วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วันนี้...ที่เดียวดาย [เรื่องสั้น]

วันที่มีความสุขชื่นมื่นได้ผันผ่านไปแล้ววันนี้ก็เหลือเพียงความทรงจำแต่ก็นับว่ายังดี ที่คนเรายังมีความทรงจำพอหวนรำลึกถึง มันก็เหมือนว่า วันนั้น ยังไม่ได้ผ่านไปเลย แต่มันยังคงดำเนินอยู่อย่างสดใสแจ่มชัด รายสายลมอ่อนๆ ที่กำลังพัดรวยรินผ่านใบไม้สีเขียวกระจ่างในแสงแห่งอรุณของวันใหม่ ใช่วันใหม่ต้องมีอยู่เสมอ มีอยู่ทุกวันยามเช้าต้องมาถึง ยามเย็นต้องผ่านพ้นเพื่อที่จะมีวันใหม่ เจตน์มักนั่งจมอยู่กับยามเย็นเสมอๆตะวันเหลืองรอนๆ อ่อนแสงอยู่นอกบานหน้าต่าง บ้านที่ชานเมือง ยังมีหมู่ไม้ให้นกบินมาเกาะพักหลับนอนเพื่อจะผ่านพ้นยามกลางคืนไป ที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างนี้ ใช่ว่าจะดื่มด่ำล้ำลึกกับธรรมชาติหรอก แม้เป็นคนชอบธรรมชาติก็ตาม แต่ในยามนี้ หัวใจนั้นหวนนึกถึงใครคนหนึ่งที่วันนี้ไม่มีเขา ไม่ใช่ว่าเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่เลย เขายังมีชีวิตอยู่ แต่กับคนอื่น ไม่ใช่เจตน์คนนี้ ถ้านับถือพระเจ้า ก็จะพูดได้ว่าพระเจ้าเล่นตลก แต่เจตน์นับถือศาสนาพุทธจึงไม่อาจพูดเช่นนั้นได้ เอาเป็นว่าโชคชะตาเล่นตลกก็แล้วกัน เจตน์ก็รู้ว่าการที่ตนเองเป็นเพศชายแต่ม่ใจเสน่หาชายหนุ่มด้วยกันนั้น มันย่อมจะสมหวังยาก แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ก็ในเมื่อหัวใจเป็นอย่างนี้ พยายามฝืนแล้ว ระงับความรู้สึกแล้ว อยากเป็นเหมือนชายอื่นที่มีคนรักเป็นสตรีเพศ แต่….ไม่อาจทำใจได้ และเขาคนนั้นก็เป็นเหมือนรักแรกพบเสียด้วย ไม่น่าเลยไม่น่าเลยไม่น่าจริงๆ เขาชื่อเจมส์ อย่าแปลกใจเลย ทำไมชื่อเขาเก๋อย่างนั้น เขาเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันรูปร่างหน้าตานั้น ถูกตาถูกใจเจตน์เป็นที่สุด เขาหล่อ คมสัน เป็นที่กรี๊ดกร๊าด กันในหมู่สาวเปรี้ยวทั้งหลาย จมูกโด่ง เส้นผมเบาสลวยสีน้ำตาล ร่างสูง นัยต์ตาออกสีฟ้าสดใส แต่ไม่ใช่ที่เขาเรียกว่า’’ตาน้ำข้าว’’ หรอก เรียนมหาวิทยาลัยอยู่คณะเดียวกันเขาชวนไปเที่ยวบ้าน บ้านหลังใหญ่ที่มีพ่อ และแม่อยู่พร้อมหน้า เขาเป็นลูกชายคนเดียว มีน้องสาวคนหนึ่ง สวยเหมือนแม่แต่เรือนร่างกระเบียดไปทางพ่อ ไปเที่ยวบ้านเขาบ่อยๆ ไม่ว่าพ่อหรือแม่ของเขา หรือว่าตัวเจมส์เอง ต่างก็เข้าใจว่าเจตน์ชอบสาวน้อยคนเดียวในบ้านหลังนั้น ไม่เพียงแต่ไปเที่ยว แต่ยังได้นอนค้างแรมในห้องเดียวกันกับเจมส์อีกด้วย ท่ามกลางความมืดยามกลางคืนบนเตียงเดียวกันนั้น อยากโอบกอดเขาเหลือเกิน และอยากให้เขาพลิกร่างมาโอบบ้างแต่ไม่มีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้น เตียงเดียวแต่เหมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เจตน์เองก็ไม่กล้าพอที่จะเป็นฝ่ายปฏิบัติก่อน มีบางคนพูดว่าพวกเกย์นี่แหละหน้าด้านกันนัก เจตน์อยากด้านให้ดังก้องโลก ไม่เป็นเช่นนั้นทุกคนหรือเสมอไปหรอกคนที่พูดบิดเบือนความจริงอย่างร้ายกาจ มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้น นับว่าเป็นคืนที่ทุกอย่างเปิดโอกาสให้ มันเป็นคืนแห่งฤดูหนาว ลมเย็นยะเยือกพัดเข้าทางหน้าต่าง เสียงต้นไม้นอกชายคาบ้านส่ายใบกระทบกันดังกราวๆอยู่ในความมืด จำได้ว่าเจมส์ถามว่าหนาวไหม ‘’หนาวถึงขั้วหัวใจเลยล่ะ’’ ตอบเขาไปเช่นนั้ น ด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน แต่ว่าหนาวนั้นไช่หนาวกายอย่างเดียวหรอก หากแต่มันยังหนาวจับจิตที่หัวใจอีกด้วย ‘’ถ้ามีผู้หญิงกอดก็ดีนะ’’ เขาเปรยออกมาอย่างนั้น ก็อยากบอกเขานัก ทำไมต้องผู้หญิงด้วย ผู้ชายด้วยกันเนื้อตัวไม่อุ่นหรือ เลือดในกายก็เป็นเลือดเหมือนกัน สายเลือดที่อุ่นซ่าน หรือถ้าต้องการความอ่อนหวาน ผู้ชายอย่างเจตน์ก็มีให้ หรือถ้าจะเอาหัวใจ ก็มีอีกเช่นกัน ‘’ ทำไมไม่พูดล่ะ’’ เจมส์อยากให้เขาออกความเห็นเรื่องมีผู้หญิงนอนกอด ก็ทำให้อดนึกถึงหญิงสาวๆที่มามีท่าทีกับเจมส์ไม่ได้ พอนึกถึงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงตอบเขาไปอย่างประชดหน่อยๆ ‘’อย่างเจมส์เอาสักกี่คนก็ได้มิใช่หรือ’’ เขาหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะของเขาช่างน่าฟัง และน่าจดจำเอาไว้ให้ก้องอยู่ในหูตลอดไป เพื่อวันข้างหน้าที่อาจไม่มีเขาอยู่ใกล้ ‘’ แล้วอย่างเจตน์ล่ะ’’ ‘’ทำไม’’  ‘’จะเอากี่คนบ้างไม่ได้หรือ’’ ‘’เคยเห็นค้าจีบใครไหมล่ะ’’ ‘’ จะรู้ได้ยังไง เผื่อชุ่มล่ะ’’  ‘’เจมส์ล่ะ ชุ่มหรือ’’ เขาหัวเราะไม่ตอบ จริงๆแล้ว เจตน์ก็ไม่เห็นเจมส์สนใจสาวคนไหนจริงจัง พวกหล่อนมาพูดด้วยเขาก็คุยธรรมดา คุยอย่างสนุกสนานมากกว่าที่จะคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว พอที่จะทึกทัก เอาว่าเขาชอบหล่อนคนใดคนหนึ่ง ‘’ เจตน์เคยมีความรักไหม’’ ‘’ ทำไมจะไม่เคย’’ ตอบเขาไปขณะหัวใจสั่นระรัว อยากพูดต่อนักว่าก็รักเจมส์ยังไงล่ะ ‘’เธอคงสวยน่ารักมากเลยซีนะ’’  ‘’ไม่ใช่สวย ไม่ใช่น่ารัก….’’ ‘’อ้าว….ไม่สวย ไม่น่ารัก แล้วเป็นยังไง คนดีหรือ เธอมีความดีเป็นเหมือนเทพธิดาอย่างนั้นเลยหรือ เจมส์ถามอย่างสงสัย น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าสงสัยอย่างมาก ‘’ ไม่ใช่’’  ‘’ แล้วไง’’ ‘’เขาหล่อ’’ ‘’เขาหล่อ…’’ เจมส์ทวนคำด้วยเสียงสูง แล้วทำเสียงอือม์ๆอยู่ในลำคออยู่ตั้งหลายครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอีก ‘’เขาหล่อก็เป็นผู้ชายนะซี อย่าตลกน่าเจนต์ บอกความจริงไม่ได้หรือ เธอสวยใช่ไหม ผมคงยาวประบ่า หน้ารูปไข่ ผิวขาวเหลือง หรือไม่ก็ขาวจั๊วะ หรือไม่ก็ผิวสีน้ำตาล ‘’ พอแล้ว..