วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รักแท้ชายกับชายใครว่าไม่มีอยู่จริง

ผมชื่อโยครับผมรับราชการทหารครับผมแต่งงานอยู่กินกับภรรยาอยู่กันมา 5 ปีผมเปิดร้านอาหารกึ่งผับเล็ก ในตัวจังหวัด
ส่วน บ้านผมนั้นอยู่อีกอำเภอหนึ่งในปี(ปีที่ 5 พ.ศ.2550)นั้นเป็นปีที่ผมน่าจะมีความสุขมากที่สุดกิจการที่ร้านก็กำลังรุ่ง ทางครอบครัว ภรรยาก็ตั้งท้องผมก็สังเกตเห็นว่ามีหมอหนุ่มมาที่บ้านทุกวันมานั่งเล่นนั่ง คุยอยู่กับภรรยาผม ผมถามภรรยาเขาบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม จนผ่านไปสักระยะผมมีความรู้สึกว่าแม่ยายไม่ค่อยพูดกับผมเหมือนก่อนหรือพูด ออกมาทีก็ภาษา ดอกไม้จนผ่านไป 1 เดือนวันนั้นผมขับรถกลับบ้านเกือบตี 1 พอมาถึงบ้านผมเห็นไฟในบ้านเปิดอยู่ผมก็ดีใจ อืมสงสัยเมียเราจะเป็นห่วงที่ไหนได้ครับแม่ยายผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านในมือก็ถืออะไรสักอย่างมีผ้าคลุม เอาไว้พอผมเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ไม่ให้ผมเข้าบ้านด้วยซ้ำเขาส่งสิ่งที่ถือไว้ในมือมาให้ผมแล้วบอกผมว่าพรุ่ง นี้ให้ไปเซ็นไปหย่าที่อำเภอด้วย ฉันอยากได้ลูกเขยเป็นหมอ น่าจะดีกว่าลูกเขยทหารแค่นั้นละครับผมน้ำตาร่วงเลยผมเปิดผ้าออกข้างในเป็น โหลครับเป็นเด็กครบ สมบูรณ์ทุกอย่างแล้วและที่สำคัญเป็นแฝดด้วยนี้คือลูกของผมครับ ก่อนแม่ยายจะเดินเข้าบ้านเขามาดึงเอากุญแจรถจากมือผมแกบอกผมว่า รถคันนี้เป็นสินสอดลูกสาวเขา เขาไม่ให้ (toyota vios) ผมก็เดินออกจากบ้าน
เดินออกมาเรื่อยไกลแค่ไหนผมก็ไม่รู้ครับแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วผมกอดโหลลูกชายผมไว้แน่น
เดินไปร้องให้ไปจนมาถึงศาลาริมทางผมก็เลยเดินเข้าไปนั่งผมอยากกลับบ้านแต่จะ กลับยังไง รถก็ไม่มี จากที่นี้ไปบ้านในตัวจังหวัดก็ 46-47 กิโลผมเลยหาโทรศัพท์ในกระเป๋าโน๊ตบุ๊คโชคดีครับผมโทรหาน้องเอให้เขาขับรถมา รับผมนั่งร้องให้แทบขาดใจอยู่เกือบถึง ตี 3 น้องเอก็มาถึงผมถามว่าทำไมช้าจังน้องเอด่าผมทันทีจากบ้านเอาเข้ามาตัวจังหวัดก็ 46 กิโล จากจังหวัดมานี้ 47 กิโล แถมหนาว บิดได้ไม่ถึง 40มาถึงได้ก็นับว่าบุญแล้วผมให้น้องเอขับพาไปที่ร้านครับเพราะชั้น 2 – 3 ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ผมจะอยู่ที่ร้านละ ไม่อยากเข้าไปบ้านพ่อ เดี่ยวมีปัญหามาอีก (น้อง เอ เป็นนักศึกษาที่มาทำงานที่ร้านผมครับตอนนั้นน้องเออยู่ปี 1 แถมยังต้องออกมาทำงานหาเงินทั้งเรียนทั้งทางบ้านตัวเองอีก น้องเอเป็นคนน่ารักครับ เป็นเด็กขยัน ทำงานทุกอย่างไม่เกี่ยง)

