วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แค้นรำลึก [หนุ่มบ้านนา]

รถโดยสารประจำทางผ่านไป ทิ้งม่านควันกลุ่มใหญ่ที่เหม็นหื่นคละคลุ้งอยู่เบื้องหลังพอควันเหล่านั้นจางลง ชายหนุ่มจึงมองเห็นอะไรหลายๆอย่างได้ชัดเจนขึ้น นับเป็นอะไรเวลาถึงสิบสองปีที่เขาไม่เคยย้อนกลับมาที่นี่เลยทางสามแยกแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้กลับมายืน ณ จุดนี้อีกครั้งหนึ่งเขายืนสำรวจทบทวนสถาพบริเวณรอบๆ แห่งนี้ครู่หนึ่ง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเลย ร้านขายของชำยายอิ่มทางซ้ายมือมันก็ยังเป็นร้านขายของชำอยู่เช่นเดิม แต่ขนาดของร้านโตขึ้นหลายคูหา ยายอิ่มก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความกระฉับกระเฉงของแกถูกความชรากลืนหายไปจนหมด เดี๋ยวนี้คงเห็นแต่ภาพยายแก่นั่งเคี้ยวหมากอยู่บนแคร่หน้าร้าน บางครั้งก็คอยช่วยเหลือลูกหลานหยิบส่งของขายบ้างเป็นครั้งคราว เขามองภาพต่างๆที่ปรากฏอยู่ ก็อดนึกเจ็บใจตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ที่อุตสาห์ใช้ความทรหดอาศัยข้าวก้นบาตรพระ ไปร่ำเรียนมาจนถึงขั้นปริญญาแต่ยังหางานทำที่มั่นคง และมั่นใจเท่าลูกๆของยายอิ่มซึ่งจบแค่ป.6 ไม่ได้ เขาน่าจะทักทายยายอิ่มสักคำ แต่เปล่าเลย จุดหมายปลายทางของเขาคือบ้าน ที่เขาได้จากไปแสนนานเขาคิดถึง พ่อ แม่ ไอ้ไข่ และน้องๆ ป่านนี้พ่อและแม่คงลือเรื่องราวต่างๆของเขาเสียสิ้น และคงให้อภัยแก่เขาแล้ว ‘’ พี่จะไปไหนครับ’’ หนุ่มขับจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาทักทาย’’ ‘’บ้านสุดทุ่ง’’ เขาบอกไปตามจุดประสงค์หนุ่มจักรยานยนต์รับคำ แม้ระยะทางกว่าจะถึงบ้านสุดทุ่งนั้นจะไกลพอสมควรอยู่ มันก็ต้องจำยอมส่งผู้โดยสาร เพราะเงินตราผู้เป็นพระเจ้าสามารถช่วยลูกเมียของเขาไปได้หลายมื้อทีเดียว
รถวิ่งไม่เร็วนัก สถาพถนนดีขึ้นกว่าเก่ามาก เขานั่งมองทิวทัศน์ริมถนนไปอย่างสดชื่น เขาสูงตระหง่านสลับยอด เงาไม้น้อยใหญ่ริมเชิงเขาทอดตัวลงนอนแนบทุ่งนา ‘’ ท้องทุ่งนา’’เรากระซิบกับตัวเองเบาๆ ใช่ซิก็เพราะเจ้าทุ่งนาระหว่างบ้านสุดทุ่งกับบ้านวัดไทรมิใช่หรือ ที่ต้องทำให้เขาต้องระเหเร่ร่อนหลบหน้าผู้คนจากบ้านสุดทุ่งไปถึงสิบสองปีเต็ม เขายังจำได้ดี บ่ายวันนั้น ไอ้ไข่ หลานของเขาเองได้มาบอกว่า เจ้าสูญหนุ่มกระเตาะรุ่นๆกับเขาให้ไอ้ไข่จับเจ้าหนูเนื้อแน่นของมันคลึงเล่นอย่างสนุกมือ ‘’มันเหมือนแท่งน้ำแข็งบอกเลยอาทอง’’ เจ้าไข่เล่าอย่างตื่นเต้น คำพูดของเจ้าไข่เหมือนกับการจุดประกายไปให้เจิดจ้าขึ้นในหัวใจเขา เขาต้องการจับเนื้อแน่นแสนหวงของเจ้าสูญบ้าง