วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557
หนุ่มหน้าขรึมของต้อม [เรื่องสั้น]
ต้อมเพิ่งกลับจากเรียนแสงแดดตอนบ่ายคล้ายสาดจับใบสีเขียวต้นหูกวางหน้าร้าน
ต้อมเดินเลยสวนที่เป็นร้านอาหารเข้าไปยังส่วนที่เป็นบ้าน
ไม่ได้สนใจแขกทสองสามโต๊ะที่นั่งดื่มกินกันอยู่ และส่งเสียงพูดคุยกัน ต้อมวางกระเป๋าหนังสือบนโต๊ะในห้อง
ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนักศึกษาออก นุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูผืนเดียว
จะอาบน้ำให้หายเหนียวตัว อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าว
อากาศอย่างนี้ทำให้คนอารมณ์หงุดหงิดได้ง่ายๆ
อยู่ในห้องน้ำต้อมอดไม่ได้ที่จะก้มมองเรือนร่างตนเอง ออกแบบบางอ้อนแอนเหมือนผู้หญิง
ผิวขาวจนเพื่อนหญิงบางคนออกปาก ‘’ต้อมนะน่าจะเกิดเป็นผู้หญิง’’ ทำไมล่ะ
ต้อมถาม ‘’กระตุ้งกระติ้ง’’ เพื่อนคนนั้นพูดตรงๆ ต้อมไม่โกรธ แต่ก็เถียง ‘’เค้าเรียบร้อยต่างหาก’’
เพื่อนคนนั้นไม่ต่อปากต่อคำ และจ้องมองที่เรือนร่างของต้อม ‘’บอกตามตรงอิจฉาจัง ทำไงถึงจะมีผิวอย่างเธอบ้าง’’ ‘’ไม่รู้ซิไม่ได้ทำเองนี่’’
ต้อมตอบแล้วหัวเราะเบาๆ ‘’แล้วใครทำละยะ’’ ‘’พ่อแม่ซิ’’
‘’พ่อแม่เธอเข้าใจทำ
พ่อแม่เราแย่’’ ‘’อย่าว่าพ่อแม่ไม่ดี’’ ต้อมมองหน้าเพื่อนคนนั้น ‘’ทำไมว่าไม่ได้’’
เพื่อนย้อนถาม เพราะเขาเป็นพ่อแม่เรานะซิ ต้อมไม่มีพ่อ พ่อไปไหนต้อมไม่รู้แน่ชัด
แม่ไม่พูดถึง และพยายามหลีกเลี่ยงบายเบี่ยงเมื่อต้อมถาม พี่สาวก็ไม่ยอมบอก ต้อมจึงเติบโตมาท่ามกลางความรักและความอบอุ่นจากแม่และพี่สาว
คนทั้งสองหยิบยื่นความรักให้อย่างเต็มที่และไม่เคลือบแฝงเร้น ต้อมไปไหนมาไหนกับแม่ไม่งั้นก็กับพี่สาว ไปซื้อของตามศูนย์การค้า
ไปดูหนังไปกันตามประสาแม่ๆลูก ต้อมไม่รู้สึกผิดปกติหรอกที่ไม่มีพ่อ
ความรักจากแม่และพี่สาวมากมายท่วมท้นจนต้อมไม่ต้องการความรักจากผู้ใดอีกเลย ร่างที่อ้อนแอนของต้อมอยู่ในกางเกงขาสั้น
และเสื้อยืดคอกลมสีแสดสีเสื้อขัดผิดต้อมให้สะดุดตาผิวหน้าขาวสะอาดและเกลี้ยงเกลา
มองหน้าตนเองในกระจกแล้วเหมือนกำลังถูกจ้องมองใบหน้าสวยๆ ของพี่สาว
และเข่นเดียวกันกับใบหน้าของแม่ แม่ของต้อมก็คล้ายคลึงเช่นนี้
มีเพื่อ่นของแม่พูดว่า แม่ลูกสามคนนี้ไปไหนด้วยกัน
ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเป็นอะไรกัน
ต้อมแต่งตัวแล้วก็ออกไปช่วยพี่สาวขายอาหารตามปกติ
ดังที่ปฏิบัติมาหลังเลิกเรียน ต้อมทำอาหารเก่ง
