ผมหรือครับ
เป็นนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดพิษณุโลกนะสิ
เรียนเกี่ยวกับเรื่องยาๆทั้งหลาย เหตุการณ์ประทับใจของผมเกิดขึ้นตอนผมเรียนอยู่ปี
สอง จึงเป้นหน้าที่ของชั้นปีที่ผมที่ต้องเตรียมงานรับน้องใหม่ที่จะเข้ามาร่วมวงศ์ไพบูลย์ในคณะเดียวกันคือ
กิจกรรมในช่วงแรกของความโหดก็ผ่านไปด้วยดี
จนเลยล่วงมาถึงการเอาใจน้องๆบ้างในตอนท้ายๆก็กิจกรรมการรับน้องที่คงเหมือนกันเกือบทุกสถาบันทั่วประเทศที่ใช้สูตรตบหัวลูบหลัง
วันหนึ่งวันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมจึงออกไอเดียพาน้องใหม่แห่งคณะไปเที่ยวน้ำตกกันโดยนั่งโดยสารกันไป
คณะกรรมการของชั้นปีก็เห็นดีเห็นงามไปกับไอเดียของผมโดยไม่มีใครยกมือคัดค้านเลยสักคนเดียว
แล้วเรื่องมันเกิดยังไงน่ะหรือครับ
ก็มันเกิดตรงที่ว่ามีรุ่นน้องอยู่คนหนึ่งเขามาขออนุญาตผม พาเพื่อนต่างคณะของเขาไปด้วยคนหนึ่งชื่อ
ตั้ม ตอนแรกผมก็คิดจะใส่อแหลกกำลังจะอ้าปากด่า
ว่ารับน้องของคณะจะเอาเพื่อนต่างคณะไปด้วยได้ยังไงแต่เมื่อหันหลังไปเห็นหน้านายคนตั้มเข้าให้เท่านั้นปากคอมันก็สั่นไปหมด
คำด่าหดหายเข้าไปในลำคอไปไหนไม่รู้ ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้นพูดอะไรไม่ออก
ก็ไอ้เด็กชื่อตั้มที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็มันเทพบุตรชัดๆโหย….พระเจ้าช่างปั้นจริงๆ
‘’ก็ได้นี่…ไม่มีปัญหา’’ ผมตอบน้องเสียงอ่อย ไปก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่…พอไปถึงน้ำตกผมก็เปิดกรงปล่อยฝูงทโมนทั้งหลายให้มันไปลงเล่นน้ำส่วนผมไม่ไหวแล้วมัวแต่วิ่งกับกิจกรรม
เลยไม่ได้กินข้าวเช้ามา สวรรค์ก็เขกกะโหลกโปรดผมเข้าให้
เมื่อนายตั้มอะไรเนี่ยเขาก็ไม่ได้กินเหมือนกันจึงขอตามผมไปกินข้าวด้วยคน
ผมเลยเดินหาร้านกินข้าวไปสั่นไป
หิวก็หิวไหนก็ต้องมาเก๊กหน้าให้ดูดีในสายตาไอ้รูปหล่อนี่อีก
เพราะเผื่อมันจะสนใจผมบ้าง เมื่อได้ที่ได้ทางจนอิ่มหนำสำราญแล้วเราจึงถือโอกาสต่อด้วยเบียร์อีกขวด
มันทำให้ผมสบายตัวขึ้นและกล้ามองสบตาคุยกับเขาได้อย่างถูกคอและสนิทสนมขึ้นอย่างเร็วมาก
เราทานข้าวกันเสร็จผมก็ชวนตั้มตามพวกน้องปีหนึ่ง
ลงไปเล่นน้ำคงเพราะฤทธิ์เบียร์ที่ทำให้มึนๆผมจึงหาโอกาสกอดตั้มเอาไว้เสมอด้วยลีลาอย่างไม่น่าเกลียดตั้มก็ดูไม่ว่าอะไรเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ในยามเกือบจะนุ่งลมห่มฟ้าลงมาเล่นน้ำ เย็นๆอย่างนี้ แหม…มันก็ต้องมีหนาวกันบ้างแหละ