พอ มาถึงที่ร้านผมก็น้องก็ขึ้นไปชั้นบน ชั้น 2 ห้องนอนสมัยเด็ก ๆ ของผม โอเค อยู่มันตรงนี้น้องเอทำความห้องครับ ปัด กวาด เช็ด ถู ผมก็เอาแต่กอดลูกชายทั้งสองร้องให้จนน้องเอทำความสะอาดเสร็จแล้วเดินเขามา หาบอกว่าจะกลับบ้านผมขอให้น้องอยู่กับพี่ก่อนนะแล้วน้องเอเอามือมาเปิดผ้า คลุมโหลออกพอเห็นน้องเอถึงกลับร้องให้พี่โย พี่ต้องเอาไปทำพิธีทางศาสนานะ ผมบอกน้องว่าผมจะเก็บไว้พี่โยจะเก็บไว้ไม่ได้ พี่จะมาทำบาปกับลูกแบบนี้ไม่ได้พี่ต้องเอาลูกไปทำพิธีทางศาสนาไปทำให้มันถูก ต้องลูกจะได้ไปเกิดใหม่พี่จะเก็บไว้พี่นะบาปกว่าแม่มันอีกนะผมมองหน้าน้องเอ เลยครับน้องเอทั้งร้องให้ ทั้งพูดขอเวลาพี่สักระยะนะ
พอ ผ่านไป 1 อาทิตย์ไปหย่าให้กับเขาครับ  พอเห็นหน้าแม่ลูกคู่นั้น  ผมโกรธมากครับนึกถึง ลูกผมก็ร้องให้ออกมาทั้งขับรถทั้งร้องให้ตาก็มองไม่เห็นทาง (ผมเป็นคนขับรถเร็วครับ) วันนั้นผมประสบอุบัติเหตุครับ รถผมลงข้างทาง พลิกคว่ำไม่รู้กี่รอบ อัดกับต้นไม้อีก (น้องเอบอกทีหลังพร้อมภาพรถ วีโก้ 4 ประตูที่ผมซื้อมาราคาเกือบล้านเป็นเศษเหล็ก) ผมตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล คอก็ใส่เฝือก หัวก็พันผ้า  แขนก็หัก  ขาหักทั้ง 2 ข้าง  แต่คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมตอนที่ผมตื่นมา  นั้นคือน้องเอครับ  น้องเอไม่มีเรียนบ่าย  ก็เลยจะเข้ามา ดูผมที่ร้าน  แต่ก็มารู้ว่าผมรถคว่ำ  ผมดีใจมากครับ พอเห็นน้องเอผมก็ยิ้ม คำถามแรกที่น้องเอถามผมคือ อยากตายหรือไง  ซ่านะขับรถนะ  ผมไม่ตอบครับ ได้แต่พยายามยิ้ม  ผมนอนโรงพยาบาล 1 เดือน เต็มครับ  น้องเอมาทุกวัน  มาทำงานที่ร้าน เปิดร้าน ทุกวัน ส่วนพ่อ แม่ผม2-3 วันจะมาเยี่ยมครั้งหนึ่ง จนผมบอกให้น้องเอมาอยู่ที่ร้านครับ ผมให้น้องเอมาอยู่ที่ร้าน ผมสั่งให้ร้านเพื่อนผมเอาเฟอร์นิเจอร์มาให้น้องเอาเพราะในห้องไม่มีอะไรครับ ก็ดีนะครับ วันไหนน้องเอไม่มีเรียนก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนผมที่โรงพยาบาลพาผมไปทำกายภาพ บำบัดตลอด  จนกระทั้งผมออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน(ร้าน)  น้องเอพาผมหัดเดิน ทุกวัน  ผมก็สังเกตว่าน้องเอไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจผมเลย(น้องเออาบน้ำให้ผมด้วยนะ) จนผ่านไป 3 เดือนครับ ขาผมก็ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ต้องใช้ตัวช่วยอยู่ดี  ส่วนแขนซ้ายเกือบจะเป็นปกติครับ วันหนึ่ง ๆ น้องเออาบน้ำให้ผมเสร็จ  พอออกจากห้องน้ำน้องเอก็จะช่วยเช็ดตัวให้อีกผมแก้ ผ้าล่อนจ้อนตลอดเลยครับ ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักความรักของชายกับชายด้วยซ้ำครับ  