วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความลับของพ่อ 5

ยิ่งดึกยิ่งหนาว เราสองคนพ่อลูกต้องหยิบเสื้อผ้ามาใส่แล้วนอนกอดกันใต้ผ้าห่ม
พ่อเจ็บไหมผมพูดพลางเอามือลูบก้นแน่น ๆ ของพ่อ
ทะลึ่งนะมึง ข้าสงสานหรอกเลยให้ จะได้เย็ดเป็นกับเขา
ฉันเย็ดเป็นแล้วใช่ไหมละ เมื่อกี้พ่อครางใหญ่เลยผมพูดกลั้วหัวเราะ
อ้าวไอ้นี่.... ให้เย็ดทีเดียวนี่ขึ้นหน้าเชียว มานี่เดียวข้าจะทำให้ดูว่าคนเย็ดเก่ง ๆ เขาทำยังไง
พ่อดึงมุดลงใต้ผ้าผวย ใช้หนวดเคราสาก ไซ้ไปตามหน้าท้องและบั้นเอวจนผมหัวเราะลั่น ดิ้นไปมา
ในเวลานั้นเองที่ผมเหลือบไปเห็นดวงไฟนับสิบที่มุ่งตรงมายังเรา แต่ยังไม่ทันที่จะบอกพ่อ กระท่อมทั้งหลังก็สว่างด้วยแสงไฟฉายนับสิบดวงที่ส่องขึ้นมา จนผมยกแขนขึ้นบังไม่ให้แสงจากไฟแยงตา พ่อมุดตัวขึ้นมาจากผ้าห่ม ตะโกนถามว่าใครกันที่ส่องไฟมา แต่แล้วแกก็นั่งแข็งทื่อเหมือนเห็นผี
ผมลดแขนที่บังตาลง พยายามมองผ่านแสงไฟฉายนับสิบดวงที่จู่โจม ผู้มาเยือนคืนนี้ไม่ใช่ใคร
หนึ่งในนั้นคือใบหน้ากลมมนของลุงผู้ใหญ่ ที่ไม่เหลือเค้าคนใจดี...
และอีกใบหน้าที่ผมคุ้นเคยเป็นพิเศษ ใบหน้ายาวตอบ ปกด้วยเส้นผมแดงยาว... ใบหน้าของน้าดวง!!!
ผมย้ำเท้าเดินอย่างรวดเร็ว ทุกย่างก้าวถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นในใจ...
นั่นมันอยู่นั่น มันนั่งหัวเราะรวนกับเพื่อนแม่ค้าของมัน เรื่องของผมคงจะเป็นเรื่องสนุกให้นินทาอย่างเพลินปาก เรื่องของผม... ความลับของผมและพ่อที่ไม่ลับอีกต่อไป...
ยิ่งผมย่างเท้าเข้าใกล้ หัวใจยิ่งเต้นแรง มือไม้สั่นเทา ขอบตาร้อนจนน้ำตารื้น มันรับรู้ได้ถึงการมาของผม เสียงหัวเราะหยุดลง ดวงตาที่ถูกแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาถูกมองมาทางผมอย่างสงสัยระคนท้าทาย
แล้วผมก็ทำ! ผมใช้มือยกหาบถั่วของมันขึ้นมา แล้วเทลงบนเส้นผมสีแดงยาวน่าเกลียดนั่น!!!หลังจากผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิดมาหาเราที่กระท่อมปลายนา พ่อเดินลงไปคุยอะไรกับผู้ใหญ่บ้านเบา ๆ แล้วเดินกลับมาบอกให้ผมกลับไปนอนที่บ้านก่อน ตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเดินลงจากกระท่อมผมก็รู้สึกได้ว่าสายตานับสิบคู่จ้องมองผมเหมือนจะถามเอาความจริง เมื่อผมเดินลับจากพวกเขามาได้ ผมจึงวิ่ง วิ่งเต็มสองตีน
พ่อยังไม่กลับบ้าน... ผมอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนักเรียนเหมือนปรกติ แต่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจหนึ่งก็เป็นห่วงว่าพ่อจะอยู่ไหน จะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ ใจหนึ่งก็นึกกังวลว่าคนรอบข้างผมจะคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดเมื่อคืน
แล้วก็จริงอย่างที่ผมคิด ระหว่างทางไปโรงเรียนไม่มีเสียงทักทายหยอกเย้าเหมือนเคย มีแต่สายตาที่เพ่งมาเพื่อจะถามเอาว่าความจริงที่กระท่อมปลายนาเป็นอย่างไร แม้กระทั่งไอ้ขวัญเพื่อนสนิทก็ยังเดินตามผมอยู่ห่าง ๆ
เอาละ เดี๋ยวครูจะให้พวกเธอจับกลุ่มกัน แล้วทำแบบฝึกหัดหน้าห้าสิบสี่นะสิ้นคำสั่งของครูวิชัย นักเรียนในห้องมอสามทับสอง ต่างแยกย้ายกันไปนั่งกับเพื่อนในกลุ่มที่อยากทำงานร่วมกัน เหลือเพียงแต่ผมที่ยืนอยู่เพียงคนเดียว
หน้าไหนนะไอ้ขวัญผมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มเดียวกับไอ้ขวัญและเพื่อนอีกสี่คน
นี่ไงคำตอบมันอยู่ตรงนี้...
