วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เก็บไว้เป็นความลับนะสาริกา [เรื่องสั้น]

มือเล็กสองข้าง ค่อยๆ  แกะกระดาษ ของกระดาษสีน้ำตาล อ่อนที่วางอยู่บนหน้าตัก  อาราณ์ตื้นตันบบ่งบอก ถึงความรู้สึกภายในหัวใจ ที่กำลังเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ นิโลบลแทบจะปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มขาวเนียนทั้งสองข้าง  หล่อนหยิบกระดาษเพ่งมองอย่างภาคภูมิใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างสนิท เหลียวหลังไปมองเจ้านกสาลิกา ปากดีด้วยเกรงว่าเจ้านกแสนรู้จะเห็นข้อความ ในเอกสารที่หล่อนถืออยู่ ‘’ฉันจะบอกให้ก็ได้ถือว่าเอาบุญเพราะไหนๆ แกก็เป็นแค่นกตัวหนึ่งรู้ไปก็เท่านั้น จะไปบอกใครได้ล่ะ’’พูดจบหล่อนก็ยันตัวขึ้น แล้วเดินทำทีขึงขัง เชิดสีหน้ายั่วยวน ตรงเข้าไปในกรงไม้ไผ่ซึ่งแขวนไว้ตรงชายคาบ้าน ทันทีหล่อนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ต่อหน้ากรง แล้วยื่นหน้าแทบชิดกับประตูกรง ทีเดียวเจ้าหล่อนทำหน้าตาบึงตึง ก่อนที่จะกระแทกเสียวผ่านซี่กรงเข้าไป ‘’ที่หน้าทีหลังอย่าแอบดูฉันอีกนะ ทะเบียนสมรสนี่ไม่ใช่ตัวจริงหรอกย่ะ เป็นไงรู้แล้วเฉยไว้นะ อย่าปากโป้งเชียว ‘’นิโลบลสะบัดหน้าใส่กรงนั้น แล้วสะบัดมือขวาเพียงเล็กน้อย แผ่นสำเนาก็กางออกเห็นข้อความในทะเบียนสมรสชัดเจน เธอหย่อนตนเองนั่งลงตรงบันได ท่าน้ำอีกครั้งอ่านขัอความในกระดาษซ้ำอีกที เผลออ่านชื่อคนรักด้วยความชิงชังเต็มประดา ‘’…นำพลเชอะ!’’ หล่อนรอบชายผ้าถุงเข้าเข้าไปรวมกันระหว่างน่องอันเรียวเล็ก ได้สัดส่วนเอนกายไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเอามือยันตนเองไว้ไม่ให้ล้ม  เธอนั่งตึงแขนพร้อมกับนัยน์ตาทอดยาวไกลออกไป เลยพ้นต้นจิกริมคลองฝั่งตรงข้าม เพียงไม่นานนักนิโลบลก็ดีงสติ ออกจากหลุมแห่งภวังค์ในทันทีเจ้าหล่อนก็ลุกพรวดออกจากท่าน้ำ เดินเฉี่ยวชายคาบ้านขึ้นมาบนเรือนไม้ของเธอไม่มีทีท่าว่าจะแยแส อะไรทั้งนั้นทำให้เจ้านกสาลิกามัวแต่ตกใจจนลืมกระพือปีกไปตรงนั้นเอง เจ้าหล่อนพาเอาร่างสูงเปรียวเปลือบไหล่ออกมาหลังจากเก็บสำเนา ทะเบียนสมรสไว้ใต้หมอน แล้วคลี่ผ้าถุงที่กระโจมอกออกเล็กน้อย ก่อนที่จะเหน็บชายผ้าไว้ตรงซอกรักแร้เหมือนเดิม เธอบ่นพึมพำพอที่นกสาลิกาจะได้ยิน ก่อนที่จะก้าวเท้าลงไปแช่น้ำ ตรงทางขึ้นบันไดพลางก็รวบผมไว้ด้านหลังแล้วม้วนเป็นมวยแปะไว้ที่ท้ายทอย ‘’สมัยนี้จะหาทำยาทั้งที่ก็มีปัญหา หลักเจาะไข่แดงน่ะ ไม่เท่าไร่ เพราะยังไงๆ เขาก็แต่งกับฉันวันยังค่ำ แต่พอแต่งงานแล้วจิกหัวด่าทุกวัน แถมยังมีชู้อีกฮีทุเรศ!’’ เสียงอกอูมๆกระแทก กับผิวน้ำในคลองเรียกความสนใจให้นกในกรงไม้ไผ่ที่หันหน้ามา มันคงเสียดายที่ไม่สามารถขอเวลานอนมานั่งดู นายสาวกระโจนลงน้ำอย่างใกล้ชิด นิโลบลพุ้ยน้ำเข้าไปในกระเปาะผ้าถุงแล้วลอยคอกลับมายังท่าน้ำอีกที เธอจ้องนกตัวโปรดอย่างไม่วางตา และไม่ได้รู้สึกเขินอายกับไหล่ที่เปลือยอยู่ แต่กระนั้นเธอก็กระดากใจกับความน่าละอายที่เกิดขึ้นแม้ว่าเวลาจะล่วงมาหลายปีที่ยังคงอยู่ในห้วงคำนึงตลอดมา หล่อนถีบตัวออกจากบันไดไม้ใต้น้ำไปนิดหนึ่ง ปล่อยตัวเองให้ลอยคออยู่บนกระเปาะของผ้าถุงที่รัดอกของเจ้าหล่อน ‘’แกรู้ไหมสาลิกาฟังให้ดีนะ’’เธอตัดสินใจที่จะเจรจากับแนวร่วมที่ใกล้ชิด เจ้านกตัวดีก็ใช่ย่อยที่ไหนกัน ราวกับตกปากรับคำ เกาะคอนสงบนิ่ง สองตาเพ่งที่สาวพุ้มหมายเหมือนรู้ว่าต้องอยู่ในอาณัติของผู้เป็นนาย นิโลบลเต็มใจที่จะเล่าบอกเหตุการณ์ต่างๆให้นกตัวสีดำนี้ฟังเพราะเสมือนเธอได้ปรึกษาใครสักคน หากต่างกันตรงที่สาลิกาตัวผู้ตัวนี้มันเป็นนกที่พูดในคำที่เธอสอนไว้เท่านั้น  ครั้งที่นิโลบลเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยประจำภาค เจ้าหล่อนเกิดมีความสัมพันธ์ฉันธ์คู่รักกับหนุ่มหน้าใสต่างคณะ เธอเทิดทูนคนรักของเธอเสมือนหนึ่งชีวิต และคิดว่านำพลจะต้องรักเธอเป็นจิตใจเสมอด้วยกัน เป็นไปตามความคิดฝันเหมือนกำหนดไว้ หลังจากรับปริญญานำพลก็บอกความปรารถนาอยากจะให้นิโลบลได้อยู่ในฐานะของภรรยาโดยชอบตามกฎหมาย ความปิติได้ถีบตัวมาเป็นเลือดฝาดของสาวน้อยปรากฏเด่นชัดบนสีหน้า นิโลบลไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด เธอยังคงดีใจและกุมมือกระด้างของชายร่างบึกบึนไว้แน่น ‘’และผมจะให้ผู้ใหญ่จัดการอีกที มะรืนนี้คุณจะไปกับผมไหม ? ‘’ เขาสังเกตเห็นแววตาปิติของนิโลบล ได้อย่างชัดแจ้ง ในขณะที่รอฟังคำตอบที่ได้ถามเจ้าหล่อนไปเมื่อครู่ ‘’ทำไมเงียบไปได้ยินที่ผมถามไหมครับ’’นำพลถามซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันคำถามเดิม ‘’อะไรคะนิโลบลย้อนถามด้วยความสงสัยและยังงุงงงอยู่’’ ชายหนุ่มสูบลมหายใจเข้มเต็มปอดเห็นกล้ามอกพองโตก่อนที่จะเอ่ยคำรวบรัด ‘’มะรืนนี้จะไปดูฤกษ์กับหลวงพ่อที่วัดใกล้ๆม.นี่ล่ะคุณไปด้วยนะ’’  ‘’ค่ะถ้าคุณเห็นว่าดีก็แล้วแต่คุณ’’ นิโลบลตอบด้วยความเขินอายผู้ที่อยู่เบื้องหน้า เพียงไม่กี่เดือนงานวิวาห์ของเขาและเธอก็ได้จัดขึ้นตามประเพณี ไม่มีใครจะกล่าวร้ายอะไรก้บหล่อนได้ นิโลบลภูมใจในตัววิศวรกรหนุ่มอย่างที่สุด เธอบูชาความรักที่เชามีให้เต็มเปี่ยมด้วยการเป็นแม่ศรีเรือนหลังจากเสร็จงานธุรการในกระทรวง บ้านหลัง งามที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขาและเธอจะได้รับการดูแลน่าอิจฉา รอยจูบพิตจะสัมผัสกับแก้มและหน้าผากของเจ้าหล่อนในทุกคืนก่อนนอน เป็นความภิรมณ์ในชีวิตคู่ ของนิโลบลที่เธอได้คาดหวังเอาไว้ สาวเจ้าน้อยอมยิ้มอยู่บนตักของสามี