วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เหงารัก [เรื่องสั้น]

พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ผู้คนที่นั่งอยู่ตามชายทะเลเริ่มที่จะทยอยกันกลับที่พักของตนอย่างไม่เร่งรีบนักมีคู่รักชายหญิงบางคู่ยังคงนั่งชื่นชมกับทะเลยามเย็น ‘’ วัฒน์’’ ยังคงนั่งอยู่ตรงมุมนั้นมุมที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่กับใครสักคนที่เขาไม่มีวันหาได้อีก แม้บัดนี้จะไม่มีเขาอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตามสำหรับวัฒน์แล้วเขายังคงอยู่ในใจวัฒน์เสมอมาอย่างไม่เสื่อมคลายและเพียงแค่ได้คิดได้ฝันได้มาสถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชื่นมื่นกับเขาคนนั้น แค่นี้วัฒน์ก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว ที่ปลายฟ้าไกลความมืดเริ่มกลืนกินเข้ามาอย่างช้าๆ วัฒน์เกลียดความมืดของพื้นฟ้านัก มันช่างเงียบเหงาและอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเหลือเกินสายลมที่พัดเอาความเย็นฉ่ำเริ่มเปลี่ยนเป็นความชื่นแฉกเช่นที่ปลายขอบตาที่บัดนี้มีน้ำใสเอ่อล้นออกมาวัฒน์ใช้ปลายนิ้วกลางเขี่ยมันออกมาแต่ดูเหมือนมันยิ่งโหมให้น้ำใสไหลมากขึ้น เขานั่งลงใต้ต้นมะพร้าวใหญ่ที่บัดนี้มันจะกล้าแกร่งรับลมได้อย่างท้าทายเพราะถูกสายลม ถูกน้ำทะเลซัดสาดจนชินชาจนแข็งแกร่ง แต่ใจของวัฒน์จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขาก็ยังรู้สึกนึกคิดอยู่อย่างที่เคยเป็นมา หรือหัวใจของเขามิอาจที่จะลืมภาพความสุขความช้ำที่ผ่านมาได้เลย วัฒน์หลับตาปล่อยให้สายลมปะทะใบหน้าแล้วภาพเก่าๆ ก็ปรากฏกลางใจเขาอีกจนได้ ‘’เทพเทพจะไปจริงๆ หรือเราไม่สามารถพูดหรือตกลงอะไรกันได้อีกแล้วใช่ไหม’’ ‘’ครับผมว่าเราเดินมาถึงที่สุดของความรู้สึกแล้วนะครับ พี่เองก็ทนที่ผมเป็นคนไม่ได้ผมเองก็ทนที่พี่เป็นอยู่ไม่ได้เราต่างพยายามต่อสู้กับมันมาหลายครั้งหลายครา ที่สุดก็มีแต่คำสัญญาลมๆแล้งๆ ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ พี่เองก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้เช่นกัน พี่ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง แต่ผมเหนื่อยนะพี่’’ ก็เพียงแต่เราต่างไม่รับซึ่งกันและกันเท่านั้นเองที่ทำให้เขาต้องจากไป หรืออาจเป็นเพราะวัฒน์มี ความทระนงเกินไปเป็นตัวเองมากเกินไปไม่เคยที่จะยอมรับตัวผิดเลยสักครั้ง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาต้องจากไปทำไมไม่คิดที่จะเดินคนละครึ่งทางบ้างบางทีเราอาจจะปรับเข้าหากันได้อย่างที่ควรจะเป็นวัฒน์ยังคงนึกทบทวนความทรงจำเก่าๆ ที่มันผ่านมาเกือบปีแล้วถ้าเขาอ่อนลงสักนิด วันนี้เขาคงได้ต้องมานั่งเพียงลำพังอย่างนี้หรอก เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากที่มุมไหนสักแห่งดังขึ้นปลุกให้วัฒน์ตื่นจากสภาพความทรงจำเก่าๆ ขึ้นมามองออกไปที่ภาพหลายคนกำลังเคลื่อนไหว เพียงแค่นี้วัฒน์ก็พอรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว ถ้าเขาจะวิ่งเข้าไปช่วยใครสักคนที่ตรงนั้นหมายถึงตัวเขาเองอาจได้รับความเจ็บปวดด้วยความแน่วัฒน์รีบวิ่งขึ้นหาดแล้วก็ด้วยความบังเอิญที่ใครคนนั้นกำลังวิ่งสวนลงมา ‘’ ช่วยหน่อยเถอะครับ คนถูกทำร้าย…’’ เสียงของวัฒน์ตื่นเต้นจนออกหน้า’’ ครับผมเห็นแล้วครับ…’’ เสียงหนุ่มคนนั้นตอบรับความช่วยเหลือ ช่างเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยถึงแม้ว่าวัฒน์จะมองหน้าไม่ถนัดด้วยความมืดปกคลุม แต่เสียงนั้นคุ้นหูมาก วัฒน์ยืนตัวแข็งเพราะใจนึกถึงเขาคนนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ วัฒน์รู้สึกขนลุกและตื่นเต้นเสียยิ่งกว่ากลุ่มคนที่กำลังวิวาทกันเสียอีก ทันความคิดวัฒน์วิ่งตามไปติดๆ ภาพของเขาทางด้านหลังนี้มองกี่ทีก็จำได้ว่าต้องเป็นเขา เขาไปถึงกลุ่มที่วิวาทกันอยู่แล้ว วัฒน์หยุดมองจากระยะไกลไม่กล้าเข้าไปใกล้มากนัก เกรงว่าอาจโดนลูกหลงไปด้วย เพราะเรื่องชกต่อยกันวัฒน์กลัวเป็นที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่วัฒนืกล้ายืนมองคนวิวาทกันในระยะใกล้ได้ขนาดนี้ เปล่าหรอกไม่ได้สนใจคนวิวาทกันหากแต่เขาคนนั้นที่วัฒน์นึกถึงใครบางคนขึ้นมา และก็ภาวนาขอให้เป็นเขา ‘’เทพจะไปจริงๆหรือ แล้วเทพจะไปอยู่ที่ไหน…’’ วัฒน์ยังคงยืนมองเทพเก็บข้าวของด้วยน้ำตานองหน้าหวังว่าเขาให้คำตอบกับตัวเองได้ ‘’วัฒน์จะรู้ไปทำไม ไหนๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว สู้อย่าพบกันอีกเลยดีกว่า’’ เทพน้ำเสียงกร้าวและขุนมัวสายตาที่เขามองวัฒน์นั้น อยากจะเข้าไปทำร้ายวัฒน์เสียเต็มประดา ‘’ ไปเลยถ้าเทพคิดว่า เทพเอาตัวรอดได้ คนอย่างเทพจะไปไหนได้อย่างเก่งก็ไปเป็นเด็กขายข้างถนนไปเลยแล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกเกลียดเทพได้ยินไหม’’ นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่วัฒน์ได้พูดกับเทพ และเขาก็ไม่เคยเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงอีกเลย วันที่เทพเก็บข้าวของนั้นเป็นวันที่วัฒน์ไม่ลืมเลยมันยังคงฝังลึกลงก้นบึ้งของหัวใจที่เจ็บช้ำเสมอมา ถึงแม้ว่าวัฒน์จะเคยสำนึกและเที่ยวออกตามหาเทพก็ตาม ผ่านมาเป็นเวลา 11 เดือนแล้วที่วัฒน์ไม่พบเขาอีกเลย ‘’ ขอให้เป็นเขาเถอะ’’ วัฒน์รำพึงใจตัวเองภาวนาให้ชายคนนั้นเป็นเทพ ความรู้สึกของวัฒน์ตอนนี้ไม่ต่างไปจากเด็กกลุ่มที่ทะเลาะวิวาทกันเลยคือตื่นเต้นเสียจนตัวชา ไม่นานนั้นเด็กกลุ่มนั้นก็สลายตัว และเขาคนนั้นที่บัดนี้วัฒน์ยังคงเห็นแต่ผ่านหลังเท่านั้นกำลังจะเดินย้อนกลับมาวัฒน์ยืนอยู่ วัฒน์เห็นหน้าเขาไม่ชัดนักด้วยความมืดที่ปกคลุมเพียงแค่นี้วัฒน์ก็รู้สึกว่าตัวเองมือเท้ามันเย็นชาไปทั่วร่างเสียแล้ว โดยเฉพาะที่หัวใจซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะหยุดเต้นให้ได้ภาพเริ่มชัดขึ้นทีละน้อยๆ เขาแน่ๆ เลย วัฒน์บอกกับตัวเองมองจากที่วัฒน์ยืนอยู่ห่างจากตัวเขาเพียงแค่ 10 ก้าวเท่านั้น อย่างไรก็เป็นเขา เร็วเหมือนใจคิด วัฒน์วิ่งไปหาชายหน่มคนนั้นด้วยความเร็วสุดตัวเพราะกลัวว่าชายคนนั้นจะหายวับไป แต่แล้ววัฒน์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อบัดน้าระยะห่างระหว่างวัฒน์กับชายคนนั้นเพียงแค่เอื้อม แต่ไม่ใช่เขาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจโลกมันหยุดหมุนสรรพสิ่งในโลกนี้หายสิ้นไปทั่วทุกชีวิต’’ ไม่มีอะไรแล้วครับ เพื่อนๆ มันล้อเล่นกันเท่านั้นเอง ผมเองมองมาแต่ไกลก็นึกว่าคุณถูกทำร้ายเสียอีก’’ เสียงของชายคนนั้นช่างเหมือนเขาคนนั้นของวัฒน์เหลือเกิน ใบหน้าที่คมเข้มแบบคนต่างจังหวัดที่ดูกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ ‘’ เป็นอะไรหรือปล่าวครับ ‘’ ชายแปลกหน้าถามด้วยความสงสัยที่เห็นวัฒน์ยืนตัวแข็งมองหน้าเขาอย่างไม่กะพริบตา ‘’คุณครับคุณครับ…’’ เสียงที่ดูเข้มแข็งและเต็มไปด้วยอำนาจของชายคนนั้นเรียกความรู้สึกต่างๆ ของวัฒน์ให้กลับมา ‘’ครับคือเออขอโทษครับ คือ….’’ วัฒน์อาการพูดไม่ออก เพราะไม่คาดคิดว่าตัวเองจะทำอะไรออกไปได้แบบนั้น ‘’คือผมนึกว่าคุณเป็นใครสักคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี คุณเหมือนเขามากเลยครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำกิริยาเช่นเมื่อกี้ออกไปปคุณคงไม่นึกว่าผมบ้าหรอกนะครับ’’ วัฒน์ให้ความกระจ่างออกไปด้วยความรู้สึกอายๆ ‘’ ผมก็นึกว่าคุณคงรู้จักผม เห็นคุณวิ่งมาทำท่าเหมือนจะ…’’ เขาหยุดไปไม่กล้าพูดต่อเพราะตอนนั้นวัฒน์วิ่งเข้าหาเขาแบบนั้นจริงๆ คือเหมือนจะวิ่งเข้าไปกอดเขา วัฒน์รู้สึกใจหายเหมือนกันที่เขาไม่ใช่เทพ คนที่วัฒน์กำลังคิดถึง จนทำให้วัฒน์เหมือนคนบ้าไปเสียแล้ว วัฒน์ตัดสินใจกล่าวคำขอโทษและแนะนำตัวเองกับชายคนนั้น ‘’คือยังงัยผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะครับ คือเป็นการเข้าใจผิด หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจนะครับที่ผมทำอะไรออกไปแบบนั้น’’ ‘’ ผมสุวัฒน์ครับ’’ วัฒน์ยื่นมือออกไปหมายทำความรู้จักกับเขา เขาก็ยื่นมือออกรับไมตรีเช่นกัน ‘’ผมนิพลครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ’’ เขาทักทายด้วยไมตรีจนวัฒน์รู้สึกร้อนๆหนาวๆ ขึ้นมา ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับหัวใจของวัฒน์อีกเพราะบัดนี้วัฒน์รู้สึกว่าถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่เทพ คนที่วัฒน์ตามหาแต่ก็เหมือนกับเทพมากไม่ว่าการพูดจานิสัยที่ขี้เล่นแต่ดูหน้ากลัว วัฒน์รู้สึกว่าเขาเองก็มีไมตรีให้ตนเองพอตัวอยู่ถ้ามันจะเป็นไปได้เขาคงยินยอมและพร้อมรับไมตรีจากวัฒน์ได้เช่นกัน บางทีนะ เขาอาจจะมาแทนที่เทพก็ได้ เพียงแต่ว่าวัฒน์เองต่างหากล่ะที่จะปรับตัวให้เข้ากับเขาได้มากน้อยแค่ไหน บทเรียนที่ราคาแพงมากมายที่ผ่านมา วัฒน์รู้ตัวดีเสมอมาว่าตัวเองผิดมาโดยตลอดเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ต้องคิดว่าคนอื่นจะต้องทำตามใจวัฒน์เท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นใดๆ เพื่อมาลบล้างความคิดเห็นของวัฒน์บทเรียนที่มาสอนให้วัฒน์พยายามที่จะปรับตัวให้วัฒน์เป็นคนใหม่ และตอนนี้จากแววตา สีหน้าและคำพูดจาของชายแปลกหน้าคนนั้นทำให้คนอย่างวัฒน์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากย่อมรู้ดีว่าชายคนนี้จะแทนที่เทพได้หรือไม่ มันอาจจะต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มต้นใหม่อีกเลยเมื่อมีโอกาสอีกครั้งเราก็ควรรักษาโอกาสนั้นไว้ให้ดี เอาบทเรียนเก่าๆ ที่เคยทำพลาดผิดไปมาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่ครั้งนี้ผมจะไม่เสียใครไปอีกแล้ว ‘’ คุณเหงาบ้างหรือเปล่า’’นิพลถามวัฒน์ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกภายในแน่นอนสายตาแบบนี้วัฒน์เข้าใจดีว่ามันหมายความว่าอย่างไรแววตาแบบนี้วัฒน์รู้ดีว่ามันจะต้องเกิดเรื่องราวขึ้นอีกครั้งนี้ คงเป็นที่หัวใจเท่านั้น ‘’เหงาครับ ‘’ วัฒน์ตอบกลับไปพร้อมสายตาเป็นการยอมรับจากอีกฝ่าย และคืนนั้นที่มุมๆ หนึ่งของชายหาดขาวสะอาดสวย กำลังก่อเกิดความรักอีกรูปแบบหนึ่งแบบที่เรียกว่า ‘’ บังเอิญได้พบ…’’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น