เราต้องสรุปใจความก่อนแล้วค่อยเขียนคำตอบ
อ้าวพวกมึงเงียบ-เอี้ย-อะไรกันเนี่ย... จะให้กูทำคนเดียวเลยหรือไง
กูว่ามึงนั่งเงียบ ๆ เก็บปากไว้อมควยพ่อมึงดีกว่าว่ะไอ้แก้ว 
ไอ้ขวัญพูดขึ้นลอย ๆ สายตาเหม่อมองออกไปนอกต่าง
ทุกคนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าไอ้ขวัญจะพูดประโยคนี้ออกมา และในชั่วนาทีหลังจากนั้น เสียงจากนักเรียนทั้งห้องก็พุ่งตรงมาที่ผม หลายคนยิ้มเยาะ หลายคนตั้งคำถาม หลายคนแสดงความรังเกียจ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนาทีนี้มันเกินกว่าที่ผมจะอดกลั้น ผมสาว ๆ เท้าช้า ๆ ไปยืนหน้าขวัญ เสียงต่าง ๆ ในห้องเงียบลง
ทำไม.. มึงพูดอย่างนี้กับกูผมก้มหน้ามองพื้น ส่งคำถามผ่านฟันที่กัดแน่น
มึงจะทำไมกับกู... จะจับกูเย็ดตูดเหรอว่ะ 
ไอ้ขวัญยืดตัวตรง มองมาทางผมอย่างท้าทาย เสียงโห่ฮาดังมาจากรอบทิศ
ผมพุ่งหมัดตรงเข้าตรงสันจมูกของไอ้ขวัญแทนคำตอบ มันหงายหลังลงพร้อมกับเก้าอี้ที่นั่งอยู่ดังโครม เสียงในห้องเงียบลงอีกครั้ง ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังไอ้ขวัญที่มีเลือดเต็มจมูกเต็มปาก 
ท่ามกลางเสียววุ่นวน ผมหันหลังออกไปจากห้องเรียน.... จุดมุ่งหมายของผมคือตลาดที่ท่ารถสองแถว...
มึงทำ-เอี้ย-อะไรเนี่ย 
อีดวงแพดเสียงใส่ผม สองมือปัดเม็ดถั่วออกจากเส้นผมสีแดงยุ่งเหยิง
ก็ทำเรื่อง-เอี้ย- ๆ ให้คน-เอี้ย- ๆ อย่างมึงได้สำนึกไง 
ผมโดดเข้าทึ่งผมอีดวง กอดปล้ำกันจนแม่ค้าคนอื่นวิ่งหนี
มันและผมต่างลงไปคลุกฝุ่นทึ้งเส้นผมผมลับกับตะโกนด่าทอใส่หน้ากัน ผมและอีดวงในเวลานี้ไม่ต่างจากหมาสองตัวที่กำลังกัดกัดกัน อีดวงมันร้ายพอตัวอาศัยจังหวะที่เผลอพลิกคร่อมตัวผม มันใช้เล็บยาวสกปรกข่วนหน้าผมเสียเลือดซิบ แต่ผมหรือจะยอมแพ้ ประเคนตีนหนัก ๆ ถีบไปตรงท้องของมันจนตัวงอถอยหลัง ผมได้ทีลุกขึ้นยกตีนเตะหน้ามันจนล้มกลิ้ง ในใจคิดว่าเอาไงเอากัน ชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อง ๆ พวกหนุ่ม ๆ คิวสองแถวก็เปลี่ยนบทจากกองเชียร์เข้ามาห้ามปราม ทิดดีเพื่อนตัวใหญ่ของพ่อล็อกแขนของผมกึ่งอุ้มกึ่งลากออกมา ส่วนอีกสองคนวิ่งไปดูอาการอีดวงกันด้วยความเป็นห่วงออกหน้า
ยิ่งเห็นอย่างนั้นผมยิ่งโมโห พยายามดิ้นออกจากการเกาะกุมของทิศดี อี-เอี้ย- คงให้เขาเย็ดกันหมดตลาดแล้วมั่ง สำออยฉิบหาย อีสัตว์กูเห็นเวลาอยากแดกควยแล้วระริกระรี่...