ใช้ปลายนิ้วเชี่ยเส้นขนบนหน้าอกของเขา ไม่ให้ยุ่งเหยิงหนัก จากนั้นก็ปรอยคำพูดออกมา ‘’ นำพบค่ะฉันมีข้อเสนอค่ะ’เปลือกตาที่หลับพริ้มของนำพลเปิดขื้นพร้อมกับศรีษะที่ยกขึ้นจากหมอนและใบหน้าที่มีแต่ความฉงน ‘’อะไรหรอพูดสิ ผมรอฟังอยู่’  เสียงหาวแต่อ่อนโยนเล็ดลอดออกมาสองสามประโยค  ‘’บ้านเราน่าจะมีสวนนะค่ะ มันดูโล่งไปนะ อีกอย่างมีต้นไม้ในบ้านจะได้เจอกับความร่มรื่นไงค่ะ’’  ‘’อืมม์’’ ชายหนุ่มไตรตรองในข้อเสนอในขณะที่มือข้างหนึ่งลูบลงไปตามความยาวของเส้นผมภรรยาแสนสวย ‘’ก็ดีงั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้คุณเรียนมาทางนี้ก็พอดีกัน ผมจะหาคนสวนมาให้ กลางวันจะได้มีคนอยู่ดูแลบ้าน’’  ‘’ ขอบคุณค่ะ ราตรีสวัสดิ์’’ พูดจบนิโลบลก็เลื่อนตัวลงหนุนหมอนใกล้ๆกับสามีของหล่อน จนฟ้าแจ้งอีกวัน เธอจึงปลุกสามีให้ไปทำงานแต่ก็ไม่ลืมคิดเค้าเรื่องสวนต้นไม้หน้าบ้าน ‘’สวัสดีครับ’’  ‘’สวัสดีจ้า’’นิโลบลก้าวลงมาจากรถแล้วรับคำทักทายจากเด็กหนุ่มท่าทางบ้านนอก เธอกำลังจะถามถึงวิธีการเข้ามาในบ้านอย่างอุกอาจ แต่มิทันที่จะเอ่ยปาก นำพลก็โผล่หน้าจากระเบียงห้องนอนชั้นบน  ‘’เดี๋ยวเขาจะเอาต้นไม้มาส่งนะบล เอ๊า! แดงหน่อยช่วยยกกระเป๋าพี่เขาหน่อยสิ’’ นิโลบลไม่อยากพูดอะไรมากกับเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถ ปล่อยให้เด็กต่างจังหวัดท่าทางเงอะงะทำตามคำสั่งของน้ำพลที่ตะโกนลงมา เธอหยุดเท้าลงที่หน้าบันได ก้มตัวลงถอดรองเท้าส้นสูง พอดีกับที่นำพลทำท่าที่ตะลึงยืนอ้าแขนรอรับหน้าประตู  ‘’ เหนื่อยไหมผมมาถึงก่อนเด็กนี้หัวหน้าเค้าให้มาเดี๋ยวจะช่วยยกกระถางว่าแต่ทักทายกันแล้วเหรอ’’  ค่ะ เจ้าหล่อนตอบสั้นๆพอเข้าใจ แล้วสาวเท้าขึ้นบันได ไปยืนประชิดตัวหนุ่มวิศวกร ซึ่งแต่งกายในชุดลำลองด้วยเสื้อยืดสีเขียวอ่อนกับกางเกงยีนส์ขาสั้นมองเห็นกล้ามเนื้อต้นขาได้ชัดเจน นิโลบลเอียงแก้มให้สามีหนุ่มก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วเดินเข้าไปห้องรับแขก นำพลเองก็ก้าวเท้าตามหล่อนไปพร้อมกับการสนทนา ‘’นี่คุณไม่โผล่หน้าออกมาบอกฉันคงมีเรื่องยาวกับเด็กคนนี้ ‘’ หัวหน้าเค้าจะย้ายไปอังกฤษพอดีกับที่ผมไปปรึกษา ก็เลยลางานครึ่งวันไปรับเจ้าแดงหน่อย มาทันใจดีไหมล่ะ’’  ‘’ก็ใช้ได้ เซอร์ไพร้ส์ดี แต่แน่ใจนะค่ะว่าแดงหน่อยคนนี้ไว้ใจได้ ‘’  นิโลบลพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่างบ้าน แต่ก็ยังฟังการสนทนาของสามี ‘’ นั่งคุยกันมาในรถ หัวหน้าเค้าการันตี ผมก็รู้สึกว่าดีนะ เดี๋ยวผมจะเรียกให้มาคุยกับคุณ ว่าไปก็แล้วกันนะที่รัก’’ พูดจบนำพลก็ลุกจากเก้าอี้รับแขกออกไปรอรถขนต้นไม้หน้าประตูรั้วมองเข้ามาภายในบ้านเห็นนายสาวกับเด็กรับใช้คุยกันหน้าตายิ้มแย้มในใจก็คิดสรุปว่าคงไม่มีปัญหาอะไร