว่าป่านนี้เธอไปอยู่ที่ไหน แต่แกรู้ว่าลูกทั้งสองนั้นไปมาหาสู่กับแม่กันอยู่บ่อยๆ กว่าแกเสียอีกที่ไม่ค่อยจะสนใจกับลูกเท่าไร สิ้นเดือนก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ ทุกข์สุขไม่เคยรู้ไม่เคยสน แกค่อนข้างจะคิดเห็นแก่ตัวว่าลูกมีการมีงานทำมั่นคง โตจนมีหลานให้แกได้ แล้วเรื่องอะไรแกต้องไปสนใจกับพวกมันมากนักนอกจากเงินเดือนที่ลูกหาได้ แกยังต้องให้มันอีกเดือนหนึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยเลยแกให้เพราะอยากให้ มันเป็นความเคยชินมากกว่า ให้ยังไงก็ให้อยู่อย่างนั้น ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น นึกถึงแต่ตัวเอง อีกไม่กี่ปีก็คงจะเดินทางไปสู่แดนแห่งความมืด แกนอนไม่เคยหลับสนิท ทั้งความวิตก ความกลัว ความหวาดหวั่น สารพัดมาหลอกหลอนจิตสำนึกให้สะดุ้งตื่นอยู่ทุกๆชั่วโมง ความตาย เดินใกล้เข้ามาแค่เอื้อมมือไปคว้าไว้ก็ถึงที่ของมัน แกคิดถึงตรงนี้แล้วเศร้า มีแต่เด็กหนุ่มๆเท่านั้น ที่พอจะคลายอาการหม่นหมองให้จางหายไป ว่าไปแล้วชายชราก็ชอบเด็กหนุ่มก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้ากับพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ยิ่งไปกว่าสิ่งอื่น แกรู้สึกอับอายลูกอย่างบอกไม่ถูก แกเคยคิดที่จะเลิกพฤติกรรมรักร่วมเพศ เพราะอายลูก และไม่อยากให้ลูกต้องตราหน้าว่ามีพ่อเป็นเกย์ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร แกก็เลิกไม่ได้ แกคิดว่าจะหากชายมีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงได้จนถึงอายุ 60-70 แล้วทำไมแกจะมีอารมณ์กับเด็กหนุ่มบ้างไม่ได้ ใครเป็นคนกำหนดล่ะว่า ผู้ชายชอบผู้ชายไม่ได้ แล้วมีกฏหมายสักข้อไหมที่ห้ามให้แกยุ่งกับผู้ชายด้วยกัน

       ความพยายามที่จะล้มเลิกพฤติกรรมก็ล้มเหลวมาตลอด จนลูกแกทนไม่ไหว จนถึงขนาดมากราบขอร้องไห้แกหยุดปลงเสียบ้าง ‘’ เรื่องส่วนตัวของพ่อนนะ’’ แกบอกสั้นๆแล้วก็ไล่ให้ลูกออกไปจากห้องเช่าของแก จากนั้นแกก็ไม่ได้เห็นหน้าลูกชายคนนั้นมารบกวนอีกเลย อันที่จริงชายชราผู้ชอบให้คนอื่นเข้าบ้านทางประตูหลัง เคยอยู่บ้านหลังใหญ่ ขนาดไร่กว่าๆมีรั้วสูง มีรถหลายคัน มีเครื่องใช้อำนวยความสะดวกมากมายแต่เมื่อแกได้สะใภ้ เข้ามาอยู่ร่วม แกก็ยกสิ่งของทั้งหมดให้ลูกชายทั้งสอง โดยแบ่งให้เสร็จสรรพว่าคนไหนได้ส่วนไหน ยกเว้นแต่เรื่องเงินเท่านั้นที่แกขอเป็นผู้จัดการเองแกมีบริษัทหลายแห่งที่มีอำนาจในการบริหารทางด้านการเงินอยู่เต็มสองฝ่ามือจากนั้นแกก็ย้ายมาเช่าคอนโดมิเนียมแห่งนี้ว่าไปแล้วถ้าจะซื้อเป็นของส่วนตัวได้ แต่แกก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ถ้าเผื่อมันอึดอัดมากนัก แกก็ย้ายไปหาที่เช่าแห่งใหม่ไม่ต้องมาบอกขายให้มันยุ่งยาก บางเดือนแกเช่าห้องไว้สองสามแห่ง ตกแต่งอย่างดีตามรสนิยม แกจะแบ่งให้ชู้หนุ่มอยู่กันคนละที่จากนั้นแกก็แวะเวียนไปดื่มด่ำกับความสุขไม่รู้เบื่อ ชีวิตจะตายวันตายพรุ่ง ยังไม่รู้เลย แล้วเรื่องอะไรแกต้องมานั่งปลงแล้วจมอยู่ในโลกอันหงอยและแสนเซ็ง รู้สึกง่วงขึ้นมาอีกแล้ว ชายชราเหยียดตัวยาว และหยิบหนังสือมาอ่านเพลินๆข้างในมีรูปนู้ดผู้ชายพอให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวย สักพักแกก็หลับไป ลืมความคิดที่จะออกไปหาเพื่อนสนิทใจ ในห้องมือสนิท ก่อนหลังแกลืมเปิดไฟทิ้ง พอตื่นขึ้นมาเห็นความมืดแกก็ตกใจ นึกว่าตนเองไปอยู่ในโลกอื่นแล้ว ควานหาสวิทซ์ไฟที่อยู่หัวเตียง รีบกดด้วยมืออันสั่นเทา ไฟสีเหลืองนวลบนหัวเตียงก็สว่างขึ้น มองเห็นไปทั่วห้อง แกยิ้มออกมานิดหนึ่ง รู้สึกตลกกับความกลัวตายของตัวเอง ทั้งๆที่พยายามจะคิดว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา เกิดมาแล้วก็ต้องตายแต่พอรู้สึกตัวว่าใกล้จะตายเข้าไปคราใด ใจแกต้องหายไปเสียทุกทีจริงๆแล้วมนุษย์เราต่างก็กลัวตายกันทุกคนไอ้คนยิ่งทำใจว่าจะต้องตายนั่นกลับยิ่งกลัวตายมากยิ่งขึ้น 

......วัชระ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น