ลูกค้าหลายคนติดใจ เวลามาทานต้องเจาะจงให้ต้อมเป็นผู้ปรุง
ต้อมมีความสุขเมื่อมีคนชอบรสชาติฝีมือของตน ต้อมช่วยแม่และพี่สาวที่ในครัว
แล้วยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะ มีเด็กผู้หญิงอีกสองสามคนช่วยงานในร้าน
ชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางขรึมๆ นั่งร่วมอยู่ที่โต๊ะที่เพื่อนพ้องสามสี่คนส่งเสียงดังอึงมี่
หนุ่มหน้าทะเล้นคนหนึ่งกวักมือเรียกต้อมเข้าไปหา ไม่ค่อยชอบแขกที่เสียงดังมากนัก
แต่แม่บอกว่าคนมีอาชีพค้าขาย และนี่เป็นร้านอาหาร ขายเหล้าขายเบียร์
เรื่องลูกค้าส่งเสียงเอะอะเป็นเรื่องธรรมดา’’ร้านนี้มีข้าวผัดปูหรือปล่าวน้องสาว’’คนหน้าทะเล้นถามทะลึ่งๆทั้งโต๊ะเงียบกริบ
สายตาทุกคู่จ้องมองที่ใบหน้าและเรือนร่างของต้อม ต้อมสั่นและใจสั่นสะท้าน
ดวงตาหลายคู่นั้น บ่งบอกอารมณ์สนุก ยกเว้นดวงตาคู่เดียวของชายหนุ่มหน้าขรึม
ดวงตาคู่นั้นคมเข้ม มองต้อมอย่างเข้าใจและเห็นใจ
สบตากับเขาแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ‘’ ทำไมไม่ตอบละจ๊ะน้องสาว
มีป่าว ข้าวผัดปู เอาปูตัวเมียด้วยนะ
เอาที่เนื้อมันขาวๆ สวยๆ เหมือนเนื้อน้องคนสวยของพี่นี่น่ะ’’ มีเสียงหัวเราะขึ้นที่โต๊ะ
ต้อมรู้สึกชาใบหน้าชาต่อมาก็ร้อนผ่าวเหมือนยืนอยู่ข้างกองไฟ
ขณะที่ต้อมทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นชายหน้าขรึมก็เอ่ยปากปรามเพื่อนพ้อง ‘’จะสั่งข้าวกินก็สั่ง
อย่าพูดอย่างงี้’’ ‘’อ๊ะ ไอ้นี่เดือดร้อนแทน’’ คนที่พูดกับต้อมทีแรกชี้หน้าคนปราม
แต่หนุ่มหน้าขรึมไม่ต่อล้อต่อถียง กลับพูดกับต้อมด้วยเสียงสุภาพ ‘’เอาข้าวผัดปูมาก็แล้วกันครับ
จานใหญ่เลยกินกันหลายๆคน เท่านี้แหละครับ’’
ต้อมเดินออกมาได้ยินเสียงต่อว่าต่อขานหนุ่มหน้าขรึม
แต่ต้อมไม่ได้ยินเสียงเขาโต้ตอบเลย
บอกกับแม่กับอาหารที่โต๊ะนั้นสั่งแล้วต้อมก็อดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มแสนสุภาพคนนั้นจากในครัว
ต้อมโกรธเพื่อนพ้องของเขาแต่ต้อมไม่เคยเจอคนอย่างเขามาก่อน ต้อมไม่ไปใกล้โต๊ะนั้นอีก
แต่ต้อมให้คนอื่นไปแทนจนพวกเขาพากันลุกจากไปด้วยท่าทางเมามายเดินเซๆ
พวกเขาทุกคนแต่งตัวเป็นนักศึกษาแต่กินเหล้าเมาเป
มีหนุ่มคนนั้นคนเดียวที่ไม่แสดงอาการมึนเมาออกมาเลย เพียงแต่ใบหน้าเขาเข้มขึ้นเท่านั้น
เด็กในร้านเอากระดาษพับ มาให้บอกมีคนฝาก ต้อมคลี่ออกอ่าน ‘’ผมขอโทษคุณแทนเพื่อนๆผมด้วย