มิฉะนั้นแล้วเขาต้องจัดสวนเพียงลำพังซ้ำร้ายยังต้องควานหาเด็กรับใช้มาใหม่  ไม่ทันที่จะได้สังเกตเพราะมัวแต่ยืนฉีดน้ำอยู่กับต้นแสงจันทร์พุ่มเตี้ย พลิกตัวก็เห็นชายคุ้นๆหน้า ยืนถือกระเป๋าเครื่องมือช่างตรงหน้าตนเองพอดี ‘’คุณรวินั่นเอง เข้ามาเมื่อไรทำไมผมไม่เห็นเลย’’ แดงหน่อยยิงคำถามเป็นชุดเล็กๆไปยังช่างตกแต่งภายในที่ยืนจังก้าอยู่รอยยิ้มมุมปาก ‘’ คิดถึงจังเลยเค้าไปไหนกันหมด’’ หนุ่มที่ชื่อรวิเอ่ยขึ้นถามเสียงหวานจนเลี่ยน ‘’หาดแม่พิมพ์’ แดงหน่อยตอบสั้นๆปั้นความรำคาญออกไปได้เล็กน้อยในขณะที่มองเห็นรวิส่งเสียงดีใจ วิ่งไปยังบันไดราวกับเป็นบ้านของตนเอง ‘’โอ้โอ’’ กว่าจะกลับก็คงวันอังคารอีกตั้งสี่วันแนะ’’ รวิวิ่งมาบีบไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเด็กชายวัยสิบเก้าปี แล้วลนลานค้นหาคำตอบรับจากแดงหน่อย ‘’เรามีโอกาสอยู่ด้วยกันสามคืนเชียว เขาไปพักร้อนกันใช่ไหมแดงหน่อย พี่คิดถึงเธอมากเลยนะ แล้วเธอล่ะ’’ ‘’พี่รวิ’’ แดงหน่อยแกะมือแข็งแกร่งของรวิ และพูดปรามเขา ‘’ อย่าทำอย่านี้สิครับผมอายนะ ถ้าใครได้ยิน เค้าจะรู้กันทีทั่วนะครับ’’ แต่ไม่เป็นผลรวิไม่ยอมปล่อยกลับดึงร่างหนุ่มเข้าไปแนบอกเอาไว้ ‘’ช่างปะไร ดีซิ ยายนิโลบลจะได้เลิกยุ่งกับเธอสักที…’’ แดงหน่อยเงยหน้าขึ้นมองช่างตกแต่งภายในที่คุ้นเคยกับบ้านและทุกคนภายในบ้านนี้ยังนึกพะวงอยู่ว่าเขาจะรู้อะไรอื่นอีกไหมที่เกี่ยวข้องกับเด็กรับใช้คนนี้นอกจากคุณนิโลบล ‘’พี่รวิครับเรื่องของผมกับพี่บล เอ่อ’’ แดงหน่อยหยุดคิดนิดหนึ่งจึงพูดต่อด้วยสายตาวิงวอน ‘’พี่อย่าบอกให้พี่นำพลรู้นะครับ…’’ เด็กหนุ่มใจชื่นขึ้นเมื่อเห็นรวิพยักหน้าเป็นนัยว่าจะช่วยปกปิดไว้ให้ ก็เลยเผลอใจวางสายยางฉีดน้ำลงไปกับโคนต้นแสงจันทร์ เดินประคองร่างช่างตกแต่งเข้าไปในห้องชั้นล่างอย่างที่เคยตลอดจนเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา แดงหน่อยบรรจงปลดกระดุมเสื้อของตนเอง มโนภาพที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้เป็นห้วงนึกคิดสภาพหญิงสาวรออยู่บนเตียงข้างหน้า เป็นครั้งที่เท่าไรก็ช่างเถอะ ใครตกที่นั่งอย่างเด็กรับใช้คนนี้เป็นเลี่ยงไม่ได้ เจ้าเด็กบ้านนอกดูคล่องแคล้วไม่เงอะงะเช่นแต่ก่อนเพราะได้รับบทเรียนพิศวาสจากนิโลบลมาครั้งแล้วครั้งเล่ากำลังยัดเยียดความเป็นสามีให้กับช่างตกแต่งบ้านอีก ครั้งที่รสกามารมณ์มิได้ส่งสัญญาณเตือนบอกถึงฝีเท้าที่มาหยุดที่เชิงบันไดขึ้นชั้นบน เล็บสีบานเย็นค่อยๆดึงประตูห้องเล็กให้เปิดออก ‘’ว้าย!!...