วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ต้นมะเขือของคำไผ [เรื่องสั้น]

ตอนเด็กๆ คำไผเคยมองทางรถไฟสายยาว
ที่ทอดผ่านทุ่งนาเขียวขจีข้างบ้าน แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า...
ไอ้เจ้าถนนสายยาวนี้ มันจะไปถึงไหนหนอ?
ถ้าเดินไปตามทางนั้นเรื่อยๆ จนสุดปลายทาง เขาจะพบเมืองลับแล
ที่พ่อแก่แม่เฒ่า เคยเล่าให้เขาฟังหรือเปล่าหนอ?
เมืองลับแล เมืองที่ไม่เคยมีกลางคืน มีแต่ความสว่างไสว
ผู้คนแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม และ...ไม่มีวันแก่เฒ่า
เมื่อโตขึ้นมาหน่อย ทุ่งนาข้างบ้านที่เคยเขียวขจี กลับหลงเหลือเพียงผืนดินแตกระแหง
แต่เจ้าถนนเหล็กสายยาว ยังคงทอดตัวอยู่อย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกๆวัน ดูเหมือนเจ้าถนนเหล็กสายยาวนี้ มันจะพาชายหนุ่ม และหญิงสาว
ในหมู่บ้านของคำไผ หายลับเข้าไปยังเมืองลับแลที่อยู่ปลายทาง
หมู่บ้านนี้ จึงเหลือเพียงผู้แก่แม่เฒ่า เด็กๆอย่างคำไผ และผืนดินอันแตกระแหง
เมื่อผ่านไป ๒-๓ ปี บ้านหลังไหนที่มีลูกสาว หายเข้าไปในเมืองลับแล
บ้านหลังนั้น...ก็เปลี่ยนสภาพจากกระต๊อบเก่าๆ เป็นบ้านเรือนไม้ หลังคามุงสังกะสี
บนหลังคามีเสาทีวีสูงเด่นเป็นสัญลักษณ์ ส่วนบ้านหลังไหนที่มีแต่ลูกชาย 
บ้านหลังนั้น ยังคงสภาพกระต๊อบซอมซ่อดังเดิม
คำไผไม่รู้ว่าพวกผู้หญิง เข้าไปทำอะไรในเมืองลับแล
หรือว่า...ในเมืองลับแลจะมีแต่ผู้หญิง เหมือนที่พ่อแก่แม่เฒ่าเคยเล่าต่อๆกันมา
วูบหนึ่งของความคิด คำไผนึกอยากเป็นผู้หญิงบ้าง จะได้ห่อทองจากเมืองลับแล
มาสร้างบ้านไม้ หลังคามุงสังกะสี ให้พ่อกับแม่บ้าง
ปีนี้ คำไผเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว
เขาต้องออกจากโรงเรียน เพื่อช่วยพ่อแม่ทำนา
ลำพังแค่รายได้จากข้าวที่ปลูก บนผืนดินแตกระแหง
คงไม่พอเป็นค่าปุ๋ย ค่าดอกเบี้ย เพื่อเอาไว้ส่งให้เถ้าแก่ในเมืองหรอก
คำไผจึงเริ่มพรวนดินบนที่ดินข้างบ้าน...เพื่อปลูกมะเขือ
น่าแปลก...ที่มะเขือของคำไผติดลูกดกงาม
คงเป็นเพราะได้ปุ๋ยชั้นดี ที่คำไผเอามาจากถังส้วม ตรงข้างเรือนนั่นเอง
แม่มองคำไผร้องเพลงไปเก็บมะเขือไป...อย่างขบขัน พลางกระเซ้าเขา
"
บักหำเอ๊ย...เอ็งจะเอาอย่างท้าวแสนปมเรอะ
ปลูกมะเขือด้วยน้ำเยี่ยว เอาไปถวายพระนางอุษา จนได้เป็นเจ้าเมือง?"
คำไผหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงนิทานพื้นบ้าน ที่แม่ชอบเล่าให้เขาฟัง
แต่มะเขือเพียงแค่นี้ รายได้ก็ยังไม่พอช่วยพ่อกับแม่ ให้พ้นจากภาระหนี้สินได้หรอก
แล้วก็ถึงวัน...ที่เขาต้องเดินทางไปกับถนนสายเหล็ก เพื่อไปสู่เมืองลับแล
กรุงเทพฯหรือเมืองลับแลของคำไผ ต่างจากความนึกฝันสมัยเด็กๆโดยสิ้นเชิง
จะเหมือนก็ตรงที่มันมีแต่กลางวัน ทุกเวลาสว่างไสวไปด้วยแสงสี
ผู้คนแต่งตัวสวยงาม เดินโฉบไปเฉี่ยวมา มองคำไผอย่างกับเป็นผงธุลี
คำไผได้งานทำในอู่รถเก่าๆแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่แถบชานเมือง ทุกวัน เขาต้องตื่นแต่เช้า
คลุกอยู่กับน้ำมันเครื่อง ตัวดำ หน้าดำ เพราะคราบเขม่าของมันจรดค่ำมืด
ตอนนี้ เขาดูเหมือนท้าวแสนปม ในนิทานพื้นบ้านของแม่เข้าไปทุกทีที่นี่ 
คำไผได้รู้จักเพื่อนๆที่มาจากภาคเดียวกัน รวมทั้งพี่นาง เมียของพี่บุญมี
ตกเย็น หลังเลิกงาน พวกคนงานมักจะจับกลุ่ม ร่วมดื่มเหล้าขาวกันเป็นกิจวัตร
จะมีก็เพียงคำไผที่ไม่เคยร่วมวงด้วย คำไผรู้ว่าเงินค่าเหล้านั้น
คือน้ำพักน้ำแรงของเขา ที่จะต้องส่งไปช่วยเหลือเจือจุนทางบ้าน 
แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมาย...เหมือนห่อทองจากเมืองลับแลก็ตาม
พี่นางเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี
ไม่ดื่มเหล้า และไม่สูบบุหรี่ เหมือนกับคนอื่นๆ 
เธอจึงมักเจือจานเขาด้วยกับข้าวอีสาน ฝีมือของเธอเองอยู่เสมอ
ซึ่งทำให้เขารู้สึกเกรงใจ ในความมีน้ำใจของเธอมากขึ้น
เขาจึงคิดหาวิธีตอบแทนน้ำใจของเธอบ้าง
คำไผมองเห็นที่รกร้าง ด้านหลังตึกแถวอู่รถยนต์
ในเย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนๆตั้งวงดื่มเหล้า เขาบรรจงถอนหญ้า พรวนดิน
หลังจากนั้น เขาจึงปลูกมะละกอ และมะเขือ เผื่อว่า...พี่นางจะได้เก็บไปทำกับข้าวได้บ้าง
มะเขือของคำไผงอกงามอีกเช่นเคย ความลับของเขาก็คือ ก่อนอาบน้ำทุกวัน
เขาจะแวะมาฉี่รด ซึ่งเป็นการให้ปุ๋ย ตามวิธีของท้าวแสนปมนั่นแหละ
และแล้ว...คำไผก็เจอกับนางอุษาผู้สูงศักดิ์
นางอุษาของคำไผ...
อาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึกแถว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแปลงมะเขือของเขา
ทุกเย็น เมื่อคำไผนุ่งผ้าขาวม้า ขณะกำลังรดน้ำ พรวนดิน 
เธอมักจะโผล่ใบหน้าออกจากหน้าต่าง...เพื่อเฝ้าดูเขา ใบหน้าของเธอขาวผ่อง
คิ้วโก่งดำ และปากสีแดงสด สำหรับคำไผแล้ว เธอดูเหมือนกับนางอุษาบนหอสูง
กำลังก้มมองดูท้าวแสนปมผู้ต่ำต้อย
เมื่อเริ่มคุ้นเคยกันทางสายตา ด้วยสบตากันทุกเย็น เธอก็เริ่มโบกไม้โบกมือ
ทำท่าทางล้อเลียนเขาต่างๆนานา ทำให้หัวใจของเขาพองโตคับอก
ในความรู้สึกของเขา เขาก็คงเหมือนกับท้าวแสนปม ที่เฝ้าหลงรักนางอุษา
ผู้อยู่บนหอสูงเทียมเมฆ เขาแอบฝันแบบเด็กๆว่าสักวันหนึ่ง...
เขาคงได้มีโอกาสเอามะเขือผลงาม ไปกำนัลแก่นาง แล้วอยู่เคียงคู่กันบนวิมานสวรรค์นั้น
ปีนี้ฝนตกชุก ส่งผลให้ต้นมะเขือของเขางอกงาม
มันออกลูกมากมาย ถึงขนาดที่พี่บุญมี ยังอดเดินมาดูรอบๆต้นไม่ได้
พลางนับลูกมะเขืออย่างสนุกสนาน แต่ข่าวที่ได้รับ ทำให้เขาอดเป็นห่วงพ่อกับแม่ไม่ได้
น้ำป่ากำลังไหลบ่าลงมา...เกือบถึงบ้านนาของเขาแล้ว!
