ผมว่ายน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นานทีเดียวที่ผมไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเองอย่างนี้ เวลานี้มันเหมือนน้ำตกเป็นของผมแต่ผู้เดียว ผมว่ายอยู่กลางน้ำส่งเสียงร้องเพลงด้วยเสียงอันดังอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน’’กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม…’’ เคยเห็นแต่นางไม้ออกมาแหวกว่ายน้ำเล่นยามไร้ผู้คนแต่นี้กลับกลายเป็นเทพารักษ์ไปซะงั้น เสียงหนึ่งดังแทรกเสียงเพลงของผม และเจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางเดินมาหยุดตรงหน้าผมอย่างจะท้าทาย ผมตกใจจนลืมตัวยืนขึ้นอย่างจะเอาเรื่องกับชายคนนั้น โดยลืมไปว่าขณะนี้ผมเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน หากแต่พอนึกมาได้ก็รีบเอามือปิดส่วนสำคัญไว้ ชายคนนั้นยืนมองอย่างขบขัน ยิ้มอย่างเปิดเผย ‘’ผมเห็นหมดแล้ว เห็นตั้งแต่คุณแก้ผ้ากระโดดน้ำนั่นแล้ว’’ เขาพูดพร้อมกับทรุดตัวนั่ งลงข้างๆกองเสื้อผ้าผม เขาหยิบขึ้นมาทีละชิ้นๆ ไว้ในอุ้งมือของเขา ผมได้แต่มองแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ความสนุกสนานเมื่อครู่เหือดหายไปหมด เขามองดูเสื้อผ้าของผมในมือของเขาแล้วชูขึ้นมองผมอย่างท้าทาย ‘’ไงรูปหล่อเล่นน้ำต่อสิ ผมจะเฝ้าพิทักษ์คุณเอง ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ หนุ่มน้อย’’ เขาถามผมอย่างกวนๆ แต่รอยยิ้มแอบแฝงไมตรีอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมเลิกกลัวแล้ว ยังไงก็ขอลองดูสักครั้ง ปืนยังอยู่ในรถ ไว้ให้ผมได้เสื้อผ้าและปืนก่อนเถอะ ผมจะสั่งสอนให้เขารู้จักผมซะบ้าง ตอนนี้ผมก็เลยแกล้งทำเป็นดีกับเขาเสียก่อน’’ผมชื่อวี’’ผมตะโกนตอบ ‘’ผมชื่อตองเขา’’ตะโกนกลับมาเช่นเดียวกัน ผมจอดรถเสียงดังอย่างเคยชิน แล้วมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณ ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนผลไม้รอบด้าน ‘’ที่นี้คือท้ายไร่แล้ว โน่นบ้านไร่ปลายนา ของเจ้าเงาะกับรจนา’’ ตองชี้ให้ผมดูตอนนี้ เราสนิทกันมากแล้ว ตองจบจากมหาลัยเกษตรได้ 2 ปี และทำงานที่กรมประม ง พอวันเสาร์วันอาทิตย์ถึงกลับมาบ้านไร่อีกครั้ง แต่ตองไม่ยอมพาผมไปที่บ้านในเมืองของเขา เขาบอกว่า’’ที่บ้านคนเยอะ คุยไม่มันส์ บ้านที่ไร่ดีกว่า คุยกันมันส์ดี เราสองคนมีเรื่องมันส์ๆ ที่จะต้องทำอีกมาก’’ บ้านไร่ปลายนาของตองมันเงียบจริงๆ ซะด้วย ความคิดอย่างหนึ่งวาบขึ้นสมอง ‘’ไม่มีคนแน่หรือตอง’’ผมถามอย่างต้องการความมั่นใจอีกครั้ง เขาพยักหน้าคิ้ว เข้มๆ นั้นทำให้หน้าตาเขาดูเข้าที ผมเปิดประตูรถ และหยิบสิ่งหนึ่งออกมา ‘’เดี๋ยวตองถึงเวลาที่คุณต้องใช้หนี้แล้ว’’ตองหันมามองแล้วทำตาเหลือก เพราะปืนในมือผมไปจ่อร่างของเขาอย่างมาดหมาย คราวนี้ถึงทีผมบ้าง ผมยิ้มอย่างอ่อนหวาน มือเล็งไปที่เป้ากางเกง ‘’ถอดออกทีละชิ้น…ทีละชิ้นนะ…เอาเสื้อก่อนแล้วกันเร็ว!’’ ตองหัวเราะแล้วบอกว่า ‘’โอ๊ย…ไม่ต้องขู่ ก็จะถอดอยู่แล้ว’’ เขาถอดอย่างรวดเร็ว ‘’ไง...พอฟัดพอเหวี่ยงกับของวีร์ไหม?...’’ ผมกลับเป็นฝ่ายหน้าแดง ได้แต่เดินไปตามร่างเปล่าเปลือยของเขาเข้าไปในบ้านไร่ เมื่อเข้าไปถึงผมยังไม่มีโอกาสสำรวจตรวจตราอะไร ตองก็หันตัวกลับรั้งร่างของผมเข้าไปกอดและจูบมันทำให้ผมตกใจและพยายามรดันร่างของเขาให้ออกห่าง ‘’อะไรอีกล่ะ,,,จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกล่ะ’’ ผมถามด้วยความหอบหลังจากดันร่างออกจากการกอดรัด ความรู้สึกที่ถูกจูบไซ้ด้วยลิ้นและหนวดเมื่อครู่ทำให้ผมหายใจเต้นแรงขึ้นอย่างผิดสังเกต เพียงแค่นี้ก็เร้าอารมณ์ตองได้อย่างเต็มที่ ร่างเปลือยของเขาจึงมีสิ่งหนึ่งผงาดขึ้นมาอย่างท้าทาย ‘’คนกรุงเทพไม่เคยเรื่องพรรค์นี้ก็อย่าไปอยู่มันเลย’’ เขาพูดเสียงเครียด ‘’มานี่’’ เขากระชากร่างผมเข้าไปหาอีกครั้ง เรือนร่างแข็งแกร่งของผู้ชายสองคน ถาโถมเข้าหากันอย่างเมามัน มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดๆ หากแต่เป็นการแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น (ทางกามโลก) สำหรับผมนั้นเป็นรสชาติใหม่ แตกต่างจากผู้หญิงที่เคยสัมผัส ตองมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนหวานในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งซึ่งผู้หญิงไม่มีแต่ตองมี มีไว้สำหรับผม…เรือนร่างแข็งแกร่ง2ร่าง นั้นยังคงประสมประสาน เพี่อที่จะเป็นร่างเดียวกัน บางาครั้งก็เหยียดตรง บางครั้งก็ตั้งฉาก เหมือนลีลานักบัลเล่ต์ หรือกว่าเรือนร่างที่แข็งแกร่งที่คลุกเคล้ากันอยู่นั้นจะแยกจากกันก็นานนับชั่วโมง ‘’เย็นมากแล้วผมกลับล่ะ แล้ววันเสาร์หน้าจะมาใหม่นะ’’ ผมบอกตองอย่างนั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จ เป็นอันว่าปิดเทอมระหว่างนั้น หากเป็นวันธรรมดาผมจะไม่ไปเที่ยวที่ไหนเลย นอนรอเอาแรงวันเสาร์วันอาทิตย์ วันสำหรับผมกับตอง
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557
รู้รักเมื่อปิดเทอม
ในช่วงโรงเรียนปิดเทอม ผมเดินทางกลับต่างจังหวัด
นานๆครั้งจะได้รับโอกาสอันเป็นธรรมชายอย่างแท้จริงเช่นนี้ ทำให้ผมรู้สึกเบิกบานใจอย่างยิ่ง
ในช่วงปิดเทอมนั้น ผมขับรถปิคอัพท่องเที่ยวไปทั่ว
เวลาผมจอดหรือเดินทางไปไหนจะมีแต่คนมองผมทั้งนั้น ก็ผมมันเด็กบู้นี่คับ
วิธีการแต่งตัวก็ออกดุเดือดในสายตาชาวบ้านนอกประกอบกับการขับรถซิ่งและจอดรถด้วยเสียงดังเอี๊ยดของผมด้วย