ผมเสียใจกับเหตุการณ์นั้น หวังว่าคงยกโทษให้นะครับ’’
แล้วลงชื่อด้วยว่า ‘’พงษ์เทพ’’ คืนนั้นต้อมก็นอนแต่คิดถึงใบหน้าขรึมๆ และท่าทีสุภาพของเขา ต้อมอยากให้เขามาที่ร้านอีก
ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน เขาคงเป็นลูกค้าขาจร คงไม่กลับมาอีก
แต่ถึงอย่างไรเขาก็จะอยู่ในความทรงจำของต้อมตลอดไป เย็นรุ่งขึ้นเขามาที่ร้าน
นั่งอยู่ในร้านแล้วตอนที่ต้อมกลับจากเรียน ต้อมเข้าร้านก็เห็นเขา
เขานั่งอยู่ตามลำพังดื่มน้ำอัดลมสีขาวใส
ต้อมมองตะลึงเมือรู้ตัว จะเลี่ยงไป เขาเอ่ยทักเสียงสุภาพอย่างเคย ‘’เพิ่งกลับหรือครับ’’ ‘’เอ้อ….เอ้อเพิ่งกลับ’’ ต้อมประหม่าอย่างมากรีบผละจากเขา
เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องใจยังไม่หายเต้นแรง
เมื่อต้อมออกมาช่วยขายอาหารเขายังไม่กลับ คล้ายคอยต้อมอยู่ เมื่อต้อมโผล่ออกมา
เขาก็พยักหน้าเรียก เขาเอ่ยขอโทษต้อมเรื่องที่ผ่านมาเมื่อวาน
และเขายังชวนคุยถึงเรื่องเรียน เขาบอกว่าเขาเองก็ยังเรียนอยู่
แต่เป็นรุ่นพี่ของต้อม ต้อมจึงเรียกเขาว่าพี่ ‘’ อนุญาตหรือเปล่า’’
ต้อมถามเสียงเบาๆ ‘’ยินดีมากๆเลย’’ นับจากวันนั้นเขาก็เป็นลูกค้าขาประจำของร้าน เขามานั่งกินข้าวมื้อเย็นเสมอๆ อีกด้วย
เหมือนเขาฝากท้องไว้ที่ร้านนี้เลย
ความสนิทสนมมีมากขึ้นเป็นทวีคูณแล้วต้อมก็รู้ว่าเขาเป็นคนสระบุรี มาเรียนหนังสือ
เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเช่าภายในละแวกร้าน คนภายนอกเห็นว่าต้อมกับเขาคบหากันอย่างเพื่อน
แต่ลึกแล้วต้อมรู้ดีว่าตนเองมีความรู้สึกอย่างไรกับเขา
และเขาก็แสดงออกตอนอยู่กันตามลำพังว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไรต่อต้อม
ต้อมมีเวลาว่างเป็นต้องปลีกตัวไปหาเขาที่ห้องพัก
ต้อมมีความสุขที่สุดขณะที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา
ต้อมชอบอิงแอบเรือนร่างและแผงอกกว้างและแข็งแรงของเขา ชอบมองใบหน้าคมเข้ม
เขาเป็นคนขรึมแต่เขาก็มีอารมณ์ขัน พูดให้ต้อมหัวเราะบ่อยๆ
เขาชอบลูบไล้ผมของต้อมลูบไล้ไปตามใบหน้าเกลี้ยงเกลา
และบางครั้งเขาก็นอนหนุนตักต้อม เช่นเดียวกับที่ต้อมเคยนอนหนุนตักเขา
เขาอ่านหนังสือนวนิยายให้ต้อมฟังทำเสียงหลายเสียงตามละคร ต้อมอดหัวเราะไม่ได้ตอนเขาดัดเสียงเป็นผู้หญิงพูด
‘’อย่าหัวเราะเยาะซี เดี๋ยวไม่อ่านให้ฟังนะ’’ เขาพูดอย่างดุๆ