พอจวนค่ำก็เป็นหน้าที่ของผมและเพื่อนๆปีสองที่ต้องต้อนรับน้องปีหนึ่งทั้งหลายขึ้นรถกลับบ้านกันให้ครบผมเองมัวแต่เก็บโน่นเก็บนี่
จึงขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย สวรรค์เขกกะโหลกเป็นใจอีกครั้ง
แล้วเมื่อมันเหลือที่นั่งว่างอยู่ที่เดียวทั้งรถ ก็ตรงข้างๆ นายตั้มนั่นแหละ
เขายิ้มให้และกวักมือเรียกผมไปนั่งด้วยกันเพราะความเหนื่อยและความเพลียตั้มจึงนอนหลับซบไหล่ผมมาตลอดทางใจผมตอนนั้นรู้สึกเป็นสุขมากไม่อยากให้เวลาที่รถแล่นนี้ถึงจุดหมายเลย
อยากให้มันแล่นอยู่อย่างนี้ตลอดไป แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้
พอกลับไปผมก็สั่งให้น้องปีหนึ่ง ทั้งหลายอาบน้ำนอนกันได้แล้วเพราะเหนื่อยกันมามาก
ส่วนผมก็ถือโอกาสชวนตั้มไปกินเหล้ากันต่อที่หอสองคน เพราะใจยังไม่อยากจากเขาในเวลานี้โดยผมอ้างว่าดึกๆ
จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งให้
ตั้มลังเลนิดหน่อยแต่ก็ตอบตกลงผมอย่างว่าง่ายทำไมสวรรค์ช่างเข้าข้างผมอย่างนี้ก็ไม่รู้
เมื่อฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาในขณะที่เราเพิ่งเริ่มจะมึนๆ
เป็นโอกาสของผมแล้วผมจึงเอ่ยปากชวนตั้มให้ค้างเสี่ยที่นี่เลย ‘’ นอนนี่แหละตั้ม…ฝนตกหนักคงกลับไม่ได้’’ ‘’ ไม่เป็นไรมั้งพี่ เดี๋ยวก็หยุดมั้ง’’ เขายังลังเลไม่รับปากผม ‘’ เฮ้ย..ไม่เป็นไรหรอกนอนนี่แหละ
จะได้คุยกันต่อ’’ คงเพราะแรงยื้อยุดจากปากคำของผมไม่ไหว
ตั้มจึงปลดซิบแกะกางเกงออกและบอกว่าอยากอาบน้ำก่อนนอน ผมจีงบอกทางไปห้องน้ำของหอให้
ตั้มเดินหายออกจากห้องไปพักหนึ่งเท่านั้นก็กลับเข้ามาและบอกผมว่าไม่กล้าเดินไปห้องน้ำ
เพราะมันอยู่ข้างหลังหอและมืดมากเลยเขาบอกว่าเขากลัว โอ้ยเอาอีกแล้ว
นี่สวรรค์กะจะให้ผมฟันไอ้รูปหล่อคนนี้จริงๆหรือนี่ ‘’ งั้นอาบด้วยกันกับพี่ก็ได้ ลงไปอาบพร้อมกัน’’ ผมยื่นข้อเสนอไปตั้มพยักหน้าตอบตกลงกับผมอาจจะเป็นเพราะมึนๆ
เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงกลอนและเราอยู่ในห้องเล็กๆ ที่ใช้อาบน้ำกันเพียงสองคน
ผมจึงไม่เกิดอาการลำกระโดงขยายขึ้นมาให้ขายหน้าเท่าไหร่ เพียงแต่ นูนๆ ดุนๆ
กางเกงในอยู่เท่านั้น ความมืดของห้องน้ำทำให้ผมไม่รูปร่างตั้มถนัดนัก
เราเห็นกันแต่เงาตะคุ่มตะคุ่มและใส่กางเกงในวักน้ำให้กันซู่
ไปตามเรื่องผมแกล้งตั้มเข้าให้ด้วยอารมณ์สนุกโดยเอาแชมพูป้ายหน้าเขา
แล้วดึงขันน้ำมาจากมือไม่ให้เขาล้างออกได้ตั้มยืนนิ่งเชิดหน้าคงเพราะแสบตาบอกให้ผมเอาน้ำล้างออกให้เขาเดี๋ยวนี้
ผมหัวเราะก่อนที่จะราดน้ำล้างหน้าและคืนขันให้เขา