ก็เลยกลายเป็นจุดดึงดูดสายตาของชาวบ้านทั่วไป
มองไปเถอะผมชอบซะอีก(มันรู้สึกสะใจตามอารมณ์วัยสะรุ่น) วันหนึ่งผมมีความคิดพิเรนคือ
จะขับรถไปอาบน้ำที่น้ำตกของตัวจังหวัดโดยไม่ใส่อะไรเลย
เพราะผมเคยไปที่น้ำตกแห่งนี้มาก่อนแล้วที่นั่งเงียบสงบไม่มีคนเลย
วันนี้ผมก็ขับรถไปที่น้ำตกแห่งนั้น ผมจอดรถด้วยเสียงดังอย่างเคย(เพื่อให้เจ้าป่าเปิดทาง)
ให้ชาวบ้านหันมามองเล่นอย่างนั้นแหละในขณะที่ปิดประตูรถนั้น ด้วยสัญชาตญาณอย่างหนึ่งบอกผมว่า
ผมกำลังถูกจับจ้องโดยผู้ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม
แต่ผมก็ไม่สนใจ เดินขึ้นน้ำตกไปเรื่อยๆ น้ำตกชั้นแรกๆนั้นน้ำเหือดแห้ง
ผมต้องไต่ขึ้นไปสูงถึงชั้นที่7 ชั้นนี่แหละที่ผมหมายตาไว้
เพราะเปลี่ยวและไม่มีคน ผมลองเอามือกวักน้ำดูน้ำเย๊นเฉียบ
ผมไม่รอช้ารีบถอดเสื้อผ้าหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน กระโดดลงน้ำ น้ำเย็นจริงๆ
ผมว่ายน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นานทีเดียวที่ผมไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเองอย่างนี้ เวลานี้มันเหมือนน้ำตกเป็นของผมแต่ผู้เดียว ผมว่ายอยู่กลางน้ำส่งเสียงร้องเพลงด้วยเสียงอันดังอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน’’กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม…’’ เคยเห็นแต่นางไม้ออกมาแหวกว่ายน้ำเล่นยามไร้ผู้คนแต่นี้กลับกลายเป็นเทพารักษ์ไปซะงั้น เสียงหนึ่งดังแทรกเสียงเพลงของผม และเจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางเดินมาหยุดตรงหน้าผมอย่างจะท้าทาย ผมตกใจจนลืมตัวยืนขึ้นอย่างจะเอาเรื่องกับชายคนนั้น โดยลืมไปว่าขณะนี้ผมเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน หากแต่พอนึกมาได้ก็รีบเอามือปิดส่วนสำคัญไว้ ชายคนนั้นยืนมองอย่างขบขัน ยิ้มอย่างเปิดเผย ‘’ผมเห็นหมดแล้ว เห็นตั้งแต่คุณแก้ผ้ากระโดดน้ำนั่นแล้ว’’ เขาพูดพร้อมกับทรุดตัวนั่ งลงข้างๆกองเสื้อผ้าผม เขาหยิบขึ้นมาทีละชิ้นๆ ไว้ในอุ้งมือของเขา ผมได้แต่มองแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ความสนุกสนานเมื่อครู่เหือดหายไปหมด เขามองดูเสื้อผ้าของผมในมือของเขาแล้วชูขึ้นมองผมอย่างท้าทาย ‘’ไงรูปหล่อเล่นน้ำต่อสิ ผมจะเฝ้าพิทักษ์คุณเอง ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ หนุ่มน้อย’’ เขาถามผมอย่างกวนๆ แต่รอยยิ้มแอบแฝงไมตรีอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมเลิกกลัวแล้ว ยังไงก็ขอลองดูสักครั้ง ปืนยังอยู่ในรถ ไว้ให้ผมได้เสื้อผ้าและปืนก่อนเถอะ ผมจะสั่งสอนให้เขารู้จักผมซะบ้าง ตอนนี้ผมก็เลยแกล้งทำเป็นดีกับเขาเสียก่อน’’ผมชื่อวี’’ผมตะโกนตอบ ‘’ผมชื่อตองเขา’’ตะโกนกลับมาเช่นเดียวกัน ผมจอดรถเสียงดังอย่างเคยชิน แล้วมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณ ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนผลไม้รอบด้าน ‘’ที่นี้คือท้ายไร่แล้ว โน่นบ้านไร่ปลายนา ของเจ้าเงาะกับรจนา’’ ตองชี้ให้ผมดูตอนนี้ เราสนิทกันมากแล้ว ตองจบจากมหาลัยเกษตรได้ 2 ปี และทำงานที่กรมประม ง พอวันเสาร์วันอาทิตย์ถึงกลับมาบ้านไร่อีกครั้ง แต่ตองไม่ยอมพาผมไปที่บ้านในเมืองของเขา เขาบอกว่า’’ที่บ้านคนเยอะ คุยไม่มันส์ บ้านที่ไร่ดีกว่า คุยกันมันส์ดี เราสองคนมีเรื่องมันส์ๆ ที่จะต้องทำอีกมาก’’ บ้านไร่ปลายนาของตองมันเงียบจริงๆ ซะด้วย ความคิดอย่างหนึ่งวาบขึ้นสมอง ‘’ไม่มีคนแน่หรือตอง’’ผมถามอย่างต้องการความมั่นใจอีกครั้ง เขาพยักหน้าคิ้ว เข้มๆ นั้นทำให้หน้าตาเขาดูเข้าที ผมเปิดประตูรถ และหยิบสิ่งหนึ่งออกมา ‘’เดี๋ยวตองถึงเวลาที่คุณต้องใช้หนี้แล้ว’’ตองหันมามองแล้วทำตาเหลือก เพราะปืนในมือผมไปจ่อร่างของเขาอย่างมาดหมาย คราวนี้ถึงทีผมบ้าง ผมยิ้มอย่างอ่อนหวาน มือเล็งไปที่เป้ากางเกง ‘’ถอดออกทีละชิ้น…ทีละชิ้นนะ…เอาเสื้อก่อนแล้วกันเร็ว!’’ ตองหัวเราะแล้วบอกว่า ‘’โอ๊ย…ไม่ต้องขู่ ก็จะถอดอยู่แล้ว’’ เขาถอดอย่างรวดเร็ว ‘’ไง...พอฟัดพอเหวี่ยงกับของวีร์ไหม?...’’ ผมกลับเป็นฝ่ายหน้าแดง ได้แต่เดินไปตามร่างเปล่าเปลือยของเขาเข้าไปในบ้านไร่ เมื่อเข้าไปถึงผมยังไม่มีโอกาสสำรวจตรวจตราอะไร ตองก็หันตัวกลับรั้งร่างของผมเข้าไปกอดและจูบมันทำให้ผมตกใจและพยายามรดันร่างของเขาให้ออกห่าง ‘’อะไรอีกล่ะ,,,จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกล่ะ’’ ผมถามด้วยความหอบหลังจากดันร่างออกจากการกอดรัด ความรู้สึกที่ถูกจูบไซ้ด้วยลิ้นและหนวดเมื่อครู่ทำให้ผมหายใจเต้นแรงขึ้นอย่างผิดสังเกต เพียงแค่นี้ก็เร้าอารมณ์ตองได้อย่างเต็มที่ ร่างเปลือยของเขาจึงมีสิ่งหนึ่งผงาดขึ้นมาอย่างท้าทาย ‘’คนกรุงเทพไม่เคยเรื่องพรรค์นี้ก็อย่าไปอยู่มันเลย’’ เขาพูดเสียงเครียด ‘’มานี่’’ เขากระชากร่างผมเข้าไปหาอีกครั้ง เรือนร่างแข็งแกร่งของผู้ชายสองคน ถาโถมเข้าหากันอย่างเมามัน มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดๆ หากแต่เป็นการแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น (ทางกามโลก) สำหรับผมนั้นเป็นรสชาติใหม่ แตกต่างจากผู้หญิงที่เคยสัมผัส ตองมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนหวานในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งซึ่งผู้หญิงไม่มีแต่ตองมี มีไว้สำหรับผม…เรือนร่างแข็งแกร่ง2ร่าง นั้นยังคงประสมประสาน เพี่อที่จะเป็นร่างเดียวกัน