พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว
ผู้คนที่นั่งอยู่ตามชายทะเลเริ่มที่จะทยอยกันกลับที่พักของตนอย่างไม่เร่งรีบนักมีคู่รักชายหญิงบางคู่ยังคงนั่งชื่นชมกับทะเลยามเย็น
‘’ วัฒน์’’ ยังคงนั่งอยู่ตรงมุมนั้นมุมที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่กับใครสักคนที่เขาไม่มีวันหาได้อีก
แม้บัดนี้จะไม่มีเขาอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตามสำหรับวัฒน์แล้วเขายังคงอยู่ในใจวัฒน์เสมอมาอย่างไม่เสื่อมคลายและเพียงแค่ได้คิดได้ฝันได้มาสถานที่
ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชื่นมื่นกับเขาคนนั้น แค่นี้วัฒน์ก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว
ที่ปลายฟ้าไกลความมืดเริ่มกลืนกินเข้ามาอย่างช้าๆ วัฒน์เกลียดความมืดของพื้นฟ้านัก
มันช่างเงียบเหงาและอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเหลือเกินสายลมที่พัดเอาความเย็นฉ่ำเริ่มเปลี่ยนเป็นความชื่นแฉกเช่นที่ปลายขอบตาที่บัดนี้มีน้ำใสเอ่อล้นออกมาวัฒน์ใช้ปลายนิ้วกลางเขี่ยมันออกมาแต่ดูเหมือนมันยิ่งโหมให้น้ำใสไหลมากขึ้น
เขานั่งลงใต้ต้นมะพร้าวใหญ่ที่บัดนี้มันจะกล้าแกร่งรับลมได้อย่างท้าทายเพราะถูกสายลม
ถูกน้ำทะเลซัดสาดจนชินชาจนแข็งแกร่ง
แต่ใจของวัฒน์จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เขาก็ยังรู้สึกนึกคิดอยู่อย่างที่เคยเป็นมา
หรือหัวใจของเขามิอาจที่จะลืมภาพความสุขความช้ำที่ผ่านมาได้เลย
วัฒน์หลับตาปล่อยให้สายลมปะทะใบหน้าแล้วภาพเก่าๆ ก็ปรากฏกลางใจเขาอีกจนได้ ‘’เทพ…เทพจะไปจริงๆ
หรือเราไม่สามารถพูดหรือตกลงอะไรกันได้อีกแล้วใช่ไหม’’ ‘’ครับ…ผมว่าเราเดินมาถึงที่สุดของความรู้สึกแล้วนะครับ
พี่เองก็ทนที่ผมเป็นคนไม่ได้ผมเองก็ทนที่พี่เป็นอยู่ไม่ได้เราต่างพยายามต่อสู้กับมันมาหลายครั้งหลายครา
ที่สุดก็มีแต่คำสัญญาลมๆแล้งๆ ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้
พี่เองก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้เช่นกัน พี่ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง แต่ผมเหนื่อยนะพี่’’ ก็เพียงแต่เราต่างไม่รับซึ่งกันและกันเท่านั้นเองที่ทำให้เขาต้องจากไป
หรืออาจเป็นเพราะวัฒน์มี
ความทระนงเกินไปเป็นตัวเองมากเกินไปไม่เคยที่จะยอมรับตัวผิดเลยสักครั้ง
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาต้องจากไปทำไมไม่คิดที่จะเดินคนละครึ่งทางบ้างบางทีเราอาจจะปรับเข้าหากันได้อย่างที่ควรจะเป็นวัฒน์ยังคงนึกทบทวนความทรงจำเก่าๆ
ที่มันผ่านมาเกือบปีแล้วถ้าเขาอ่อนลงสักนิด
วันนี้เขาคงได้ต้องมานั่งเพียงลำพังอย่างนี้หรอก เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากที่มุมไหนสักแห่งดังขึ้นปลุกให้วัฒน์ตื่นจากสภาพความทรงจำเก่าๆ
ขึ้นมามองออกไปที่ภาพหลายคนกำลังเคลื่อนไหว
เพียงแค่นี้วัฒน์ก็พอรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว
ถ้าเขาจะวิ่งเข้าไปช่วยใครสักคนที่ตรงนั้นหมายถึงตัวเขาเองอาจได้รับความเจ็บปวดด้วยความแน่วัฒน์รีบวิ่งขึ้นหาดแล้วก็ด้วยความบังเอิญที่ใครคนนั้นกำลังวิ่งสวนลงมา
‘’ ช่วยหน่อยเถอะครับ คนถูกทำร้าย…’’ เสียงของวัฒน์ตื่นเต้นจนออกหน้า’’ ครับผมเห็นแล้วครับ…’’ เสียงหนุ่มคนนั้นตอบรับความช่วยเหลือ
ช่างเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยถึงแม้ว่าวัฒน์จะมองหน้าไม่ถนัดด้วยความมืดปกคลุม
แต่เสียงนั้นคุ้นหูมาก
วัฒน์ยืนตัวแข็งเพราะใจนึกถึงเขาคนนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
วัฒน์รู้สึกขนลุกและตื่นเต้นเสียยิ่งกว่ากลุ่มคนที่กำลังวิวาทกันเสียอีก
ทันความคิดวัฒน์วิ่งตามไปติดๆ
ภาพของเขาทางด้านหลังนี้มองกี่ทีก็จำได้ว่าต้องเป็นเขา เขาไปถึงกลุ่มที่วิวาทกันอยู่แล้ว
วัฒน์หยุดมองจากระยะไกลไม่กล้าเข้าไปใกล้มากนัก เกรงว่าอาจโดนลูกหลงไปด้วย
เพราะเรื่องชกต่อยกันวัฒน์กลัวเป็นที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่วัฒนืกล้ายืนมองคนวิวาทกันในระยะใกล้ได้ขนาดนี้
เปล่าหรอกไม่ได้สนใจคนวิวาทกันหากแต่เขาคนนั้นที่วัฒน์นึกถึงใครบางคนขึ้นมา
และก็ภาวนาขอให้เป็นเขา ‘’เทพจะไปจริงๆหรือ แล้วเทพจะไปอยู่ที่ไหน…’’ วัฒน์ยังคงยืนมองเทพเก็บข้าวของด้วยน้ำตานองหน้าหวังว่าเขาให้คำตอบกับตัวเองได้
‘’วัฒน์จะรู้ไปทำไม
ไหนๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว สู้อย่าพบกันอีกเลยดีกว่า’’ เทพน้ำเสียงกร้าวและขุนมัวสายตาที่เขามองวัฒน์นั้น
อยากจะเข้าไปทำร้ายวัฒน์เสียเต็มประดา ‘’ ไปเลยถ้าเทพคิดว่า เทพเอาตัวรอดได้
คนอย่างเทพจะไปไหนได้อย่างเก่งก็ไปเป็นเด็กขายข้างถนน…ไปเลยแล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก…เกลียดเทพได้ยินไหม’’ นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่วัฒน์ได้พูดกับเทพ
และเขาก็ไม่เคยเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงอีกเลย
วันที่เทพเก็บข้าวของนั้นเป็นวันที่วัฒน์ไม่ลืมเลยมันยังคงฝังลึกลงก้นบึ้งของหัวใจที่เจ็บช้ำเสมอมา
ถึงแม้ว่าวัฒน์จะเคยสำนึกและเที่ยวออกตามหาเทพก็ตาม ผ่านมาเป็นเวลา 11
เดือนแล้วที่วัฒน์ไม่พบเขาอีกเลย ‘’ ขอให้เป็นเขาเถอะ’’ วัฒน์รำพึงใจตัวเองภาวนาให้ชายคนนั้นเป็นเทพ
ความรู้สึกของวัฒน์ตอนนี้ไม่ต่างไปจากเด็กกลุ่มที่ทะเลาะวิวาทกันเลยคือตื่นเต้นเสียจนตัวชา
ไม่นานนั้นเด็กกลุ่มนั้นก็สลายตัว
และเขาคนนั้นที่บัดนี้วัฒน์ยังคงเห็นแต่ผ่านหลังเท่านั้นกำลังจะเดินย้อนกลับมาวัฒน์ยืนอยู่
วัฒน์เห็นหน้าเขาไม่ชัดนักด้วยความมืดที่ปกคลุมเพียงแค่นี้วัฒน์ก็รู้สึกว่าตัวเองมือเท้ามันเย็นชาไปทั่วร่างเสียแล้ว
โดยเฉพาะที่หัวใจซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะหยุดเต้นให้ได้ภาพเริ่มชัดขึ้นทีละน้อยๆ
เขาแน่ๆ เลย วัฒน์บอกกับตัวเองมองจากที่วัฒน์ยืนอยู่ห่างจากตัวเขาเพียงแค่ 10 ก้าวเท่านั้น
อย่างไรก็เป็นเขา เร็วเหมือนใจคิด
วัฒน์วิ่งไปหาชายหน่มคนนั้นด้วยความเร็วสุดตัวเพราะกลัวว่าชายคนนั้นจะหายวับไป
แต่แล้ววัฒน์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อบัดน้าระยะห่างระหว่างวัฒน์กับชายคนนั้นเพียงแค่เอื้อม
แต่ไม่ใช่เขาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจโลกมันหยุดหมุนสรรพสิ่งในโลกนี้หายสิ้นไปทั่วทุกชีวิต’’ ไม่มีอะไรแล้วครับ เพื่อนๆ มันล้อเล่นกันเท่านั้นเอง
ผมเองมองมาแต่ไกลก็นึกว่าคุณถูกทำร้ายเสียอีก’’ เสียงของชายคนนั้นช่างเหมือนเขาคนนั้นของวัฒน์เหลือเกิน
ใบหน้าที่คมเข้มแบบคนต่างจังหวัดที่ดูกี่ครั้งก็ไม่มีวันเบื่อ ‘’ เป็นอะไรหรือปล่าวครับ ‘’ ชายแปลกหน้าถามด้วยความสงสัยที่เห็นวัฒน์ยืนตัวแข็งมองหน้าเขาอย่างไม่กะพริบตา
