ผมและพลร่มเป็นนักศึกษารุ่นเดียวกันเขาเป็นเพื่อนที่ผมไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าเอาซะเลยเนื่องจากเขาเป็นคนมีนิสัยเกเร
เอาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องดื่มเหล้า บุหรี่ ผู้หญิง การพนัน ส่วนผมมุมานะในการเรียนเพียงอย่างเดียวและยังรายได้พิเศษทางดนตรีและที่สำคัญคือพลร่มเขาเป็นผู้ชายแท้ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในอำเภอเดียวกันผมและพลร่มก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกันนักและตึงตังตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกันผมรู้สึกว่าผมกับเขามีนิสัยไปกันไม่ได้เจอกันก็ทักทายกันธรรมดาและเมื่อผมสอบเข้ารับราชการได้ส่วนเขาก็สอบที่ไหนก็ไม่ติดสักแห่งทั้งๆที่ก็พยายามหลายครั้งแล้วในที่สุดเขาก็ขอร้องให้ผมช่วยติวข้อสอบให้ในตอนปลายปีโดยเสนอเงินค่าจ้างให้ผมจำนวนหนึ่งซึ่งผมก็รับไว้เขาจะมีเวลาติวข้อสอบกับผมเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะตอนกลางวันเขามีอาชีพสำรองไว้อยู่อาชีพช่างซ่อมรถในอู่ซ่อม
ส่วนผมทำงานที่ว่าการอำเภอทุกครั้งที่เขามาติวข้อสอบกับผม
เขามักจะมีปัญหาเรื่องโน้นเรื่องนี้ซึ่งเป็นปัญหานอกเรื่องมาถามผมเสมอดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการที่จะรับความรู้จากผมเลยและก็ผมกับเขามักจะโต้เถียงกันเป็นประจำ
วันหนึ่งเขาได้รับเงินเดือนเขาเอ่ยปากชวนผมว่า’’เราไปเที่ยวในจังหวัดกันดีไหม’’ผมตอบโดยไม่คิดว่า’’ตกลง’’ก่อนออกเดินทางเขาชวนผมดื่มเหล้าจนเมาพอได้ที่ก็ออกเดินทางกันโดยที่เขาเป็นคนขับรถเครื่องผมเผอิญตกจากท้ายรถบาดเจ็บมากจนขั้นเข้าโรงพยาบาลอำเภอเขาขอโทษในการเป็นต้นเหตุในการบาดเจ็บของผมในครั้งนี้และเขาก็มักจะมาเยี่ยมและเฝ้าไข้ผมประจำจนผมรู้สึกว่าไม่มีเพื่อนที่ดีกว่าเขาอีกแล้วในยามนี้เมื่อผมออกจากโรงพยาบาลเขาก็มาติวข้อสอบกับผมต่อไปอีกเพราะเหลือเวลาอีกไม่มากก็ถึงเวลาสอบบรรจุช่วงนี้ผมและเขาก็ค่อยๆมีความสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆวันหนึ่งเขามาติวข้อสอบกับผมด้วยอาการมึนเมาจนผมติวไม่รู้เรื่องมีคำถามหนึ่งที่พลถามผม’’ถามจริงๆเหอะ
นายน่ะชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชายกันแน่วะ
เท่าที่รู้จักกันมาไม่เห็นนายมีความสนิทสนมกับใครเลยไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายซ้อมกีฬาเสร็จนายก็จับกีตาร์นายเป็นประเภทไหนกันแน่วะ’’ผมตอบว่า’’ประเภทไหนก็ได้โว้ย’’
พอผมพูดจบประโยคเขาก็ตรงมากอดผมและไซ้ไปตามใบหน้าและลำตัวบ่องตงว่าอารมณ์ผมตอนนี้กระเจิดกระเจิงไปไกลจนกู่ไม่กลับผิวสีขาวของผมและผิวสีดำของเขาแลดูตัดกันพิลึกผมยอมรับว่าเขามีเทคนิคในการจูบและไซ้ที่เฉียบขาดนักและข้อสำคัญคือเขามีขนาดที่มหึมาพอสมควรเขายัดเหยียดความสุขให้ผมในคืนนั้นจนแทบสำลักผลัดกันรุกผลัดกันรับจนในที่สุดทำนบก็พังกันทั้งคู่คืนนั้นทั้งคืนเขาไม่ยอมกลับบ้านเลยทั้งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนักและเมื่อผลสอบประกาศออกมาปรากฏว่าเขาสอบติดอันดับห้าลงบรรจุที่ภาคเหนือก่อนออกเดินทางไปรับราชการบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการที่ภาคเหนือเขายื่นเงินมาให้ผม4000บาท
ค่าจ้างติวสอบพร้อมกับพูดว่า’’ขอให้เราพบกันเพียงเท่านี้เพราะเรามีทัศนะคติที่ไม่ตรงกัน’’แล้วเขาก็เดินหันหลังก้าวขึ้นรถไปโดยไม่ยอมกลับมาให้ผมเห็นหน้าอีกเลยแต่ผมสิครับใจกระเจิดกระเจิงไปไกลกว่าที่คิดที่เริ่มไม่แน่ใจในความเป็นชายของตัวเองซะแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น