เขาอยากกอดรัดลูบไล้ ร่างกำยำของเจ้าสูญ เขาพอใจในความมีเสน่ห์คมคายของเจ้าสูญ ไม่รู้เหมือนกันว่าความต้องการเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรและมันคงเป็นความต้องการที่ทำให้เกิดความอิ่มสุขทั้งเขาและเจ้าสูญหลังจากนั้นเขาได้อาสาพ่อพาวัวไปเลี้ยงกลางทุ่ง ใกล้ๆ กับเจ้าสูญเมื่อมีโอกาสเหมาะการเริ่มต้นที่บริสุทธิ์ เพื่อนำไปสู่เกมส์แห่งความใคร่จึงเกิดขึ้น ขณะที่เขาและเจ้าสูญตามวัวไปกินน้ำที่แอ่งน้ำกลางท้องทุ่ง ‘’ …ของวัวเอ็งกับวัวข้าใครใหญ่กว่ากันว่ะ ‘’ สูญเขาพูดเป็นช่องทางดักหลุมลวงเจ้าสูญ ‘’ของวัวข้าว่ะ ทอง แต่ของเจ้าของวัวใหญ่แน่ๆ ‘’ สูญกล่าวอย่างคึกคะนอง ทั้งสองคุยกันเพลิดเพลิน เมื่อวัวกินน้ำเสร็จ เจ้าสูญก็ได้ชวนเขาไปนอนเล่นรับลมที่หนำ (เพิงพักพุ่มจากกลางทุ่ง) ริมทุ่ง ‘’ที่เอ็งว่าของเอ็งใหญ่ จริงไหมว่ะสูญ ‘’ เขายังติดใจในเรื่องนี้’’ เอ็งหลับตาซิแล้วข้าจะให้พิสูจน์’’ เจ้าสูญคิดจะเล่นบทลึกลับกับเขา ทองหลับตาอย่างเจ้าสูญว่า ด้วยความคึกคะนองอยากจะสนองอารมณ์เพศของเจ้าสูญมันค่อยๆ งัดเจ้าหนูถูไถกับร่างกำยำของมันค่อยแอ่นตัวเข้าไปถูไถหน้าท้องของเขา เขาต้องสะดุ้งวาบซาบซ่าน เลื่อนมือลงกำเนื้อนั่นอย่างกระชับ ไม่มีการพูดคุยออะไรต่อไปอีก สองหนุ่มท้องทุ่งกำลังกุลีกุจอ สนองอารมณ์ใคร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของวัยหนุ่ม เขาพยายามใช้หัวเนื้อเส้นเอ็นใหญ่มาประกบกันแต่ไร้ผลเจ้าสูญทนความกลัดมันไม่ไหว มันติต่างว่าให้เขาต้องรับบทเป็นผู้รองรับความใคร่ มันจึงระดมจูบลูบไล้ จนทองสั่นสะเทิ้มไปทั่ว ความเป็นชายของเจ้าสูญซอยสั่นไหวไปทั่วช่องท้องของเขา ลมทุ่งตะวันออกพัดอู้ ชายคาหนำสั่นระริกใบไม้ แห้งกลิ้งตัวไปด้วยความเร็วแล้วค่อยๆ ช้าลงตามความอ่อนของแรงลม เจ้าสูญพลิกตัวครางเสียงอ่อย แล้วถามเขาด้วยความเป็นห่วง ‘’เลอะไหม’’ ‘’ มีความสุข อยากให้เอ็งกอดและทำทำกับเรานานๆ ‘’ เขาตอบตามความรู้สึกที่ได้รับ ตะวันบ่ายคล้อย เขาและสูญได้แยกกันไปพร้อมกับวัวอย่างมีความสุขสูญจูงวัวเดินบนคันนาผิวปากร้องเพลงมุ่งหน้าไปทางบ้านวัดไทรอย่างสบายอารมณ์ ส่วนเขาจูงวัวเดินกลับไปทางบ้านสุดทุ่งอย่างอิ่มเอิบใจ นับจากวันนั้นเขาขันอาสาพ่อเอาวัวไปเลี้ยงเป็นประจำจนดูท่าพ่อจะรักเขาขึ้นมาบ้างแต่หลายวันมานี้เขาไม่เห็นหน้าเจ้าสูญเลย วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว ลมท้องทุ่งเงียบสงัด ยอดหญ้าริมทุ่งหยุดไหวแอ่งน้ำกลางทุ่งนาสงบนิ่งแต่ใจของเขากลับว้าวุ่นกระวนกระวายสับสน ไปหมด ‘’มันหายไปไหนของมันน่ะ’’ เขารำพึงกึ่งสบถตะวันคล้อยลับเหลี่ยมเขาถามโพล้เพล้เช่นนี้ เขาควรจะนำวัวกลับบ้านได้แล้ว แต่วันนี้ไม่เขาจะไม่นำวัวกลับ จนกว่าจะได้พบสูญอีกครั้ง สายตาเขาเหม่อลอยไปทางบ้านวัดไทร โชคยังเป็นของเขาอยู่ สูญวิ่งมาตามคันนาอย่างกระหืดกระหอบ เขาลุกขึ้นโบกไม้โบกมืออย่างดีใจวิ่งเข้าหาสูญอย่างเร่าร้อน ความต้องการที่ทำให้เกิดความสุขที่เข้าใจกันบางครั้งก็ไม่ต้องมีบทสนทนา สูญล้มตัวลงนอนบนซังนาข้าวกลางทุ่งนา ‘’วันนี้รีบหน่อยนะ ข้ามีงานแยะต้องรีบกลับ’’ เขาค่อยๆ ล้มตัวลงทับสูญ ซุกไซร้ตรงซอกคอ แล้วค่อยๆ เลื่อนตัวลงต่ำ เสียงเจ้าสูญฟังไม่ได้ศัพท์ แม่วัวร้องเรียกลูกเสียงมอ มอ เขาต้องการให้โลกหยุดหมุน ต้องการให้ความสุขขณะนี้เป็นของเขาตลอดไป แต่ใครเล่าจะหนีสัจธรรมไปได้พ้น มียศก็ต้องมีเสื่อมยศ มีมืดก็ย่อมมีสว่าง มีสุขก็ย่อมมีทุกข์เป็นธรรมดาขณะที่เขาก้มตัวลงปลุกความสุขของเจ้าสูญ อย่างเมามัน พลันฝ่าเท้าที่แข็งแกร่งถีบโครมเข้าตรงซี่โครงด้านข้าง จนต้องพลิกคว่ำพลิกหงายไปหลายตลบ ‘’ไอ้ลูกอับปรีย์’’ เสียงด่าลั่นจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ สูญเก็บความรู้สึกที่คั่งค้างลุกขึ้นวิ่งกลับวัดไทรอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนเขาต้องถูกระดมทั้งมือทั้งเท้าจนถึงบ้าน พ่อยังด่าประจานเขาอย่างไม่ปราณี และเขาก็ไม่ได้ส่งเสียงอ้อนวอนต่อพ่อเลย ‘’ไอ้ลูกกาลีมึงออกไปจากบ้านกู’’ ผู้เป็นพ่อทั้งด่าทั้งสาปแช่งเขาได้ถึงเพียงนี้ น้ำตาเขาไหลพรากขึ้นไปกราบแม่เป็นครั้งสุดท้ายแม่ไม่ยอมมองหน้าเขา แล้วใครล่ะที่ทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ พวกพ่อรักเขาเหมือนลูกคนอื่นๆบ้าง เขาคงไม่เป็นอย่างนี้ แต่พ่อไม่เคย สนใจเขาเท่ากับเหล้าเลย และแม่ยังให้เวลากับการเล่นไพ่มากกว่าเวลาที่จะอยู่กับเขา แล้วใยต้องทารุณ และไล่เขาออกจากบ้านนี้ เขาต้องหอบผ้าผ่อน เดินทางอย่างแสนเข็ญออกจากบ้านสุดทุ่งตั้งแต่หัวค่ำ จนใกล้รุ่งก็ได้แคร่หน้าร้านยายเอี่อมนั่นแหละเป็นที่ซุกหัวนอน ยายเอี่อมให้ความเมตตากับเขามากกว่าใครๆให้เงินยี่สิบบ้านไว้ทำทุกชีวิตในภายภาคหน้า รถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้าร่มยางพารา ไอเย็นระรื่นจากธรรมชาติที่หาได้ เสมอในฤดูร้อนผ่านมากระทบผิว จนทำให้เขารู้สึกสดชื่นและคลายร้อนจากเปลวแดด ‘’พี่จะลงที่ทางเข้าหรือให้ผมไปส่งถึงที่บ้านครับ’’ ผู้ทำหน้าที่ขนส่งสงสัย ‘’ไปส่งที่หน้าวัดสุดทุ่งก็แล้วกัน’’ เลยสวนยางพาราจากนี้ไปจะถึงสามแยกอีกแห่งหนึ่ง แยกหนึ่งเป็นทางออกสู่เมืองแยกหนึ่งไปหมู่บ้านวัดไทร และอีกแยกหนึ่งมุ่งไปบ้านสุดทุ่ง