‘’คุณครับ…คุณครับ…’’ เสียงที่ดูเข้มแข็งและเต็มไปด้วยอำนาจของชายคนนั้นเรียกความรู้สึกต่างๆ
ของวัฒน์ให้กลับมา ‘’ครับ…คือ…เออ…ขอโทษครับ คือ….’’ วัฒน์อาการพูดไม่ออก
เพราะไม่คาดคิดว่าตัวเองจะทำอะไรออกไปได้แบบนั้น ‘’คือผมนึกว่าคุณเป็นใครสักคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
คุณเหมือนเขามากเลยครับ
ต้องขอโทษด้วยที่ทำกิริยาเช่นเมื่อกี้ออกไปปคุณคงไม่นึกว่าผมบ้าหรอกนะครับ’’ วัฒน์ให้ความกระจ่างออกไปด้วยความรู้สึกอายๆ ‘’ ผมก็นึกว่าคุณคงรู้จักผม เห็นคุณวิ่งมาทำท่าเหมือนจะ…’’ เขาหยุดไปไม่กล้าพูดต่อเพราะตอนนั้นวัฒน์วิ่งเข้าหาเขาแบบนั้นจริงๆ
คือเหมือนจะวิ่งเข้าไปกอดเขา วัฒน์รู้สึกใจหายเหมือนกันที่เขาไม่ใช่เทพ
คนที่วัฒน์กำลังคิดถึง จนทำให้วัฒน์เหมือนคนบ้าไปเสียแล้ว วัฒน์ตัดสินใจกล่าวคำขอโทษและแนะนำตัวเองกับชายคนนั้น
‘’คือยังงัยผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะครับ
คือเป็นการเข้าใจผิด หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจนะครับที่ผมทำอะไรออกไปแบบนั้น’’ ‘’ ผมสุวัฒน์ครับ’’ วัฒน์ยื่นมือออกไปหมายทำความรู้จักกับเขา
เขาก็ยื่นมือออกรับไมตรีเช่นกัน ‘’ผมนิพลครับ…ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ’’ เขาทักทายด้วยไมตรีจนวัฒน์รู้สึกร้อนๆหนาวๆ ขึ้นมา
ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับหัวใจของวัฒน์อีกเพราะบัดนี้วัฒน์รู้สึกว่าถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่เทพ
คนที่วัฒน์ตามหาแต่ก็เหมือนกับเทพมากไม่ว่าการพูดจานิสัยที่ขี้เล่นแต่ดูหน้ากลัว
วัฒน์รู้สึกว่าเขาเองก็มีไมตรีให้ตนเองพอตัวอยู่ถ้ามันจะเป็นไปได้เขาคงยินยอมและพร้อมรับไมตรีจากวัฒน์ได้เช่นกัน
บางทีนะ …เขาอาจจะมาแทนที่เทพก็ได้
เพียงแต่ว่าวัฒน์เองต่างหากล่ะที่จะปรับตัวให้เข้ากับเขาได้มากน้อยแค่ไหน
บทเรียนที่ราคาแพงมากมายที่ผ่านมา วัฒน์รู้ตัวดีเสมอมาว่าตัวเองผิดมาโดยตลอดเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่
ต้องคิดว่าคนอื่นจะต้องทำตามใจวัฒน์เท่านั้น
คนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นใดๆ
เพื่อมาลบล้างความคิดเห็นของวัฒน์บทเรียนที่มาสอนให้วัฒน์พยายามที่จะปรับตัวให้วัฒน์เป็นคนใหม่
และตอนนี้จากแววตา สีหน้าและคำพูดจาของชายแปลกหน้าคนนั้นทำให้คนอย่างวัฒน์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากย่อมรู้ดีว่าชายคนนี้จะแทนที่เทพได้หรือไม่
มันอาจจะต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มต้นใหม่อีกเลยเมื่อมีโอกาสอีกครั้งเราก็ควรรักษาโอกาสนั้นไว้ให้ดี
เอาบทเรียนเก่าๆ ที่เคยทำพลาดผิดไปมาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเสียใหม่ครั้งนี้ผมจะไม่เสียใครไปอีกแล้ว
‘’ คุณเหงาบ้างหรือเปล่า’’นิพลถามวัฒน์ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกภายในแน่นอนสายตาแบบนี้วัฒน์เข้าใจดีว่ามันหมายความว่าอย่างไรแววตาแบบนี้วัฒน์รู้ดีว่ามันจะต้องเกิดเรื่องราวขึ้นอีกครั้งนี้
คงเป็นที่หัวใจเท่านั้น ‘’เหงาครับ ‘’ วัฒน์ตอบกลับไปพร้อมสายตาเป็นการยอมรับจากอีกฝ่าย
และคืนนั้นที่มุมๆ หนึ่งของชายหาดขาวสะอาดสวย
กำลังก่อเกิดความรักอีกรูปแบบหนึ่งแบบที่เรียกว่า ‘’ บังเอิญได้พบ…’’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น