วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าคาวน้ำกาม 10

"เปล่า เราแค่บอกภีมว่า นายเรียนอยู่คณะบริหารฯ ภีมเขาอยากเรียนคณะบัญชีกับบริหารฯมากๆ เออเรายังไม่ได้แนะนำให้นายรู้จักภีมเลย ตอนที่แนะนำให้เขารู้จักนายๆก็กำลังนั่งสมาธิอยู่ นี่ภีม นั่นน้องสาวภีมชื่อ พริ้มเพรา "
"
สวัสดีครับ" บอลทักทาย ภีมและพริ้มเพรา
"
กันต์กับบอลเรียนอยู่มหาลัยที่ไหน?" ภีมถามด้วยความอยากรู้
"
เชียงใหม่บอลตอบสั้นๆ
"
เชียงใหม่หรือครับ ผมอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดในเมืองไทย ภาคเหนือยังไม่เคยไป ส่วนใหญ่ไปแต่ภาคใต้และจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพเท่านั้น กันต์กับบอลไม่ได้เรียนอยู่คณะเดียวกัน?" พอพูดจบ ภีมทำหน้าสงสัย
"
เรียนอยู่คนละคณะและคนละชั้นปีด้วย เราจะขึ้นปี 3 ส่วนบอลจะขึ้นปี 2 " ผมตอบคำถามอย่างกระจ่างชัด
"
ครับ" ภีมทำท่าครุ่นคิด
รถทัวร์ได้พากลุ่มของพวกเรามายังโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกัลกัตต้า หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทัวร์บอกให้ลูกทัวร์ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นให้เจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม
ผมพักอยู่ห้องเดียวกับบอล ส่วนภีมโชคดีได้พักอยู่คนเดียว เพราะพ่อกับแม่ของภีมพักอยู่ห้องเดียวกัน และยายพักอยู่ห้องเดียวกับพริ้มเพรา
"
เราว่านายภีมต้องมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวพวกเราแน่ๆ เท่าที่ดูอากัปกริยาท่าทาง มันบ่งบอกว่าใช่ โดยเฉพาะเวลาเขาคุยกับนายนี่ หูตาแพรวพราวเชียว สงสัยแอบชอบนายแน่ๆ" บอลเปิดประเด็นในการสนทนาขึ้นมา
"
เหรอ.. " ผมทำเนียนรับฟังความเห็นจากฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเกิดอาการวัวสันหลังหวะนิดๆ
"
จริงนะ เรารู้สึกอย่างนั้น ตอนคุยกันบนรถ เขาตั้งหน้าตั้งตาคุยกับนายท่าเดียว ไม่ค่อยสนใจอยากคุยกับเราเท่าไหร่" บอลวิเคราะห์จากสถานการณ์
"
คิดมากหรือเปล่า เขาคงเห็นว่าตอนนั้นนายหลับอยู่เลยไม่อยากกวนมั้ง" ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อให้สถานการณ์เป็นแบบธรรมดามากที่สุดเท่าที่จะมากได้
"
จะยังไงก็แล้วแต่ หวังว่าเขาคงพอเดาออกนะว่า นายกับเรามีอะไรที่พิเศษนอกเหนือจากเพื่อน" บอลหันมามองผม
"
หึงเราเหรอ?" ผมทำหน้าเป็น พร้อมเอื้อมมือไปลูบเป้ากางเกงบอล
"
ใครหึงนาย? หลงตัวเองหรือเปล่า? มีอารมณ์อีกแล้ว เซ็กส์จัดจริงๆนะนาย" บอลหน้าแดง
"
แน่ใจนะว่าไม่หึง คราวหน้าถ้าภีมชวนเราคุยอีก เราจะคุยให้นานๆเลยคอยดู" ผมพูดยั่วบอลเล่นๆ พร้อมกับใช้มือเตรียมถลกกางเกงของบอล
"
อยากทำอะไรก็ทำตามใจเลยนะ อ้าวมาถอดกางเกงเราทำไม? ทำไมไม่ไปหานายภีมโน่น?" บอลเริ่มงอนนิดๆ พร้อมยกกางเกงขึ้นมาติดกระดุมอย่างมิดชิด
"
พูดเองนะ เดี๋ยวเราไปเคาะห้องภีม ขอนอนกับเขาคืนนี้เลยดีไหม? เห็นว่าพักอยู่คนเดียวด้วยซิ" ผมยังคงยั่วโมโหบอลเล่น
"
เชิญตามสบาย แล้วอย่ามาแตะเนื้อต้องตัวเราอีกนะ เราไม่ชอบคนคนสำส่อน" บอลชักจะงอนจริงๆแล้ว
ผมเห็นท่าไม่ได้การ เลยรีบเข้าไปโอบกอดบอล พร้อมกระซิบข้างหู "ล้อเล่นแค่นี้ ทำน้อยใจไปได้ เราเป็นคนชวนนายมาเที่ยว ยังไงเราก็ต้องดูแลและให้ความสำคัญกับนายมากเป็นพิเศษ ต่อไปนี้เราจะไม่ล้อเล่นกับนายเรื่องแบบนี้อีก ขอโทษนะ หายงอนหรือยังเอ่ย?"
รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของบอล ผมเริ่มใช้ริมฝีปากไซร้ทั่วบริเวณต้นคอของบอล ตัวบอลเริ่มอ่อนไหวตามจังหวะการไซร้ของผม
ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของบอลและของผมออกจนหมด เราทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผมก้มลงดูดเลียหัวนมสีชมพูทั้งสองข้างของบอลและใช้มืออีกข้างสาวว่าวให้บอล กระจู๋ของบอลเริ่มแข็งโด่พร้อมออกศึก ผมค่อยลากจมูกลงมาเล้าโลมขนหะมอยอันพลอมแพลม จากนั้นก็ใช้ลิ้นลากยาวบนท่อนเอ็นอันแสนโอชาของบอล
เสียงครางเบาๆของบอลดังออกมาเป็นระยะๆระยะๆ ผมรีบแยกขาบอลออก พร้อมสอดใส่แท่งตอปิโดของผมตรงกลางขาหนีบใต้ก้นของบอล แล้วกดขาหนีบของบอลให้บีบรัดแท่งตอปิโดของผม (สาเหตุที่ต้องร่วมรักวิธีนี้ เพราะบอลยังไม่พร้อมที่จะให้ผมทะลุทะลวงประตูหลัง เขากลัวเจ็บ)
ผมกระเด้าแท่งตอปิโดเข้าๆออกๆตรงขาหนีบของบอล พร้อมกับสาวว่าวให้บอลอย่างมันส์มือ
อีกไม่กี่อึดใจ กระจู๋ของบอลได้พ่นน้ำกำหนัดออกมาเลอะเต็มมือผม 2-3นาทีต่อมาน้ำอสุจิก็พุ่งออกมาจากปากแท่งตอปิโดของผมเลอะเต็มหว่างขาบอล
เราทั้งสองเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ต่างคนต่างถูเนื้อตัวให้อีกฝ่ายหนึ่ง มันช่างสุขและเสียวไปพร้อมๆกัน
คณะทัวร์ออกเดินทางจากเมืองกัลกัตต้า มายังเมืองคยา ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
ที่พักในเมืองคยา อาจจะพิเศษกว่าที่อื่นๆ เพราะเป็นเขตพุทธสถาน (ในสมัยนั้นยังไม่มีโรงแรมและที่พักในรูปแบบต่างๆให้เลือกเยอะแยะเหมือนใน ปัจจุบัน) ดังนั้นที่พักที่ดีที่สุดและสะอาดที่สุดคือ วัดไทย โดยจะพักค้างคืนที่เมืองนี้เพียง 1 คืน เท่านั้น
ภายในวัดไทย ที่พักจะแยกชาย-หญิง โดยชาย-หญิงไม่สามารถพักในห้องเดียวกันได้ กลุ่มลูกทัวร์ที่เป็นผู้ชาย นอนศาลาวัด ส่วนกลุ่มลูกทัวร์ที่เป็นผู้หญิง นอนเรือนพัก
หลังจากเมืองคยา ก็เดินทางต่อไปยังเมืองพาราณาสี ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราจะพักอยู่เมืองพาราณาสีนานกว่าที่อื่น โดยจะพักอยู่ 4 วัน 3 คืน
"
เมืองนี้ฝุ่นโคตรเยอะ ทั้งเนื้อทั้งตัวชะโลมไปด้วยฝุ่นหมด เราขอตัวไปอาบน้ำก่อน นายลองถามน้านิดว่า มียาแก้ไข้แก้ปวดอะไรบ้าง ตอนที่อยู่ดอนเมืองเราเห็นน้านิดถือกล่องยาสามัญประจำบ้านมาด้วย เรารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก แถมยังคัดจมูกและจามอีกด้วย สงสัยจะแพ้ฝุ่นหรือไม่ก็แพ้อากาศ" บอลอธิบายถึงอาการไม่สบายตัว
"
นายรีบไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราจะไปเอายาจากน้านิดมาให้" ผมรีบวิ่งไปยังห้องของหัวหน้าทัวร์