บางาครั้งก็เหยียดตรง บางครั้งก็ตั้งฉาก เหมือนลีลานักบัลเล่ต์ หรือกว่าเรือนร่างที่แข็งแกร่งที่คลุกเคล้ากันอยู่นั้นจะแยกจากกันก็นานนับชั่วโมง ‘’เย็นมากแล้วผมกลับล่ะ แล้ววันเสาร์หน้าจะมาใหม่นะ’’ ผมบอกตองอย่างนั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จ เป็นอันว่าปิดเทอมระหว่างนั้น หากเป็นวันธรรมดาผมจะไม่ไปเที่ยวที่ไหนเลย นอนรอเอาแรงวันเสาร์วันอาทิตย์ วันสำหรับผมกับตอง
ผมว่ายน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นานทีเดียวที่ผมไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเองอย่างนี้ เวลานี้มันเหมือนน้ำตกเป็นของผมแต่ผู้เดียว ผมว่ายอยู่กลางน้ำส่งเสียงร้องเพลงด้วยเสียงอันดังอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน’’กลางดงพงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม…’’ เคยเห็นแต่นางไม้ออกมาแหวกว่ายน้ำเล่นยามไร้ผู้คนแต่นี้กลับกลายเป็นเทพารักษ์ไปซะงั้น เสียงหนึ่งดังแทรกเสียงเพลงของผม และเจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางเดินมาหยุดตรงหน้าผมอย่างจะท้าทาย ผมตกใจจนลืมตัวยืนขึ้นอย่างจะเอาเรื่องกับชายคนนั้น โดยลืมไปว่าขณะนี้ผมเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน หากแต่พอนึกมาได้ก็รีบเอามือปิดส่วนสำคัญไว้ ชายคนนั้นยืนมองอย่างขบขัน ยิ้มอย่างเปิดเผย ‘’ผมเห็นหมดแล้ว เห็นตั้งแต่คุณแก้ผ้ากระโดดน้ำนั่นแล้ว’’ เขาพูดพร้อมกับทรุดตัวนั่ งลงข้างๆกองเสื้อผ้าผม เขาหยิบขึ้นมาทีละชิ้นๆ ไว้ในอุ้งมือของเขา ผมได้แต่มองแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี ความสนุกสนานเมื่อครู่เหือดหายไปหมด เขามองดูเสื้อผ้าของผมในมือของเขาแล้วชูขึ้นมองผมอย่างท้าทาย ‘’ไงรูปหล่อเล่นน้ำต่อสิ ผมจะเฝ้าพิทักษ์คุณเอง ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ หนุ่มน้อย’’ เขาถามผมอย่างกวนๆ แต่รอยยิ้มแอบแฝงไมตรีอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมเลิกกลัวแล้ว ยังไงก็ขอลองดูสักครั้ง ปืนยังอยู่ในรถ ไว้ให้ผมได้เสื้อผ้าและปืนก่อนเถอะ ผมจะสั่งสอนให้เขารู้จักผมซะบ้าง ตอนนี้ผมก็เลยแกล้งทำเป็นดีกับเขาเสียก่อน’’ผมชื่อวี’’ผมตะโกนตอบ ‘’ผมชื่อตองเขา’’ตะโกนกลับมาเช่นเดียวกัน ผมจอดรถเสียงดังอย่างเคยชิน แล้วมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณ ซึ่งล้วนแต่เป็นส่วนผลไม้รอบด้าน ‘’ที่นี้คือท้ายไร่แล้ว โน่นบ้านไร่ปลายนา ของเจ้าเงาะกับรจนา’’ ตองชี้ให้ผมดูตอนนี้ เราสนิทกันมากแล้ว ตองจบจากมหาลัยเกษตรได้ 2 ปี และทำงานที่กรมประม ง พอวันเสาร์วันอาทิตย์ถึงกลับมาบ้านไร่อีกครั้ง แต่ตองไม่ยอมพาผมไปที่บ้านในเมืองของเขา