ตั้มรับไปแล้วก็ยังเชิดหน้าด้วยความแสบตาอยู่อย่างนั้นสายตาผมเริ่มชินกับความมืดจีงเห็นอะไรต่อมิอะไรในตัวเขาได้มากขึ้น
กางเกงในสีขาวเวลาเปียกน้ำมันส่งลำกระโดงนูนเด่นจนเห็นเป็นสีเนื้ออยู่ในมุ่นไหมดำๆ
ที่โผล่พ้นขอบกางเกงออกมาตั้มเห็นผมมองเป้ากางเกงในเขาอย่างนั้นนานไปหน่อยเลยจ้องหน้าผมเหมือนจะหาคำตอบ
ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เข้าไปกอดและเอาริมฝีปากฉกไปบดขยี้ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลาเขาอย่างยั้งใจไม่อยู่
ตั้มขัดขืนผม ‘’ อย่าพี่..จะบ้าเหรอ’’ เขาดิ้นรนได้พักเดียวก็สู้แรงผมไม่ได้
และคงทนแรงสยิวจากปากผมไม่ได้เหมือนกันร่างของตั้มจึงอ่อนระทวยลง
ก่อนที่จะเริ่มตอบสนองผมในอาการบดคลึงส่วนล่างของลำตัวที่เริ่มขยายใหญ่เข้ามาของผมในระดับเดียวกันอารมณ์ปรารถนาของเขาลามเลื้อยโผล่พ้นขอบกางเกงในออกมาตุงโด่ในเวลาไม่นานเช่นเดียวกับของผม
ผมถอนปากออกจากปากเขาเมื่อเห็นว่าตั้มมีอาการตอบรับและหลับตาพริ้มด้วยความอยากเห็นสวรรค์เช่นกันไปแล้ว
ริมฝีปากผมเริ่มทำงานไซ้ติ่งหู ซอกคอ ‘’ซี้ด…โอ้ย’’ ตั้มร้องออกมาอย่างนั้นเมื่อผมฉกปากเข้าให้ที่หัวนมตัวเขาเกร็งแล้วแอ่นร่างครางกระเส่าหน้าตาเหยเก
ผมไม่รอเวลาอีกต่อไปลากลิ้นลงไปสูดดมความเป็นชายจากกางเกงในเปียกชุ่มที่บัดนี้มันปิดบังพวงสงวนไว้ไม่มิดอีกต่อไปแล้ว
ผมรูดกางเกงในตั้มออกทางปลายขาฉับพลันเจ้ามังกรตัวน้อยน่ารักสมวัยของเขาก็ดีดผึงออกมาแม้มันจะถูกชำระล้างด้วยสบู่ไปแล้วแต่กลิ่นสาปอ่อนๆหอมหวานของอวัยวะเพศชายส่งกลิ่นยั่วจมูกผมจนอดใจให้ซุกจมูกลงไปสูดดม
อดใจไม่ได้
อุบัติการณ์รีดพิษเจ้ามังกรน้อยของพ่อตั้มสุดหล่อด้วยปากของผมกำลังจะเริ่มขึ้นผมดูดดุนขบเลียจนตั้มแอ่นก้นเผยยืนพิงหลลังไม่ติดห้องน้ำ
ร่างกายประกอบกับหน้าตาเขาเซ็กส์ซี่มากในเวลานี้ ยิ่งปากที่สูดซี้ดซ้าดมันเพิ่มอารมณ์ให้ผมได้อีกมากมากน่ารักเหลือเกิน
ในยามที่คนรูปหล่อเกร็งเสียวเช่นนี้
ผมดูดไปได้พักใหญ่ก็ถึงกาลอวสานของเจ้ามังกรตัวนั้นที่จะอมพิษอยู่ต่อไปได้’’ทนไม่ไหวแล้วพี่’’ เสียงเขาสั่นจนเกือบเป็นหอบกระดกก้นกระแทกเข้าปากผมจนพิษของเจ้ามังกรฉีดพุ่งลงไปเกือบหมด
พ่อรูปหล่อก็สิ้นฤทธิ์สงบร่างด้วยท่าทีที่อ่อนแรงลงไป
จากนั้นผมถามเขาว่าจะทำให้พี่บ้างไหมเขาส่ายหน้าและบอกว่าไม่เคยชวนผมรีบล้างตัวและขึ้นนอนกัน
ผมเดินตามเขาขึ้นมาบนหออย่างผิดหวังนิดๆโดยที่ตั้มเดินดุ่มๆขึ้นบันไดมาไม่พูดกับผมสักคำ
ผมไม่ลำความพยายามแค่นั้นตอนนอนผมพยายามสวมกอดตั้มทางด้านหลังและทำให้ตั้มมีอารมณ์ขึ้นมาอีก