ด้ยามาแล้ว น้านิดบอกว่านายต้องแพ้ฝุ่นแน่นอน ก่อนหน้านี้ลูกทัวร์ของน้านิดหลายคนก็มีอาการคล้ายกับนาย น้านิดยังฝากยาดม ยาแก้แพ้ และผ้าสำหรับปิดจมูกมาให้นายด้วย รีบกินยาแล้วนอนพักซะ อาการจะได้ดีขึ้น ถ้านายอยากได้อะไรก็บอกเรา" ผมโอบกอดบอล พร้อมเอามือลูบแผ่นหลังบอลเบาๆ
หลังจากทานยาเรียบร้อย ซักพักบอลก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
"
ยังไม่ถึง 1 ทุ่ม ออกไปเดินเล่นดีกว่า" ผมมองนาฬิกาข้อมือ
"
ถ้านายตื่นมาแล้วไม่เจอเรา ไม่ต้องตกใจนะ เราออกไปเดินเล่นข้างนอกและอาจจะแวะไปคุยกับน้านิด" ผมเขียนโน๊ตทิ้งไว้บนโต๊ะที่อยู่ติดหัวเตียงนอน
หน้าโรงแรมจะเป็นถนนทางเดินเลียบแม่น้ำคงคา ขนานไปกับตลิ่งคอนกรีตขั้นบันไดลงไปสู่ท่าน้ำแม่น้ำคงคา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาแสวงบุญได้ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำอัน ศักดิ์สิทธิ์
ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันไดตรงท่าน้ำ เพื่อชมความงามของทิวทัศน์จากริมฝั่งคงคามหานที ผมได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน อายุประมาณ 40 กว่าปี พูดภาษาไทยว่า
"
แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนที่นี่เชื่อว่าไหลมาจากสรวงสวรรค์ ตามหลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์กล่าวว่า ถ้าได้มาอาบ มาดื่มกินน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะเป็นมงคลแก่ชีวิตเป็นอย่างมาก"
"
เสียงนี้คุ้นหูจังเลย" ผมพึมพำอยู่ในใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปดูหน้าเจ้าของเสียง
"
ที่แท้ลุงภูนั่นเอง ผมนึกว่าเสียงใคร" ผมพูดทักทายพ่อของภีม ลุงภูกับภีม นั่งอยู่บนขั้นบันไดท่าน้ำริมตลิ่ง โดยลุง ภูกำลังเล่าความเป็นมาของแม่น้ำคงคาให้ภีมฟัง
"
ไปไงมาไงพ่อหนุ่ม? ออกมาคนเดียวหรือ?" ลุงภูเอ่ยถามผม
"
ครับ เพื่อนไม่ค่อยสบาย เห็นว่าแพ้ฝุ่น พอกินยาเสร็จก็หลับไป"
"
เจ้าพริ้มก็แพ้ฝุ่นเหมือนกัน เพิ่งให้กินยาไป ตอนนี้สงสัยคงหลับปุ๋ย ส่วนแม่เจ้าภีมเห็นบ่นว่าคันไปทั้งตัว เมืองนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ ยังไงระวังตัวหน่อยนะพ่อหนุ่ม ไม่ใช่แค่ฝุ่นอย่างเดียว ผู้คนด้วย คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น ทุกหนทุกแห่งรวมถึงบ้านเราด้วย ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป" ลุงภูพูดให้แง่คิด
"
กันต์ เรียนเก่งมากๆนะ พ่อ สอบเทียบได้ตั้งแต่ม.4 แถมยังเอ็นฯติดด้วย" ภีมยอผมให้พ่อของเขาฟัง
"
ไม่ถึงกับเก่งหรอกครับ ผมว่าฟลุ๊คมากกว่า หรือไม่ก็จับจังหวะเลือกคณะที่คะแนนไม่เยอะและคนเลือกน้อย" ผมพูดอย่างถ่อมตัว
"
ยังไงก็ถือว่าเก่งนะ พ่อหนุ่มเรียนอยู่ปีไหน?" ลุงภูถามผม
"
จะขึ้นปี3 ครับ"
"
อีกไม่กี่ปีก็ใกล้จบแล้วซิ อายุพอๆกับเจ้าภีม เจ้านี่หัวมันดีนะ แต่ขี้เกียจไปหน่อย หนังสือหนังหาไม่ยอมอ่าน วันๆเอาแต่เล่นวีดีโอเกมส์ อ่านหนังสือการ์ตูน" ลุงภูหันมามองหน้าภีม