ไม่จริง’’ แดงหน่อยกับรวิต้องชะงักงันการกระทำที่กลายเป็นความบัดสีเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของนิโลบล ตะโกนไล่หลังบอกให้เจ้าหล่อนหยุดก่อนแต่ไม่สำเร็จดังที่คิดรวิตั้งสติได้หยิบเสื้อผ้าปลายเตียงมาสวมใส่แล้ววิ่งตามเจ้าของบ้านออกไปคงปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งเปลือยอยู่บนเตียงในสภาพงุงงงยังเรียกสัมปชัญญะ คืนมาได้ไม่หมด ‘’คุณนิโลบลฟังผมก่อน รวิเรียกร้องความสนใจจากหล่อน’’ ‘’ผมกับแดงหน่อยเอ่อ’’    ไม่ต้องสาธยาย’ นิโลบลตัดบทด้วยสุ่มเสียงดังสนั่นในสีหน้าดุดัน ช่างตกแต่งหนุ่มเริ่มสะกดอารมณ์ไม่อยู่กราดเกรี้ยวออกไปไม่ลดละ ไม่ได้คำนึงว่าสถานที่นี้มิใช่อาณาของตนเอง ‘’แบ่งกันใช้จะเป็นไร!..คุณคงหึงละสิ หรือว่าริษยา หน่อยมันเป็นผัวคุณได้ ทำไมจะเป็นผัวผมไม่ได้ อย่าลืมสิว่าคุณยังมีนำพล มีอีกมากที่คุณไม่รู้ แต่ลองคิดสิ ถ้าหากนำพลรู้บ้างล่ะ เขาจะแขยงคุณขนาดไหน’’   ‘’ทุเรศ!’’  นิโลบลหันหน้าตวาดใส่รวิอย่างไม่เกรงอกเกรงใจอีกแล้ว ‘’ฉันอยากจะอ๊วก!...อยากจะได้นักก็เอาไป ฉันไม่ให้นำพลเขาเอาไว้หรอก ออกไปทั้งคู่นั่นล่ะ ไอ้ที่จะให้ฉันปิดเป็นความลับน่ะ ไม่มีทาง’’  ‘’คุณจะทำอะไร?’’ รวิลดเสียงลงถามเจ้าหล่อน ‘’ฉันมีวิธี’’ นิโลบลพูดท้าทายอยู่บนแท่นชัยชนะ ‘’อย่าลืมนะผมมีข้อต่อรอง เหมือนกันเรื่องคุณกับแดงหน่อย’’  ประโยคหลังทำให้นิโลบลสงบลงได้ไม่น้อยแต่เธอก็ยังใช้ปฎิภาณระดับปริญญาของเธอช่มความคิดหนุ่มอย่างช่างรวิได้อย่างราบคาบ ‘’โอ๊ย!...ยิ่งดีไหญ่ฉันจะอ้างได้ว่าพวกแกพาลหาเรื่อง ไม่มีหลักฐานนำพลเค้ารักฉัน ไม่หูเบาง่ายๆ ฉันมีวีธีก็แล้วกัน’’  ‘’นิโลบล เรียกแดงหน่อยไปปิดน้ำหน้าบ้านด้วย แล้วกระติกน้ำที่ลืมไว้ยังไม่ได้หรือไง’’  เสียงนำพลตะโกนออกมาจากข้างนอก เสียงห้าวของนำพลค่อยๆ อ่อยลงในขณะที่โผล่ร่างกำยำพรวดเข้ามาในบ้านโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เห็นชายหนึ่งตีหน้ายักษ์เผชิญหน้าอยู่กับภรรยาสาวไม่ทันที่จะกระดิกตัวคนทั้งสองละสายตาหันมายังจุดหมายร่างสูงบึกบึนแทน  นำพลยังแปลกใจและตกใจไม่สร่างว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังมิทันถามช่างหนุ่มลูกน้องได้แตกความออกมาสียก่อน ‘’นำพลยายนี่มีชู้’’   ‘’หยุดเดี๋ยวนี้นะถือดียังไง!  นำพลลูกน้องคุณชักเหิมเกริมแล้วนะค่ะ’’ นิโลบลกำชับสามีที่ยืนงงแข็งเป็นท่อนไม้ซุงอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะอธิบายความต่อไป ‘’ฉันเข้ามาเอากระติกน้ำที่คุณว่าเผอิญได้ยินเสียงคนคุยกันก็เลยเสียมารยาทเปิดห้องดู แต่ก็บ้านฉันไม่ใช่หรือค่ะ  ถ้าไม่อย่างนั้นจะได้เห็นอะไรดีๆเหรอค่ะ’’