น้องเอเช็ดตาม ตัว  มาเช็ดที่ขา เช็ดที่พวงไข่ผม รูดหัวท่อนผมออกมาเช็ดทำความสะอาดแล้วก็หาเสื้อผมมาให้ผมใส่ ส่วนลูกผมนั้นก็ยังตั้งอยู่ในห้อง ผมก็เลยชวนน้องเอว่าพรุ่งนี้เราจะเอาลูกไปทำบุญที่วัดกันนะ  ตั้งแต่ ที่ผมนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน  มาพักที่บ้านอีก  ผ่านไปหลาย 4 เดือน ครับ ผมเป็นห่วงน้องเอตลอดเวลาผมไม่แน่ใจว่า ผมรักน้องเอหรือผมห่วงน้องเอผมรักผมห่วงน้องเขาในฐานะอะไร  แฟน หรือว่า น้องชาย  ผมตอบตัวเองไม่ถูก  ผมตอบตัวเองไม่ได้  ผมไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำ เห็นน้องเอไปกับคนอื่นคุยกับคนอื่น  ผมกับมีอาการหวง  ใจสั่น คอยมองทางตลอดเมื่อไรน้องจะกลับ อย่างเวลาที่น้องไปเรียนผมก็ยังห่วง น้องไปเรียนขับมอไซร์นะครับ ขับรถเร็วมาก ผมเป็นห่วงน้องมาก  โทรถามน้องตลอด
ผมถามใจตัวเองตลอด  ผมรักน้องเอแบบแฟน  บ้า ชายรักชาย มันจะไปได้แค่ไหน
หรือ ว่าผมรักน้องเอ  แบบน้องชาย อืมมมม  น่าจะใช่นะ  แต่ทำไมเวลาที่น้องคุยกับคนอื่นไปกับเพื่อนที่เขากอดคอ กับ โอบไหล่กัน ทำไมเรากับ หึงน้องเขาละ
ตอน นี้ก็เข้าเดือนที่6 ขาผมก็ยังเดินเหินได้ไม่ดีเท่าไร เดินได้ไม่กี่ก้าวผมก็เหนื่อย แล้วผมก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในหัว วันนั้นน้องเอไม่มีเรียนบ่าย เดี่ยวน้องก็กลับมาแล้ว ผม...ทั้งปล่อยหนัก  ปล่อยเบา  ใส่กางแกงครับ (คิดหมา ๆ คิดได้งั้ย) พอน้องเอกลับมาถึงเท่านั้นละครับ น้องเอรีบวางกระเป๋า รีบเดินเข้ามาหาผมทันที พยุงผมเข้าห้องน้ำ ถามผมว่าสุดหรือยัง แล้วออกมาทำความสะอาดห้องครับผมเห็นน้องเขาทำผมใจสั่น ด่าว่าตัวเองในใจ คิดได้อย่างไรที่ทำแบบนี้ผมตัดสินใจแล้ว น้องเอจับผมยืนแล้วเปิดน้ำราดตัวผมลงมาทั้งเสื้อผ้าน้องเอาถอดเสื้อผม ออก  ผมจ้องน้องเอตลอดเลย  แล้วน้องเอก็ก้มลงมาถอดกางแกงผมลง  แล้วดึงกาง แกงในผมลง  ตอนนั้น โยน้อยผมแข็งเลยครับ  น้องเอาใช้ฝักบัวฉีดน้ำล้างตัวผมออกจนสะอาด น้องเอถอดเสื้อถอดกางแกงนักศึกษาออกเหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางแกงใน  แต่ผมสิ ครับ ชุดวันเกิด ต่อหน้าน้องเอมา 6เดือนแล้ว  น้องเอเอาครีมอาบน้ำใส่ฟองน้ำมาถูตามตัวผมครับ  ผมจ้องน้องเอ ตลอด  ก้มหน้าลงมาดูหน้าน้องเอ น้องหน้าแดงเลยครับ  น้องเอานั่งคุกเขา อยู่ต่อหน้าผม  โดยที่ผมไม่ใส่อะไร สิ่งที่วุ่นอยู่ในหัวผมคือผมคิดอะไรกับน้องเอ  “แฟนหรือน้องชายผมตัดสินใจยกตัวน้องเอขึ้นมานั่งตักผม ผมจับหน้าน้องเอจ้องไว้ แล้วผมก็จะจูบน้องเอ  แต่น้องเอกลับลุกขึ้นเปิดน้ำราดตัวผม  ……..