มีทุ่งกว้างขวางกั้นเป็นการแบ่งเขตของหมู่บ้านทั้งสองเขาเหลียวมองหนำกลางทุ่ง แหล่งปลุกสวาทตำนานใคร่ระหว่างเขากับสูญ มันยังคงโดดเด่นและเงียบเหงาอยู่เช่นเดิม เขาพยายามกดภาพแห่งความหลังที่ผุดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเพราะเขาต้องเตรียมพร้อมปรับสภาพกายใจที่ได้พบเจอกับพ่อ แม่ พี่น้อง อีกไม่กี่อึดใจ เสียงเครื่องยนต์นิ่งสนิท เขาก้าวถอยออกมา บรรยากาศรอบข้าง เงียบสงัด เจ้าไข่วิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนรน ‘’ พี่ทองใช่ไหม ไม่ต้องไปบ้านหรอกแม่พี่อยู่ในวัด’’ หญิงแต่งชุดดำเดินสวนเข้าออกทางประตูวัด ทุกคนมีสีหน้าสลด ไม่มีใครทักทายเขาสักคน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาเดินผ่านผู้คนไปจนถึงศาลาอิ่มใจ ‘’แม่แม่อยู่ไหน ทำไมพอถึงต้องเป็นอย่างนี้ ‘’เขาตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง หญิงวัยกลางคนร่างผอมเกร็ง แก้มตอบตะโกนสวนมาอย่างไม่ยั้งน้ำใจ ‘’แกกลับมาทำไม ไอ้ลูกหน้าตัวเมีย ไอ้ลูกไอ้ลูกไอ้ลูก….’’ นางชี้หน้าทองลูกในไส้ร้องไห้โฮดังลั่น จนแขกหรือในงานช่วยปลอบประโลมพานางออกไป ‘’เพราะมันพ่อมันถึงเป็นอย่างนี้’’ นางเหลียวกลับมาซ้ำเติม เขารีบเอามืออุดหู กดศีรษะแน่นเขาอ่อนทรุดลงกับพื้น ทำไมๆ ถึงเป็นเช่นนี้ แม่ที่เขาเคยรักและบูชา ทำไมต้องมาซ้ำเติมเขาแบบนี้ เมื่อสิบสองปีที่ผ่านมาที่เขากับสูญเคยพลอดรักกันมันเป็นความผิดร้ายแรง มาจนถึงบัดนี้หรือ ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเข้าบ้างกฎบ้าบออันนี้ใครสร้างมัน เขาฟาดกำปั้นลงบนดินด้วยความคั่งแค้นเจ็บช้ำหัวใจ ไม่มีใครสนใจสภาพของทองในขณะนี้เลย ดูพวกเขาจะสะใจทุเรศในตัวทองเสียด้วยซ้ำ เมื่อความคับแค้นมันเต็มที่มันก็มีวิธีระบาย เขาข่มใจเช็ดน้ำตาเชิดหน้าขึ้นอย่างทรนงอีกครั้งหนึ่งแล้วมันเรื่องอะไรที่จะต้องไปสนใจคนอื่นเขา ชีวิตนี้เป็นของเรา กูนี่แหละจะเป็นผู้บัญชาชีวิตกู ทองตั้งปณิธานขึ้นในจิต ‘’พ่อ ลูกขอขมาที่ไม่ได้ตอบแทนคุณ ถ้าพ่อไม่ประจานทองเข้าใจทอง ลูกของพ่อคงไม่เป็นอย่างนี้ ทองรักพ่อ จะแก้แค้นให้พ่อ ‘’ เขาพูดจุดธูปอธิษฐานต่อหน้าโลงศพผู้เป็นพ่อ หยดน้ำตาเอ่อล้นรินอาบแก้ม เขาช่วยจัดการงานศพของพ่อจนเรียบร้อยโดยไม่ไยดีกับเสียงอัปมงคลรอบๆข้าง ลมตะวันออกพัดเรื่อยๆ ตะวันอ้อมข้าวคล้อยไปทางทิศตะวันตก ทองนั่งพิงเสาบนหนำน้อยกลางทุ่ง เหม่อมองรวงข้าวสีทองที่สั่นไหวตามแรงลม หนำแห่งนี้มันเป็นที่กำเนิดทั้งความสุขแรกในชีวิต และความทุกข์หนักของชีวิตให้แก่เขาเช่นกัน ภาพในอดีตล่องลอยผ่านมาสับสนในสมอง