เย็นวันนั้น พี่บุญมีเดินยิ้มกริ่มมาหาเขา พลางชวนให้เขาไปดื่มเหล้าด้วยกัน
"
กูถูกหวยเว้ยไอ้หำ...มะเขือมึงให้ลาภ มึงต้องให้กูเป็นเจ้ามือ!"
พี่นางพลอยยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีไปด้วย เธอพยักหน้า พลางบอกกับเขาว่า...
"
ไปเถอะ...ไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง มาอยู่กรุงเทพฯพักหนึ่งแล้ว ไม่เคยได้ไปไหนเลย"
เขาก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจน ตามเพื่อนทั้งกลุ่มไป
"
พี่บุญมีถูกหวยทั้งที ต้องพาน้องๆไปคาเฟ่ว่ะ..." เสียงไอ้แทนเย้า
"
ย่อมได้!" พี่บุญมีตกปากรับคำ
ดังนั้นเอง เขาจึงได้มานั่งอยู่ในตึกแถว ที่เขาเคยเห็นว่า เป็นหอสวรรค์ของนางอุษา
ด้านหน้ามีไฟวิ่งสวยงาม มีชื่อเขียนไว้ว่า...สรวงสวรรค์คาเฟ่
ขณะกำลังเริ่มมึน เขาก็เห็นนางอุษาของเขา
เธอถลามาจากมุมมืดมุมหนึ่ง เธอเข้ามากอดเขา พร้อมกับทักทาย
"
ต๊าย...น้องรูปหล่อนี่เอง นึกว่าใคร"
แล้วเธอก็นั่งแหมะลงที่โต๊ะนั้น คุยนั่นคุยนี่กับทุกคน
จนคำไผรู้ว่าเธอคือพี่สา คนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่จากมาเมื่อหลายปีก่อน
คำไผไม่สงสัยอีกต่อไป ว่าห่อทองที่พี่สานำกลับไปจากเมืองลับแล
เพื่อสร้างเรือนไม้ หลังคามุงสังกะสีนั้น ต้องแลกมาด้วยสิ่งใด
ก่อนจากกันคืนนั้น พี่สาบอกเขาเป็นเชิงเย้าว่า...
"
ถ้าน้องคำไผมาใช้บริการ พี่ให้ฟรีก็แล้วกัน แลกกับมะเขือลูกงามๆของเธอไงล่ะจ๊ะ"
เพื่อนๆต่างฮากันครืน แต่เขากลับยิ้มไม่ออก เขารู้สึกราวกับว่าหอสูง และนางอุษาของเขา
พลันล่มสลาย...แปรสภาพเป็นกองทรายอยู่เบื้องหน้า
ในที่สุด น้ำป่าก็ไหลทะลักมาถึงบ้านของเขาจนได้
แม่บอกว่าไอ้ทุยกับอีเผือกจมน้ำตาย มหันตภัยจากน้ำป่า ทำให้บ้านช่องวอดวาย
รวมทั้งต้นมะเขือของเขา ก็ได้ลอยตามน้ำไปแล้ว ตอนนี้ พ่อกับแม่กำลังเดือดร้อนมาก
เขานึกอยากให้ตัวเองเป็นเหมือนพี่สา จะได้ห่อทองกลับไปช่วยครอบครัว
ลำพังเงินเดือนจากอู่ซ่อมรถ คงไม่ช่วยอะไรมากนัก 
วันๆเขาจึงนั่งซังกะตาย ในโชคชะตาของตัวเอง
วันหนึ่ง...
มีอดีตลูกจ้างในอู่ซ่อมรถ ขับมอเตอไซค์ช้อปเปอร์คันงาม โฉบมาโชว์
เพื่อนๆต่างพากันเข้าไปรุมล้อม มองดูรถด้วยความทึ่ง เจ้าของรถยืนยืดอยู่ข้างรถ
เขาสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น สร้อยทองคำเส้นใหญ่ที่คอ ส่งประกายแวววาว 
ทำเอาทุกคนที่ได้เห็นต่างตาโต
"
เดี๋ยวนี้ กูปลูกบ้านให้พ่อกับแม่ใหม่แล้วนะ...แถมยังซื้อที่นาให้อีก ๒๐ ไร่" เขาคุย
"
มึงทำงานอะไรวะ?" เพื่อนๆพากันซักถาม คำไผรอฟังอย่างสนใจ
"
เฮ้ย...งานสบายๆ แต่มึงต้องหล่ออย่างกู!"