พอแล้วล่ะ’’ เจนต์รีบร้องห้ามก่อนที่เจมส์จะพูดยืดยาวต่อไป ‘’ไม่ใช่เลยหรือถูกเลยหรือจอยหรือเปล่าเขาเอ่ยชื่อน้องสาวออกมาอย่างง่ายๆ ‘’ไม่ ไม่ทั้งนั้นแหละเจมส์ ไม่ถูกทั้งหมดแหละ’’ น้ำเสียงที่ตอบไป หงุดหงิด ด้วยความโกรธตัวเองที่ไม่กล้าพูดตรงๆ เพียงแต่บอกชื่อ ‘’เจมส์’’ ออกไปมันก็เท่านั้น บอกให้เขารู้ บอกให้เขาเข้าใจ เชื่อว่าเจมส์เป็นคนเข้าใจอะไรได้ไม่ยากนักหรอก ‘’ทำไมต้องโกรธด้วยละเจตน์’’ ‘’ไม่ ไม่ได้โกรธ’’ ‘’แต่เสียงนั้นบอกนี่’’  ‘’ โกรธตัวเองต่างหาก’’ ‘’ทำไมต้องโกรธตัวเอง ตัวเองทำอะไรผิดจึงโกรธ’’ เจตน์ไม่ตอบ เงียบกันไปอึดใจใหญ่ๆห้วงเวลานั้น มีความอึดอัดเข้ามาแทรกตรงกลาง มีเสียงลมหนาวพัดใบไม้ดังอยู่ข้างนอก ‘’ ขอพูดอะไรอย่างเปิดอกหน่อยได้ไหมเจตน์’’ เจมส์ทำลายความเงียบท่ามกลางความมืดในคืนหนาวยะเยือก ‘’ฮึ่มม์…’’ เจตน์อนุญาต ก็นึกเดาไม่ถูกว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร ‘’บอกตามตรง บางครั้งเจตน์ก็เป็นคนเข้าใจยาก’’ ใช่ ใช่แน่ๆ เจตน์เองก็ยอมรับก็เพราะมีสิ่งซ่อนเร้นในใจและไม่กล้าเผยออกไป ‘’ มีอะไร เปิดใจพูดกันตรงๆเลยนะ เจตน์เราเป็นเพื่อนกันสองปีแล้ว เราทำอะไรไม่ถูก เจนต์ก็พูดได้ ยินดีรับฟังเสมอ’’ ‘’ ไม่มีอะไรงตอบได้แค่นั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ที่อยากพูด แต่พูดไม่ได้ ‘’ไม่มีอะไรจริงๆนะ’’ ‘’จริงซี ‘’ ‘’ ความจริงเจตน์ก็เป็นคนน่ารักนะ’’ เจมส์พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ ‘’ แล้วรักหรือปล่าว’’  ตัดสินใจพูดออกไปเลย เจมส์หัวเราะ ‘’หือม์รักหรือปล่าว’’ ‘’รักซี’’ เจมส์ตอบอย่างร่าเริง ‘’อยากกอดบ้างไหม ขยับร่างเข้าไปใกล้ อารมณ์เคลิ้มฝันราวกำลังล่องลอยไปกับปุยเมฆบนห้องฟ้าสีครามเหนือทุ่งหญ้าสีเขียวเวิ้งว้าง ‘’เอ้า กอดหน่อยก็ได้’’ เจตน์พลิกร่างไปเบียดชิด เจมส์วาดแขนมาโอบ พอรู้สึกถึงสัมผัสที่อยู่นอกผ้าห่ม ทั้งร่างสั่นสะท้าน ยิ่งหัวใจก็ยิ่งสั่นสะท้านไหว รีบเปลื้องผ้าห่ม อยากได้รับสัมผัสอันแท้จริงจากช่วงแชนของเขา แต่เขาก็ชักแขนกลับเสียแล้ว เจตน์รู้สึกเสียดายเป็นที่สุด อย่างไม่เคยนึกเสียดายสิ่งใดเท่านี้อีกแล้ว ‘’ กอดอีกซีเจมส์กระซิบแผ่วในความมืด เจมส์หัวเราะ เบาๆ ‘’กอดอีกซีเจมส์’’ เบียดร่างเข้ากับร่างของเขาอย่างเช้าชี้ ทำให้เสียงหัวเราะของเจมส์ค่อยๆจางหายไป ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ ‘’เจตน์ต้องการมันจริงๆหรือ’’ น้ำเสียงถามนุ่มนวล มือก็เอื้อมมาลูบไล้ตามต้นแขน ขณะนั้นเจตน์นอนตะแคง และได้กลิ่นชายของเขากรุ่นกายในโพรงจมูก ‘’กอดเถอะเจมส์’’ แต่แล้วมือที่ลูบไล้นั้นชะงัก ราวกับเจ้าของมือกำลังยับยั้งอารมณ์ ‘’อย่าเลยเจตน์ อย่าให้มันเกิดขึ้นระหว่างเรา’’ ‘’ เถอะเจมส์ เถอะ…’’ เจมส์ละมือ ผลุนผลันตลบผ้าห่ม ลุกลงจากเตียง ท่าทางเขาเหมือนกำลังโกรธอะไรบ้างอย่าง ‘’ไม่ไม่,,,ไม่’’ เจตน์ได้ยินเสียงนั้น ก่อนเขาเปิดประตูห้องและออกไปสู่โลกภายนอก ลมหนาวรุนแรงพัดกรูเกรียวผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง และมันพากันจากไปทางบานประตูที่เปิดค้าง และดวงใจของเจตน์ก็เหมือนถูกลมหนาวเย็ฯยะเยือกเฮือกนั้นพัดกระหน่ำ จนแตกสลาย เขานอนฟังเสียงใบไม้ส่ายกระทบกันในความมืดข้างนอกบ้างอยู่อย่างเดียวดาย มีเพียงหยาดน้ำตาอุ่นๆเป็นเพื่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น