แต่ต้อมรู้ดีเขาไม่ได้โกรธต้อมเลย ‘’ก็ขำนี่’’ ‘’ ขำก็ต้องทนไม่งั้นก็อดฟัง’’ ‘’ก็ได้ต้อมจะหัวเราะในใจก็ได้’’ ‘’คนอะไรหัวเราะในใจก็ได้’’ ‘’หัวเราะได้ก็แล้วกัน’’ ต้อมตอบเขาไปอย่างมีความสุข
การแตะต้องสัมผัสร่างกายที่เกินเลยกว่าที่เคยทำ เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง
หลังปิดร้านแล้วเกือบห้าทุ่ม ฝนตั้งเค้า ฟ้าร้อง ลมพัดแรง
ใบหูกว้างสะบัดในสายลมที่ขี้ฝุ่นคลุ้งแต่ต้อมก็ยังออกจากร้าน แม่ถามว่าจะออกไปไหน
ก็เพียงแต่ตอบว่าเดียวก็กลับแล้วฮะ
ต้อมทนคิดถึงเขาไม่ได้ต้อมต้องไปดึกดื่นเที่ยงคืน
อย่างไรก็ต้องไปหัวใจมันเรียกร้อง ต้อมพบว่าเขาเองก็รอต้อมอยู่อย่างกระวนกระวาย’’ดีจังที่มา’’
เขาพูดอย่างดีใจและรีบดึงแขนต้อมเข้าห้อง
ปิดประตูลงกลอน แล้วกอดต้อมในวงแขนอันกระชับแน่น เอาแก้มแนบกับแก้มเย็นๆของต้อม
ต้อมถามเขาว่า’’เมื่อเย็นทำไมไม่ไปกินข้าว’’ ‘’ไม่มีตังค์เลย’’เขาพูดแค่นั้น
‘’แล้วทำไมไม่บอกต้อมนี้ยังไม่ได้กินข้าวละซิ
ต้อมออกไปซื้ออะไรให้กินดีกว่านะ ข้าวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวราดหน้า’’ ไม่ๆ
แค่รู้ว่าต้อมเป็นห่วงมากมายขนาดนี้ ผมก็อิ่มจนกินไม่ลงแล้ว’’ไม่หรอกไม่อิ่มหรอก’’
ต้อมพูดอย่างนั้น แต่ในใจซาบซึ้งกับคำพูดเขามาก ต้อมจะออกไปซื้อ
แต่เขาขอไปเองดีกว่า ต้อมจึงยื่นเงินให้ เขารับไปและหายไปพักใหญ่ฝนก็เทจั่กๆลงมาต้อมบอกตัวเองว่ารู้อย่างนี้ไปกับเขาด้วย
จะได้เปียกเหมือนกัน เขากลับมาเปียกโชก เสื้อขาวบางที่เขาสวมพอมันเปียก ก็แนบร่าง
แนบแผงอก มองเห็นกล้ามที่ซ่อนอยู่ ต้อมถอดเสื้อให้เขา
อดไม่ได้ที่จะลูบไล้แผงอกสีน้ำตาลของเขาด้วยนิ้วมือที่สั่นด้วยอารมณ์จนตัวเขาก็ทนทานต่ออารมณ์ของตนเองไม่ไหว
เขารวบร่างของต้อมกอดเอาไว้แนบแน่นกว่าทุกครั้งที่เคยกอดจมูกของเขาเคล้าเคลียซอกคอ
ต้อมครางเบาๆอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต มันไม่น่าเกิดขึ้น
แต่เขาก็เปลื้องกางเกงเปียกๆ ของเขาสลัดไปให้พ้น
และต่อมาเสื้อผ้าก็เลื่อนหลุดไปจากเรือนกายของต้อมบ้าง
แล้วทั้งสองร่างก็ไปจบลงยังเตียง ท่ามกลางแสงสลัวๆ
จากหลอดไฟหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องลมเข้ามา ส่ำเสียงแห่งความเสียวกระสันรัญจวนอึงอลตั้งแต่ต้นจนความเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง
เสียงฝนตกลงใส่หลังคาดังระงมน้ำฝนเนืองนองอยู่บนพื้นข้างนอก
และในห้องนั้นก็ฉ่ำชื่นชื้นโชก เนืองนองด้วยความสุขไม่ต่างกัน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น