ผมตัดสินใจกัดแขนทิดดีเต็มแรง ด้วยความเจ็บทิดดีจึงเหวี่ยงผมหลังกระแทกพื้น "ไอ้-เอี้ย- ถ้าไม่ใช่ลูกหลาน กูจะกระทืบให้หายบ้าเลย"
ผมไม่สนใจคำทิดดี ประคองตัวเองลุกขึ้นตามองหาแต่อีดวง หวังจะกระทืบให้หายหมันไส้ แต่อีตัวดีไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เพื่อนแม่ค้าของมันคงพาไปหลบที่ไหนซักที่
"
สงสัยมันจะหึงพ่อมัน"
"
โอ้ย...อย่ามาผ่านหน้าร้านกู เดียวทำมาค้าไม่ขึ้น เป็นกะเทยแล้วยังเย็ดกับพ่ออีก ไอ้เสนียด"
"
กูเห็นอีดวงมันอยู่ดีๆ ไอ้เด็ก-เอี้ย-นี่ก็มาหาเรื่อง น่าจับส่งตำรวจนัก
ผมพยายามเดินออกมาจากตลาดโดยไม่สนใจต่อคำซุบซิบนินทาของพวกไทยมุง แต่ถ้าเหลืออดผมก็ส่งตาขวางไปให้รู้ว่ามันวอนตีน แต่ก็ไม่มีใครกล้ากับหมาบ้าอย่างผม
ผมหลบไปนั่งสงบสติอยู่หลังวัด จนตะวันยอแสงจึงตัดสินใจพาร่างกายปวกเปียกหมดเรี่ยวแรงกลับบ้าน แม้กลิ่นทุ่งระหว่างทางจะช่วยลดอารมณ์ขุ่นมัว แต่ใจก็ยังอดสับสนจากเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้โดยเฉพาะเรื่องของไอ้ขวัญ เพื่อนที่ผมรักที่สุด
ผมกับไอ้ขวัญโตด้วยกันมา ถึงแม้มันจะเป็นลูกลุงผู้ใหญ่ แต่มันก็ไม่เคยแสดงความรังเกียจต่อผมและพ่อซึ่งอาศัยข้าวน้ำของผู้ใหญ่เลย มันยังเคารพพ่อผมไม่ต่างกับมันด้วยซ้ำ ด้วยความที่พ่อมักจะไปช่วยงานที่บ้านผู้ใหญ่เสมอ เราเลยเล่นด้วยแทบจะทุกวันตั้งแต่เด็กจนเริ่มแตกหนุ่ม แม้มันจะกลับอะไรไร้สาระไปบ้าง แต่เวลาที่ผมถูกล้อหรือรังแก ไอ้ขวัญก็จะปกป้องผมด้วยกำลังของมัน บางครั้งก็ด้วยบารมีพ่อ ผมเองก็ช่วยเหลือมันมาตลอดโดยเฉพาะเรื่องการบ้าน ไม่นึกเลยว่าในวันนี้มันจะทำให้ผมน้ำตาตกได้ 
ตะวันอ่อนแสง ฟ้าสีดำเริ่มทิ้งตัวลงมาจูบดิน อีกไม่กี่กว้าก็จะถึงบ้านแล้ว ผมนึกภาวนาให้พ่อกลับมารอผมที่บ้าน ผมอยากจะวิ่งถลาเข้าสู่อมอกพ่อแล้วร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดวัน...
นั่น! ควันบุหรี่สายบาง ลอยตัวลอดออกมาจากช่องหน้าต่าง พ่อคงกลับมาบ้านแล้ว! ไวเท่าความคิด ผมวิ่งสุดฝ่าตีนไปยังบ้านของผม
แต่คนที่นอผมอยู่ที่กระต๊อบกลับไม่ใช่พ่อ ไอ้ขวัญในชุดนักเรียนเปื้อนเลือด นั่งสูบบุหรี่อยู่บนแคร่ มีเด็กวัยรุ่นลูกน้องพ่อมันสองคนยืนอยู่ข้างตัว ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร เด็กวัยรุ่นทั้งสองก็เข้าล็อกตัวผมไว้ไม่ให้ขยับหนี ไอ้ขวัญสาวเท้าเข้ามาใกล้ ส่งยิ้ม-เอี้ย-มเกรียม ก่อนจะต่อยเข้าที่ใบหน้าผม ตรงที่ผมเคยต่อยมัน และอีกไม่กี่นาทีต่อมาผมก็อยู่ในสภาพก้อนเนื้อที่ไร้เรี่ยวแรง ด้วยแรงมือแรงตีนของไอ้ขวัญกับพวก
น้ำตาอุ่น ๆ ไหลผสมกับเลือดจากแผลแตกปลายคิ้ว สร้างรสคาวเค็มเมื่อสัมผัสริมฝีปาก แม้ร่างจะร้าวจนขยับไม่ได้ แต่สมองผมก็ยังวิ่งวนด้วยความรู้สึกนับสิบใจหนึ่งก็เคียดแค้นไอ้ขวัญที่ตีผมเหมือนตีหมูตีหมา ใจหนึ่งก็เสียใจที่เพื่อนที่รักที่สุดทำผมได้ขนาดนี้
ใจหนึ่งก็ห่วงกังวลว่าพ่อไปอยู่ไหน....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น