‘’อะไรดี’’นำพลถามเพื่ออยากให้นิโลบลเล่าเรื่องสมมุติปนจริงต่อ ‘’คนไฝ่ต่ำกับเด็กรับใช้ไม่รักดี’’หล่อนเชิดหน้าใส่รวิด้วยความหมั้นไส้ที่มาสวมเขาให้เธอ ‘’ นำพลฟังผมดีกว่ายายเมียคุณตอแหล’’  รวิพยายามพูดบ้างเพราะถือว่าตนเองก็มีไพ่ในมืออย่างเจ้าหล่อนแต่พูดได้แค่นั้นไม่ทันจบคำวิศวกรกลับชัดขึ้นแล้วเดินไปยังห้องเล็กๆที่เกิดปัญหาขึ้นวันนี้ด้วยไม่อยากให้เรื่องราวกระโตกกระตากไป  ‘’ผมจะพาบลเค้าไปพักผ่อน กลับมาเอากระติกน้ำไม่นึกว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ เดี๋ยวผมเคลียร์เอง’’ เขาพูดพลางหยุดเท้าลงนิดหนึ่ง ‘’รวิคุณกลับไปก่อน’’ บรรยากาศเริ่มสงบลง ความเงียบเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมอาณาบริเวณ เสียงหัวใจเต้นของชายหนุ่มและหญิงสาวดังเป็นจังหวะแข่งขันกัน ทั้งคู่มองตามหลังนำพลไปโดยไม่มีใครปริปากก่อนที่สามีจะเข้าประตูห้องเล็กไปเจ้าหล่อนค่อยทรุดร่างอันสั่นระริกลงบนเก้าอี้รับแขกใกล้ตัว เสียงประตูปิดทำให้รวิตกใจไปด้วย แต่กระนั้นยังมีจิตใจก้าวร้าวพอที่จะโน้มตัวเสนอเข้ามาหาหญิงสาวเจ้าของบ้าน เจ้าหล่อนมีปฎิกิริยาตอบโต้ท้นควันด้วยสายตาเกลียดชังเต็มแก่ ‘’คุณใม่สงสัยหรือว่าทำไมสามีคุณถึงไม่โวยวาย’ รวิถามด้วยเสียงเย็นชาของช่างหนุ่มประกอบกับสีหน้าถากถาง ‘’เพราะเขาเชื่อฉันนะสิ’’ นิโลบลตะโคกใส่อย่างมั่นใจ  ‘’หญิงโง่!...รู้ไหมผัวคุณน่ะเมียผม!’’ รวิศอกกลับเข้าอย่างจังก่อนจะสะบัดก้นออกไปโบกรถแท็กซี่ที่ผ่านมา นิโลบลเหลียวหน้ามองตามชัยชนะที่รวิหอบหิวออกไปจนลับตาเธออยากจะกรีดร้องออกมา เพื่อทำลายความเงียบอีกครั้ง แต่ก็ยังตั้งสติฉุกคิดไว้ก่อนด้วยเพราะคำพูดเจ็บแสบของช่างตกแต่งอาคารเมื่อครู่  ‘’นำพลคุณโอ๊ย!..ฉันไม่อยากคิดเลย’’เธอรำพึงกับตนเอง ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการสงบสติอารมณ์ลงเพื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบในขณะนี้ หล่อนน่าจะนึกได้ถึงการที่นำพลขอลงมานอนเป็นเพื่อนเด็กชายรับใช้ในวันแรก และหล่อนน่าจะระแวดระวังช่างตกแต่งที่ชื่อรวิหน้ามน ที่สำคัญหล่อนไม่น่าจะปล่อยตัวให้หลงไหลในความเดียงสาของเด็กบ้านนอกร่างฉกรรจ์คนนี้ คงไม่ต้องรอโอกาสที่จะซักไซ้ไล่เรียง จนเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ปรากฎร่างสูงใหญ่ของสามี เขาหายไปไหนนะ ก็หล่อนมองอยู่นี่ว่าเขาเดินเขาไปในห้องเล็กตรงหน้า หรือว่าเขาจะจัดการนำตัวเจ้าแดงหน่อยไปลงทัณฑ์ ก่อนที่เธอจะกระฟัดกระเฟียดกับช่างตกแต่งวิปริต แต่คงไม่ซิเพราะนำพลไม่ใช่คนโหดร้ายถึงกระนั้นปัญญาชนอย่างเขา ต้องไม่ใช้กำลังกับเด็กนั่นแน่นอน อีกอย่างแค่เพียงเสียวนาทีที่หล่อนเหลียวหน้าออกไปคงไม่ต้องให้หล่อนต้องนั่งเป็นต้อไม้อยู่เพียงลำพังบนเก้าอี้นุ่มๆ นิโลบลก้มหน้าลงทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่ หากว่าสามีหนุ่มยังไม่เข้ามา ตานั่นคงจะราวีหล่อนไม่ลดละเหมือนกันคิดไปก็น่าเจ็บใจอยู่เพราะหล่อนเองก็เป็นเจ้าของบ้านที่ดูจะใม่เอาไหน ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงกระทรวงละก็ นิโลบลก็เถอะจะเอาหน้าสวยๆอ่อนกว่าวัยอย่างเจ้าหล่อนไปฝากไว้กับใครได้ ‘’มีอย่างที่ไหนให้ศัตรฉอดๆ ใส่บ้าจริง’’  หล่อนสบถกับตนเองเล็กน้อยด้วยเพราะน่าจะตัดสินใจทำอะไรที่กำราบฤทธิ์เดชของรวิลงได้ หรือไม่ก็ตะโกนไล่หลังด่าส่งไปจนถึงประตูรั้ว จะได้รู้ดำแดงกันไป ในขณะนี้แววตาของหล่อนเริ่มลดความดุดันลง ได้บ้างเสียงคนทะเลาะกัน ในใจก็ค่อยๆ เงียบลง นิโลบลยกมือกำขมับเหมือนคนสติ  ทันทีที่เปลือตาบนกระทบกับเปลือกตาล่าง เกล็ดน้ำตาใสๆก็หยด แหมะลงบนกระเป๋า หนังจระเข้สีน้ำตาลบนหน้าตัก  หล่อนเอี้ยวตัวไปหยิบกระดาษทิชชู ข้างตัวมาสบหัวตาไว้ ระงับความเสียใจไม่ให้พรั่งพรูออกมา โดยสมองของนิโลบลยังไม่มีการเรียงลำดับได้โดยตลอด หล่อนละตนเองมานั่งเก้าอี้รับแขก  ด้วยท่าทางสุขุมขึ้น เหมือนกำลังใช้เวลาไตร่ตรองสถานการณ์ต่างๆในแต่ละวัน ๆ ที่ผ่านมา เจ้าหล่อนพอตั้งสติได้ ก็พอดีกับปลายเท้ามาหยุดอยู่ห้องเล็กๆ หล่อนยกมือขวาขึ้นเพื่อจะเคาะประตู  ว่ามีใครยังอยู่ในห้องหรือไม่  หล่อนทิ้งน้ำหนักมือลงเล็กน้อย บานประตูก็เปิดออกตามแรงเคาะทันทีที่หล่อนฉุกคิดไว้ว่าคงไม่มีผู้ใดอยู่ภายในเพราะห้องไม่ได้ปิดล็อกเอาไว้ นิโลบลก็พาตนเองเช้าไปในนั้น ‘’คุณพระช่วย…’’ เจ้าหล่อนรำพึงอย่างตระหนกไม่อยากเชื่อสายตาทั้งคู่ของตนเอง ยืนตัวแช็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเอง ใจหล่อนอยากจะวิ่งเข้าไปจัดการอะไรสักย่าง แต่อารมณ์ตกใจหล่อนไม่สามารถบังคับให้สรีระช่วงล่างก้าวขาออกไปได้อีก  ‘’นิโลบล’’  ‘’พี่พล…’’ เจ้าหล่อนได้ยินเสียงประสานของสองหนุ่มเบื้องหน้าเต็มสองหูทีเดียว หล่อนสะบัดหน้าและหันหลังกลับวิ่งถลาออกไปนอกห้องย้อนกลับไปทิศทางเดิมเมื่อแรก ทิ้งตัวลงซบหน้ากับพนักพิงของเบาะหนา ปล่อยโฮออกด้วยความสะใจและเสียใจเป็นที่สุดน้ำตาที่กลั้นไว้ได้เป็นนานก็ชิงกันไหลออกมาเยาะเย้ยถากถาง สมน้ำหน้าสตรีโง่เช่นหล่อน ‘’นี่มันอะไรกัน.?’’ หล่อนถามตนเองอีกครั้งเพื่อเน้นย้ำถึงความเช้าใจในเรื่องราวของวันนี้ ความลับของใครกันแน่ที่กระจ่างขึ้น  หล่อนปรับสภาพของอารมณ์ให้สงบต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว หันหน้าไปหมายจะกราดเกรี้ยวเอากับคนใดคนหนึ่ง ในห้องนั้นที่หยาบหยามหล่อนพอดีกับที่นำพลมานั่งลงใกล้ๆ กับหล่อน  นิโลบลสะบัดข้อมือให้หลุดจากความแกร่งของสามีที่นั่งเปลือยอกอยู่ หล่อนตะคอกถามชายหนุ่มด้วยความเจ็บแค้นเต็มกลั้น ‘’คุณหลอกฉันทำไม ทำอะไรลงไปคุณรู้บ้างไหม?’’ เสียงกระชับหนักของหล่อนไม่ได้สร้างความวิตกให้เกิดขึ้นกับเขาแต่ตรงกันข้ามชายหนุ่มกลับสงบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด เขาพูดกับหล่อนด้วยความเยือกเย็น ‘’ผมไม่ได้หลอกคุณ ผมรู้ทุกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในวันนี้ก็มีคุณเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์’’ ขาดคำพูดของสามีหนุ่มทำให้นิโลบลอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ทันที่หล่อนจะถามเขาถึงคำพูดของรวิ ก็ได้รับการเอ่ยชัดขึ้นมาจากปากของนำพล ‘’เรื่องผมกับรวิที่โรงงานเขารู้กันแต่ไม่มีใครพูด….ธุระไม่ใช่ส่วนเจ้าแดงหน่อยที่ผมรับผิดชอบได้ เด็กมันบริสุทธ์ใจนะ คุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเข้าใจอะไรให้มันง่ายหน่อย เรื่องจะได้เล็กลง’’ ‘’อ๋อ!...’’นิโลบลลากหางเสียงเข้าหาสามี ‘’ที่พูดมายาวเยียดหมายความว่า..…’’  ‘’คุณก็ยอมรับบ้าง อย่าเอาแต่อารมณ์’’ นำพลเสริมบท เท่านั้นไม่พอ สามีก็เดินผละจากหล่อนไปโอบไหล่เจ้าแดงหน่อยที่เดินหน้าสลดออกมาจากห้องนอน พร้อมกับพูดย้ำหล่อน ‘’คุณคงไม่อยากให้เพื่อนที่กระทรวงรู้ บลเชื่อผมเถอะ ทำตัวอย่างปกติแล้วทุกอย่างจะดีเอง ลองคุณไม่แพร่งพรายออกไปก็ไม่มีใครรู้ได้หรอก’’ พูดจบนำพลทำท่าจะกลับไปที่รถ นิโลบลจึงทักท้วงเขา ‘’นำพลค่ะแล้วรวิ… ‘’ หล่อนอ้ำอึง  ‘’ เจ้ารวิเหรอเดี๋ยวผมจัดการได้ตกลงเราไม่ไปพักร้อนกันแล้วอยู่บ้านกันดีกว่า…’’  นิโลบลมองตามแผ่นหลังของเขาออกไป พลันหางตาของหล่อนก็อดที่จะควักค้อนเด็กรับใช้ไม่ได้ หล่อนก้าวเท้าขึ้นบันไดไปพกพาเอาความคับแค้นที่จะคอยหาโอกาสขอหย่ากับนำพลให้จงได้ขึ้นไปยังชั้นบนแล้วปิดประตูห้องล้มตัวลงนอนร้องไห้คว่ำหน้าลงซุกซอกหมอนปล่อยให้น้ำตาไหลไปบนเส้นทางของอดีต  หล่อนไม่ได้สนใจอีกแล้วกับภาพชายหนุ่มสองคนนั่งกอดกันบนเตียง หล่อนไม่ได้คำนึงถึงคำพูดของช่างตกแต่งภายในไม่แยแสถึงสิ่งรอบข้าง และไม่มีนำพลชายคนรัก  รวมทั้งไม่มีชายชู้เด็กรับใช้ชื่อแดงหน่อย หากเพียงแต่หล่อนได้เก็บงำความลับทุกอย่างในมือ ไม่ว่าน้ำตาจะไหลออกมาเท่าไหร่ มันก็เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอแสนจะเจ็บร้าวที่เป็นพื้นฐานของความแข็งแกร่งในอารมณ์ของเจ้าหล่อน ถึงแม้ชายคนนั้นจะอาศัยว่าถือไพ่เหนือกว่าหล่อนหลายแต้มเป็นเครื่องกดขี่ ข่มเหงน้ำใจของหล่อนหล่อนก็ยอมอดทนให้วิศวกรหนุ่มประชดประชันเปรียบเทียบกันด่าตลอดมา แต่นั้นล้วนเป็นสิ่งที่นิโลบลไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ตามคำสัญญา เว้นเสียแต่เจ้านกสาลิกาเพื่อนสนิทจะดัดจริตแหกปากร้องบอกผู้คนเกินคำพูดที่หล่อนได้สอนเอาไว้เท่านั้นเอง หล่อนต้องกำชับและเอาใจนกสีดำตรงชายคาบ้านไว้ให้ดีทุกเช้านิโลบลต้องบอกเจ้านกแถมขอร้องมันว่า ‘’เก็บเป็นความลับนะสาริกา…’’

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น