ผมเอาเสากระโดงที่หว่างขาของตนเองไปถูไถกับร่องก้นของตั้ม ตั้มคงไม่เคยเจออย่างนี้
ตัวเขาเลยเกร็งไปหมดผมถามเขาไปตามตรงว่าพี่ทนไม่ไหวแล้วช่วยพี่หน่อยขอประตูหลังตั้มได้ไหมตั้มตอบอย่างเห็นใจผมและแบ่งรับแบ่งสู้บอกผมว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ทางนี้มาก่อนเขากลัวเจ็บผมก็บอกเขาไปว่าไม่ต้องกลัวหรอก
ผมเรียนเภสัช ผมมียาชื่อ ‘’ ไซโลเคน’’ แอบเอามาจากแลปห้องทดลองเป็นตัวยาหล่อลื่นผสมยาชาตั้มจะไม่มีความเจ็บสักนิดเดียว
ตั้มลุกขึ้นมานั่งฟังสรรพคุณด้วยยาจากอนาคตหมอยาอย่างผมก่อนที่จะยอมผมอย่างง่ายๆ
ผมหยิบงถุงยางอนามัยมาสวมให้ตัวเอง
และเอาไซโลเคนทาที่หัวอวัยวะไว้และทาให้ตั้มที่ถ้ำสวาทด้วยอวัยวะไว้และทาให้ตั้มที่ถ้ำสวาทด้วย
เมื่อเขารุ้สึกชาๆ เพราะฤทธิ์ยาออกฤทธิ์ ผมก็จับให้ตั้มนอนหงาย ยกขาพาดบ่าผมเอาไว้
ท่าทางพ่อรูปหล่อในตอนนี้น่ารักมากน่าฟันอย่าบอกใครเชียวครับ
ผมเอาหมอนสอดเข้าไปในร่องก้นขาวๆ
ของเขาให้สูงขึ้นมาก่อนที่บรรจงเสียบเสากระโดงลงไปที่ร่องสวาทที่ยังไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนของเขา
ความรู้สึกของครั้งแรกทำให้ตั้มหลับตาปี๋ส่วนผมอารมณ์ที่จะได้เสพของบริสุทธิ์มันจุดประกายสวาทจนลุกโชกอัดแน่นไปทั้งลำผมเริ่มขยับเข้าขยับออกช้าๆ
ตั้มคงไม่รู้สึกอะไรเพราะฤทธิ์ของไซโลเคน ส่วนผมเสียวซ่านจนบอกไม่ถูก
เริ่มเร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ
อย่างกับควบม้าตั้มลืมตามองหน้าผมนิ่งแล้วยิ้มให้ขยับสะโพกรับจังหวะการโยกของผมเป็นระยะๆ
เขาเริ่มส่งเสียงครางออกมาแข่งกับผม เพราะคงเริ่มเสียว
ในที่สุดผมก็หลั่งออกมาจนเต็มสตรีม และฟุบลงกับอกตั้ม
ตั้มลุกขึ้นมาอ้อนขอเล่นรักกับหลังบ้านผมบ้างเพราะไอ้ลูกชายสุดหล่อของเขามันลุกขึ้นมายืนตรงอีกครั้งแล้วผมก็โอเค
ส่งไซโลเคนและถุงยางอนามัยให้เขาปฏิบัติการบ้าง สี่ครั้งครับ
พังกันคนละสี่ประตูในคืนนั้น เที่ยวหลังๆ นี่ไม่ต้องใช้ยาแล้ว
เพราะพอเริ่มตีสี่ตีห้ามันก็เริ่มหลวมแบบโครกครากรูดผ่านเข้าไปได้อย่างลื่นๆ
แต่เราไม่ลืมที่จะสวมถุงยางกันเสมอ
จากวันนั้นถึงวันนี้ตั้มกับผมก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
และวันไหนที่มีโอกาสพ่อสุดหล่อก็จะมาหอผมเพื่อเป็นลูกค้าประจำของไซโลเคนในห้องแลปมหาวิทยาลัยอยู่เสมอ
นี่ถ้าอาจารย์เช็คยาเมื่อไหร่ ยาตัวนี้คงไม่เหลือไว้ทำการทดลองแน่ๆเลย5555……
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น