"
แต่ผมสอบผ่านทุกวิชาและเกรดเฉลี่ยไม่เคยได้ต่ำกว่า 2.8 ทุกเทอมนะจะบอกให้" ภีมพูดอย่างภาคภูมิใจในผลการเรียนของตัวเอง
"
เดี๋ยวรอประกาศผลสอบเอ็นฯออกก่อนนะ พ่อคนเก่ง" ลุงภูพูดกับภีม จากนั้นหันหน้ามาพูดกับผมว่า "ลุงขอตัวไปดูเจ้าพริ้มและแม่เจ้าภีมก่อน พ่อหนุ่มคุยกับเจ้าภีมไปพลางๆ ลุงฝากเจ้าภีมด้วย คุยกันอยู่แถวนี้ อย่าออกไปไหนไกล ที่นี่ไม่ใช่บ้านเมืองเรา แปลกที่แปลกทาง เราไม่รู้ว่าอันตรายจะมาเมื่อไหร่ เวลาเกิดอะไรขึ้นมันลำบาก"
"
ได้ครับ ลุงไม่ต้องห่วงเลยครับ" ผมรับคำ
"
พ่อไปก่อน อย่าอยู่ข้างนอกโรงแรมนาน และห้ามออกไปไหนไกล ทำไมไม่ชวนพ่อหนุ่มขึ้นไปคุยที่ห้องภีม? สะดวกและปลอดภัยกว่า อีกอย่างข้างนอกฝุ่นก็เยอะด้วย" ลุงภูกำชับภีม
พอลุงภูเดินกลับเข้าไปในโรงแรมได้ซักพักใหญ่ๆ ภีมก็ชวนผมขึ้นไปคุยบนห้องของเขา (ซึ่งเขาพักอยู่คนเดียวเช่นเคย)
ผมนั่งคุยกับภีมอยู่ในห้อง โดยภีมนั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ตรงปลายเตียง
เราทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆนานา จนกระทั่งภีมเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาว่า
"
กันต์กับบอลเป็นแฟนกันหรือเปล่า?"
"
อืมยังไงดีละ คือ เรากับบอลเป็นเพื่อนกัน แต่พิเศษกว่านิดหนึ่ง ไม่ถึงขนาดที่ใช้คำว่า แฟน เรียกกันและกัน เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย?" ผมพยายามตอบอย่างชัดเจนมากที่สุด
"
เข้าใจระดับหนึ่ง กันต์กับบอลมีอะไรกันแล้วใช่ไหม?" ภีมถามอย่างตรงไปตรงมา
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
"
อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าบอลไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ เวลาที่ผมทักทายก็ดูหน้างอ ถามคำตอบคำ ที่แท้หึงกันต์นี่เอง" ภีมใช้มือจับเป้ากางเกงตัวเอง เหมือนกำลังจะขยับขอบกางเกงในหรือไม่ก็เกากระจู๋
"
ช่างสังเกตจริง เขาคงไม่หึงเราหรอก เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ พูดน้อยถามคำตอบคำ แล้วแต่อารมณ์" เวลานี้สมาธิของผมกระเจิงไปนิดหน่อย เพราะมัวแต่จ้องมองมือของภีมที่กำลังเกาตรงเป้ากางเกงอยู่
"
เกาอยู่นั่นแหละ เป็นสังคังหรือเปล่า?" ผมพูดหยอกล้อ
"
ดูให้หน่อยว่าใช่หรือเปล่า?" ภีมเปิดโอกาส
"
ดูไม่เป็น เราไม่เคยเป็นนิ จะรู้ได้ไงว่าใช่หรือไม่" ผมเล่นเกมส์หมาหยอกไก่
"
งั้นช่วยเกาให้ผมหน่อยได้เปล่า? เมื่อยมือ" ภีมถอดกางเกงพร้อมกับกางเกงในออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นด้ามปืนยาวหัวเปิดถอกของเต้ย ทำเอาผมขาดสติไปชั่วขณะ ผมไม่รอช้า เขยิบตัวพร้อมยื่นมือเข้าไปจับรูดขึ้นๆลงๆอย่างทันที ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ขนหะมอยที่ขึ้นหนาบนหัวหน่าวของภีม