เขาบอกว่า’’ที่บ้านคนเยอะ คุยไม่มันส์ บ้านที่ไร่ดีกว่า คุยกันมันส์ดี เราสองคนมีเรื่องมันส์ๆ ที่จะต้องทำอีกมาก’’ บ้านไร่ปลายนาของตองมันเงียบจริงๆ ซะด้วย ความคิดอย่างหนึ่งวาบขึ้นสมอง ‘’ไม่มีคนแน่หรือตอง’’ผมถามอย่างต้องการความมั่นใจอีกครั้ง เขาพยักหน้าคิ้ว เข้มๆ นั้นทำให้หน้าตาเขาดูเข้าที ผมเปิดประตูรถ และหยิบสิ่งหนึ่งออกมา ‘’เดี๋ยวตองถึงเวลาที่คุณต้องใช้หนี้แล้ว’’ตองหันมามองแล้วทำตาเหลือก เพราะปืนในมือผมไปจ่อร่างของเขาอย่างมาดหมาย คราวนี้ถึงทีผมบ้าง ผมยิ้มอย่างอ่อนหวาน มือเล็งไปที่เป้ากางเกง ‘’ถอดออกทีละชิ้น…ทีละชิ้นนะ…เอาเสื้อก่อนแล้วกันเร็ว!’’ ตองหัวเราะแล้วบอกว่า ‘’โอ๊ย…ไม่ต้องขู่ ก็จะถอดอยู่แล้ว’’ เขาถอดอย่างรวดเร็ว ‘’ไง...พอฟัดพอเหวี่ยงกับของวีร์ไหม?...’’ ผมกลับเป็นฝ่ายหน้าแดง ได้แต่เดินไปตามร่างเปล่าเปลือยของเขาเข้าไปในบ้านไร่ เมื่อเข้าไปถึงผมยังไม่มีโอกาสสำรวจตรวจตราอะไร ตองก็หันตัวกลับรั้งร่างของผมเข้าไปกอดและจูบมันทำให้ผมตกใจและพยายามรดันร่างของเขาให้ออกห่าง ‘’อะไรอีกล่ะ,,,จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกล่ะ’’ ผมถามด้วยความหอบหลังจากดันร่างออกจากการกอดรัด ความรู้สึกที่ถูกจูบไซ้ด้วยลิ้นและหนวดเมื่อครู่ทำให้ผมหายใจเต้นแรงขึ้นอย่างผิดสังเกต เพียงแค่นี้ก็เร้าอารมณ์ตองได้อย่างเต็มที่ ร่างเปลือยของเขาจึงมีสิ่งหนึ่งผงาดขึ้นมาอย่างท้าทาย ‘’คนกรุงเทพไม่เคยเรื่องพรรค์นี้ก็อย่าไปอยู่มันเลย’’ เขาพูดเสียงเครียด ‘’มานี่’’ เขากระชากร่างผมเข้าไปหาอีกครั้ง เรือนร่างแข็งแกร่งของผู้ชายสองคน ถาโถมเข้าหากันอย่างเมามัน มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดๆ หากแต่เป็นการแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น (ทางกามโลก) สำหรับผมนั้นเป็นรสชาติใหม่ แตกต่างจากผู้หญิงที่เคยสัมผัส ตองมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนหวานในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งซึ่งผู้หญิงไม่มีแต่ตองมี มีไว้สำหรับผม…เรือนร่างแข็งแกร่ง2ร่าง นั้นยังคงประสมประสาน เพี่อที่จะเป็นร่างเดียวกัน บางาครั้งก็เหยียดตรง บางครั้งก็ตั้งฉาก เหมือนลีลานักบัลเล่ต์ หรือกว่าเรือนร่างที่แข็งแกร่งที่คลุกเคล้ากันอยู่นั้นจะแยกจากกันก็นานนับชั่วโมง ‘’เย็นมากแล้วผมกลับล่ะ แล้ววันเสาร์หน้าจะมาใหม่นะ’’ ผมบอกตองอย่างนั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จ เป็นอันว่าปิดเทอมระหว่างนั้น หากเป็นวันธรรมดาผมจะไม่ไปเที่ยวที่ไหนเลย นอนรอเอาแรงวันเสาร์วันอาทิตย์ วันสำหรับผมกับตอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น