ผม กับน้องนอนในห้องนอนเดียวกันแต่นอนเขามีที่นอนปิกนิกมาปูที่พื้นข้างเตียง ในแต่ละวันนั้นน้องต้องเหนื่อยจากการเรียน  และต้องมาเหนื่อยในการบริหารงาน ในร้านอีก น้องเอขึ้นมานอนบนเตียงเถอะ จะได้ไม่ปวดหลังไม่มีเสียงตอบ มีแต่ อืมมแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคง  ผมลงมานอนข้างล่างกับน้องเอละครับในเมื่อน้องไม่ ขึ้นไป แล้วทำไมพี่จะลงมาไม่ได้ละ ผมนอนจ้องหน้าน้องเอผมกับน้องเอหมุนหมอนใบเดียวกัน ผมแอบจูบน้องเอ ซึ่งก่อนหน้านั้น แค่เห็นในหนังในละคร ก็แทบจะอ้วก แต่นี้ผมจูบน้องเออยู่ ทำไมผมรู้สึกดีข้างล่างมันก็รู้สึกดีด้วย ทั้ง ๆ ที่ ไม่เคยคิดว่าจะมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันได้  หรือว่า เรารักน้องเอไปแล้ว แต่น้องเอไม่มีทีท่าจะจะเป็นตุ๊ด เป็นแต้ว หรือแตกสาวเลยสักนิส วันนั้นผมนอนกอดน้องเอมาแนบหน้าอกของผม หน้าน้องเอ ซบที่คอผม ผมจูบหน้าผากน้องเอไปอีกทีก่อนที่เราทั้งคู่จะหลับไป ในตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาโดยที่มีน้องเอในอ้อมกอดแต่น้องเอตื่นก่อนผม แต่นอนนิ่งให้ผมกอด ไม่ยอมปลุกผมให้ตื่น ผมถามน้องเอไปตรง ๆ ไปว่าเอ  ได้ยินเสียงหัวใจพี่มั้ยน้องเอไม่ตอบ มีแต่จะลุกขึ้นจะไปอาบน้ำไปมหาลัย อืม...เอาไว้วันหลัง
ตก เย็นน้องมาถึงบ้านก็เขามาเอาของมาเก็บก่อนจะลงไปลุยงาน ตอนนี้กิจการที่ร้านถือว่าเป็นที่สุดของร้านในจังหวัดเลยทีเดียวจากร้าน อาหารกึ่งผับ น้องเอมาเปลี่ยนร้านผมเป็นบุฟเฟ่ คาราโอเกะมีวงดนตรีมาร้องเพลงอีก จากเดิมมีแค่ไม่กี่สิบโต๊ะ แต่ปัจจุบันมันมากกว่า 200 และเต็มทุกวัน  3-4 ทุ่มก็ยังมีคนมาเข้าร้าน  ใครอยากคาราโอเกะก็เปิดห้อง VIPน้องเอเอาผมขึ้นมา นอนบนเตียง  ผมกอดน้องเอเอาไว้ หวังจะดึงขึ้นมานอนด้วยกันแต่ หลุดน้องลงมาน้องที่พื้นเหมือนเดิม ผมก็ลงตามสิครับ น้องเอชอบนอนตะแคงวันนี้ผมนอนอยู่ข้างหลังน้อง กอดน้องไว้แนบอกผมเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือผมเอง ผมมีความต้องการ ซึ่งผ่านมาจะครึ่งปีแล้ว ยังไม่เคยปลดปล่อยเลยสักครั้ง ผมเช็คว่าน้องหลับสนิทผมก็แต่ผมยังไม่กล้าทำอะไรมานอกจากอาศัยร่องขาหนีบ น้องเอเป็นตัวช่วย จนผมตัวเบา แต่ซิบหายละน้องมันยังไม่หลับนี้ ผมพลิกตัวน้องเอมากอด