สูญหนุ่มหล่อวัดไทรเดี๋ยวนี้ล่ะ เขาอยู่ที่ไหน เขาเคยถามข่าวคราวของสูญกับเจ้าไข่หลานชาย เจ้าไข่บอกเขาว่า ‘’พี่สูญมีสาวคนรักใกล้ๆบ้านเรา แต่พ่อของพี่ทองไปประจานพี่สูญว่ากระเทย สาวจึงตัดรัก ทำให้พี่สูญเสียใจมาก’’ เจ้าไข่เล่าให้เขาเพียงแค่นี้ แล้วที่พ่อถูกฆ่าตาย เป็นเพราะปากพ่อรึปล่าว เสียงลือว่าสูญเป็นคนฆ่านั้นจริงหรือ? เขานั่งคิดสร้างเรื่องเรื่อยเปื่อยเหมือนสายลมที่พัดระเรื่อยอยู่กลางทุ่ง ริมทุ่งทางวัดไทรปรากฏเงาของใครคนหนึ่ง เดินมุ่งมาทางหนำกลางทุ่งที่เขานั่งอยู่เมื่อเจ้าของร่างนั้นใกล้ถึงหนำ เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ก่อน จึงชะงักนิดนึง ‘’สูญใช่ไหม’’ เขาโพล่งเรียกไปอย่างตื่นเต้น ผู้ถูกเรียกจึงเดินเข้ามาใกล้ ‘’ทองเรอะนั่น’’ สูญพูดอย่างเหงาหงอย แต่แฝงความระแวดระวังเอาไว้ ‘’แกจากไปเสียนานหล่อขึ้นนะ’’ สูญพูดต่อ’’แกก็เปลี่ยนไปนะสูญ ดูไม่รื่นเริงเหมือนเมื่อก่อน’’ สูญเปลี่ยนไปมากจริงๆ ดำกร้านขึ้นเค้าของความหล่อเกือบไม่เหลืออยู่เลย เสน่ห์หนุ่มท้องนาผู้ทรนงหายไปไหนหมด จริงดังพระท่านว่า รูป รส กลิ่น เสียง เป็นอนิจจัง ‘’แกกลับมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร’’ ‘’ก็หลายวันแล้วล่ะ’’ เขากับสูญพูดคุยกันจนคุ้นเคยเหมือนเมื่อก่อน ‘’ฉันเบื่อ เหงา จึงมานั่งที่นี่ ‘’ เขาพูดแต่ยังไม่ลืมคำพูดของเจ้าไข่ ที่จะนำมาประติดประต่อจากปากคำของเจ้าสูญ ‘’แกยังจำได้ไหมทองที่หนำแห่งนี้เราเคยมีความสุขด้วยกัน’’ ‘’ข้าอยากให้วันนี้เหมือนวันนั้น’’ ‘’เอาซิ’’ สูญตอบสั้นๆ พร้อมกับล้มตัวลงนอนราบไปบนพื้นหนำ ทองค่อยๆ เอามือลูบไล้ไปบนแผ่นท้อง ซึ่งมีกล้ามขึ้นเป็นลอนเลื่อนต่ำลงไปจนถึงปุยขนเนื้อแน่น รุกร้าวเร็วขึ้น เจ้าสูญซี้ดปากขาเกร็ง เราประกบริมฝีปากที่เผอยคอยรับอยู่อย่างช้าๆ และหนักหน่วง การเร่าร้อนของอารมณ์เจ้าสูญครางเสียงฮ่า ! สูญเปลี่ยนร่างพลิกกลับมาขึ้นทับทองอย่างชำนาญ ทำหน้าที่เป็นผู้บุกรุก เอ็นท่อนใหญ่ดุนดันอยู่ที่โคนขาอ่อนของทอง ไออุ่นของมันเสียดสีจนสั่นระร่าว ทองดึงสูญเข้ามากอดกระซับ ‘’แกฆ่าพ่อฉันใช่ไหมสูญ’’ อารมณ์เพริดพลิ้วของเจ้าสูญหยุดชะงักมันคว้ามีดปาดตาลคมกริบ เงื้อขึ้นสุดแขนแทนคำตอบให้กับเจ้าทอง แต่ทันใดนั้นมันก็หงายหลังตึงดิ้นพราดอยู่บนพื้นดินข้างล่าง มีดสะปริงแปดนิ้วจมมิดอยู่ที่ยอดอกเลือดฉูดกระจาย ‘’อโหสิเถอะสูญ ข้าทำเพื่อ….’’ ถึงสามแยกเสียงล้อรถจิ๊บกระแทกถนนลาดยางเสียงดังตึง เขาเหลียวมองร้านขายของชำยายอิ่ม อยากทักทายยายอิ่มสักคำ แต่บัดนี้อิสรภาพของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น