"
ขอผมดูกระดอกันต์หน่อยซิ ครั้งก่อนยังเห็นไม่จุใจ" ภีมรีบใช้มือปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงยีนส์ของผมออกทันที
จากนั้นใช้มือค่อยๆถอกหนังหุ้มกระดอผมออกจนหัวเปิดออกมาจนหมด
"
กระดอกันต์เวลาแข็งตัวขึ้นมา ใหญ่มหึมามากๆ" ภีมทำท่าตกใจ พร้อมทั้งอ้าปากเตรียมจะเขมือบกระดอผมอย่างหิวโหย
"
อย่า.. ไม่เอา !! คือ วันนี้เรายังไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาดเลย เราแค่ชักว่าวให้กันและกันอย่างเดียวก็พอนะ" ผมพูดอย่างขาดความมั่นใจ
"
ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. เข้าใจพูดนะ อย่าว่าแต่กันต์เลยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ผมเองก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกัน ซกมกพอกัน กระดอเหม็ด้วยกันทั้งคู่" ภีมหัวเราะชอบใจใหญ่
ผมและภีมต่างสำเร็จความใคร่โดยใช้มือให้แก่กันและกัน จนน้ำอสุจิแตกคามือทั้งคู่
ผมเดินกลับห้องพักอย่างอารมณ์ดี รู้สึกโล่งและเบาสบายตัวมาก (ได้เอาน้ำออกมาแล้วนิ จะไม่สบายตัวได้ไง)
ผมเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นบอลนั่งสะลึมสะลืออยู่ที่ปลายเตียง
"
ตื่นนานหรือยัง? รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหม?" ผมถามบอลด้วยความห่วงใย
"
ก่อนหน้าที่นายจะมาถึง ไม่กี่นาที พอได้นอนซับงีบแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง แล้วนายออกไปเดินเล่นที่ไหนมา? หรือไปคุยกับน้านิด?" บอลถามขึ้นมา
"
ออกไปเดินเล่นที่ท่าน้ำหน้าโรงแรม บังเอิญเจอลุงภูและภีม เลยคุยกันตรงท่าน้ำ จากนั้นขึ้นห้องมาหานายนี่แหละ พริ้มเพราก็แพ้ฝุ่นเหมือนกับนาย อาการแบบเดียวกันเลย เห็นลุงภูให้กินยาและนอนพักผ่อนแล้ว" ผมเล่าให้บอลฟังว่าผมออกไปทำอะไรข้างนอกบ้าง (ซึ่งเล่าความจริง แต่เล่าไม่หมดแค่นั้น)
"
เจอใครไม่เจอ เจอแต่นายภีมตลอดนะ" บอลกระแหนะกระแหนผม
"
ไม่ได้เจอแค่ภีม เจอพ่อเขาด้วย ถ้าเราเจอแค่ภีมคนเดียว นายจะซักฟอกเรายังไง เรายอมทั้งนั้น นายก็รู้นี่ว่า พวกเรามาเที่ยวเป็นกลุ่ม ถ้าไม่ให้เจอพวกเดียวกันโดยบังเอิญ แล้วจะให้เจอใคร? อีกอย่างกลุ่มของพวกเรามีแต่ผู้สูงวัย รุ่นคุณลุง คุณป้า ไปจนถึงคุณตา คุณยาย ทั้งนั้น พวกนี้พอกลับโรงแรมแล้วมักจะไม่ค่อยออกไปเดินเที่ยวไหนไกลๆ ส่วนที่อายุน้อยก็มีแต่พวกเราและภีมกับพริ้มเพราเท่านั้น ที่พอมีเรี่ยวแรง ตลอดจนความคึกที่จะออกไปเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกได้" ผมพยายามหาเหตุผลมาอธิบายเพื่อให้บอลเข้าใจ (เรียกว่า "แถ" จะตรงตัวกว่านะ)
"
ไม่ได้ว่าอะไรนี่" บอลพูดอย่างวางมาด
"