ผมขอโทษน้องเอพี่ขอโทษเอทำไมและวันนี้เองที่ผมได้รู้ใจตัวเอง ผมพูดด้วยเสียงสั่น   “น้องเอครับ พี่รักเรานะ พี่พี่ไม่ได้รักเราแบบพี่ชายรัก น้องชายนะ แต่พี่รักเรา แบบ แบบ น้องเอครับเป็นแฟนพี่นะ”  น้องเอไม่ตอบผมครับได้แต่กอดผมไว้แน่น ผมก็ถามซ้ำเพราะต้องการคำตอบ และก็ได้รับคำตอบว่า ครับกะจะขอเบิ้ล แต่น้องไม่ให้ทำเพราะต้องตื่นเช้า มีเวลานอนไม่กี่ชั่วโมง
วันนั้นละครับที่ผมตัดสินใจคบน้องเอจริงจัง  น้องเอเป็น แฟนผมเต็มตัว  เงินทุกบาททุกสตางค์น้องเอเป็นคนเก็บครับทั้งเงินเดือนทหาร ทั้งรายได้จากร้าน จากการที่เป็นห่วงน้องเอในการขับมอไซร์ไปเรียน  ผมซื้อรถยนต์ให้ตัวเอง  และ ไม่ลืมที่จะซื้อให้น้องเอด้วย (toyotafortuner) หายห่วงมาหน่อย  ผมอยู่กับน้องเอมาตั้งแต่ปี50 จนถึงตอนนี้  ชีวิตผมดีขึ้นเรื่อย ๆครับ รายได้จากร้านมากขึ้น น้องเอบริหารเต็มตัว มีการขยับขยายธุรกิจออกไปอีกจาก 200 โต๊ะ กลายเป้น 400โต๊ะ ไปโดยปริยาย  น้องเอหาแม่ครัว พ่อครัวของอาหารในด้านต่างมาให้บริการลูกค้า ทั้งส้มตำ ปิ้งย่าง อาหารตามสั่ง  ผมอยู่กินกับน้องเอมาตอนนี้ก็ 5 ปี (50-55)ผมมีทุกอย่าง  มีบ้าน มีรถ (ตอนนี้ผมขับ benze-coupe ) มีเงินเก็บ เงินเดือนทหารผมไม่ได้ใช้เลยในแต่ละเดือน  รายได้ของร้านในแต่ละเดือน 6-7 หลัก ต่อเดือน ส่วนก่อนปี50 นั้น  ผมอยู่แฟนเก่า  ผมมีแต่หนี้ กองท่วมหัว  วัน ๆ ไม่ทำงานทำการทั้งแม่ ทั้งลูก ผมมีหนี้อยู่หลายแสนเลยผมเจอแล้วครับรักแท้ของผมผมว่าคนเราถ้าจะบอกกันแค่ รัก รัก รัก อยู่กันไม่รอดหรอกครับ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ต่อกัน การไว้เนื้อเชื่อใจกัน เมื่อมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็พูดกัน”  ผมกับน้องอยู่กันมาไม่เคยมีปากเสียงกัน เลยครอบครัวทั้งสองครอบครัวก็เข้าใจเราครับ  ปล.ตอน ปีใหม่ ปี 51 เมียเก่า กับแม่มันมาขอคืนดีครับ ผมรู้ตั้งแต่เห็นหมอหนุ่มมากินข้าวที่ร้านกับหนุ่มตี๋เมียเก่าผมบอกว่าไม่ รู้ว่าที่เขาไปเล่นด้วยที่บ้านนั้นเขามารอเจอผม  ผมบอกไปว่า ได้  แต่ไปเอาลูกชายฝาแฝดผมกับมาให้มีชีวิตเหมือนเดิมถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องโผล่หนังหน้ามาให้เจออีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น