ครับ ขอหอมหน่อยนะ" ผมหยอกเล่นบอลด้วยการหอมแก้ม
"
เล่นอะไรนี่ ยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม? ไปอาบน้ำเลยนะ ซกมกจริง" บอลพูดด้วยความเขินอาย
"
ยังไม่แก่เลย ทำไมขี้บ่นจัง" ผมแอบบ่นพึมพำ
"
พูดอะไร เราได้ยินนะ หาว่าเราขี้บ่นหรือ?" บอลทำเริ่มทำท่างอนใส่ผม
"
เปล่า" ผมปฏิเสธอย่างหนักแน่น
"
อย่ามาโกหก งั้นห้ามแตะต้องตัวเรา 1 อาทิตย์ เป็นการลงโทษ" บอลเตือนผม
" 1
อาทิตย์เองหรือ? น่าจะเป็น 1 เดือน นะ" ผมต่อปากต่อคำ
บอลค้อนใส่ผม พร้อมกับพูดออกมาว่า "ชอบละซิ ที่เราทำโทษไม่ให้แตะต้องตัวเรานานๆแบบนี้ จะได้มีโอกาสไปหานายภีม ให้ช่วยปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวให้ใช่ไหม?"
"
อยากให้นายทำให้มากกว่า ถึงแม้นายจะห้ามเราไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวนายเป็นเวลาเท่าไหร่ก็ตาม แต่นายสามารถแตะเนื้อต้องตัวเราได้นิ ไม่ผิดกฏกติกาใดๆทั้งนั้น อย่างอนเลยนะ บอลจ๋าเราแคร์ความรู้สึกของนายมากนะ" ผมออดอ้อนบอล ก่อนที่เรื่องเล็กๆจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา
"
อย่ามากะล่อนใส่เรา นายนี่มันจริงๆเลย ไปอาบน้ำได้แล้วไป คราบขี้เกลือขึ้นเต็มไปหมด อึ๋ย.. หยะแหยง " หน้าบอลเริ่มจะแดงทีละนิด ด้วยความเขิน
"
ไปก็ได้ ช่วยอาบน้ำให้หน่อยดิ ถูเจี๊ยวให้ด้วยนะ บอลจ๋า... " ผมทำท่าออดอ้อน
เมื่อเที่ยวชมเมืองพาราณาสีครบตามกำหนดการแล้ว หัวหน้าทัวร์ก็พาพวกเราออกเดินทางโดยการนั่งรถไฟไปเมืองนิวเดลลีซึ่งเป็น เมืองหลวงของประเทศอินเดีย
คณะทัวร์ของพวกเรานั่งรถไฟชั้น 1 ซึ่งแบ่งเป็นห้องๆ มีประตูและลงกลอนเพื่อความปลอดภัย แต่ละห้องสามารถจุผู้โดยสารได้ 4 คน
ผมกับบอล ได้ห้องเดียวกับภีมและลุงภู (เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน) ส่วนแม่ของภีม ยาย และพริ้มเพรา อยู่อีกห้องหนึ่งกับหัวหน้าทัวร์
ผมพยายามสังเกตว่า บนรถไฟ บอลไม่คุยกับภีมเลย แต่กับลุงภูกลับคุยกันค่อนข้างถูกคอ ขนาดภีมพยายามจะคุยด้วย บอลก็คุยแบบสั้นๆห้วนหรือถามคำตอบคำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม และไม่อยากเดาด้วย(เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่า หลงตัวเอง) อีกทั้งไม่อยากจะถามบอล เพราะไม่อยากให้เรื่องราวไปกันใหญ่
หลังจากคืนนั้นที่เมืองพาราณาสี ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังหรือคุยกันสองต่อสองกับภีมอีกเลย เพราะบอลตามประกบผมแจ จะแอบชะแว๊บไปไหนไม่ได้เลย
ยังดีที่ขากลับมาถึงสนามบินดอนเมือง ภีมได้แอบจดเบอร์โทรศัพท์และเพจใส่ในมือของผม(แอบเอาให้ผม ตอนที่บอลไปเข้าห้องน้ำ) ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามจุดหมายปลายทางของแต่ละคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น