เขาบอกเป็นนัยๆ พลางสะบัดผมเลียนแบบนักร้องดัง
"
อย่างพวกมึง ไปทำอย่างกู ทั้งชาติก็ได้ไม่เท่าไหร่หรอก"
เขาพูดต่อ พลางหันมามองคำไผ ซึ่งรอฟังเขาพูดต่ออย่างสนใจ
"
เฮ้ย...ไอ้นี่หล่อนี่หว่า ไปกับกูเหอะ เจ้านายเขาให้หาคนเพิ่มอยู่พอดี"
เขาชี้มาที่คำไผ คำไผจึงตัดสินใจไปกับ "ถึก" 
ถึกบอกว่าห้ามเรียกเขาว่าถึก เพราะเขาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ออย" แล้ว 
คำไผจึงเรียกเขาว่าออยอย่างว่าง่าย
"
จะชื่ออะไร...มันก็ชื่อเหมือนกัน" คำไผคิดในใจ
เจ้านายของออยดูท่าทางแปลกๆ...
เป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง เธอให้เรียกหาเธอว่า "คุณเบิร์ด" 
คำไผมองดูทองที่คอ และที่แขนของเธออย่างตะลึงลาน
เพระเห็นแต่เนื้อทองบดบัง จนแทบจะมองไม่เห็นเนื้อแท้ๆของเธอ
"
อุ๊ย! ไม่ต้องมาตกตะลึงหรอกย่ะ...
ถ้าตั้งใจทำงาน รับรองว่าหาได้มากกว่านี้ ๑๐ เท่า"
"
แล้วนี่...เคยผ่านงานมาหรือยังล่ะ?" เธอหันไปถามออย
"
ไม่เคยครับ ยังซิงๆอยู่" ออยตอบ
"
งั้นก็ต้องเสียเวลาอีกหน่อย เริ่มซะคืนนี้เลย โจเอ๊ย! มาเอาเด็กไปเทสต์..."
สิ้นเสียงเรียกของคุณเบิร์ด...
หนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้าไทยแท้ แต่ชื่อฝรั่ง เดินออกมาจากด้านหลังร้าน
"
โจเขาเป็นกัปตันที่นี่ เขาจะเป็นคนสอนงานเธอ"
คุณเบิร์ดบอกกับคำไผ ก่อนจะเดินควงแขนออยขึ้นไปชั้นบน
โจพาคำไผขึ้นไปบนห้องชั้นบน ห้องนั้นเปิดไฟไว้เพียงสลัวๆ
เมื่อปิดประตูห้อง โจหันหน้ากลับมา พร้อมกับถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
"
แก้ผ้าสิ... ยืนงงอยู่ได้ เสียเวลา!" โจดุคำไผ
คำไผถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างงุ่มง่าม
แม้จะรู้จากออยมาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ยังอดที่จะขัดเขินไม่ได้
เมื่อร่างของคำไผเปลือยเปล่า...
โจก็เข้ามาลูบไล้ตามเนื้อตัว และเครื่องเคราของเขา
แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ทำให้มันชูชันขึ้นได้เหมือนกัน
"
รูปร่างแกร่ง ผิวดี ไอ้หนูก็ใช้ได้" โจพูด พร้อมกับผลักคำไผให้นอนลงบนเตียง
"
จะทำให้ดูก่อน แล้วจำไว้นะ...เดี๋ยวเอ็งต้องทำอย่างที่ข้าทำบ้าง!"
โจเริ่มใช้ปาก และลิ้น ชอนไชใบหูของคำไผ จนคำไผรู้สึกเสียวซ่านทั่วทุกรูขุมขน
"
ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง จึงจะได้เงินเยอะ" โจกระซิบบอกคำไผแผ่วเบา
ตอนนี้ คำไผมองเห็นบ้านเรือนไม้หลังงาม บนหลังคามีเสาทีวีสูง ท่ามกลางผืนนาเขียวขจี
โจประกบปากกับคำไผ พร้อมกับใช้ลิ้นชอนไช ซึ่งคำไผเองก็เริ่มตอบสนองบ้าง...
ในความนึกคิด เขาเห็นพ่อกับแม่ใส่ทองเส้นโต กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน
โจไซ้ที่หน้าอก ต่ำลงมาที่หน้าท้อง
เขาขบเนื้อของคำไผเบาๆ จนคำไผส่งเสียงคราง
ในห้วงสมองของคำไผ เขามองเห็นไร่นาผืนกว้าง
คนงานหลายคน กำลังไถนาด้วยรถอีแต๋น โดยมีพ่อกับแม่คอยกำกับสั่งงาน
และแล้ว...โจก็ซุกไซ้มาจนถึงส่วนนั้น...
ทำให้คำไผต้องเผลอเกร็งอย่างสุดตัว คำไผมองเห็นสวนมะเขือนับสิบไร่ 
ปลูกเรียงรายเป็นแนวสวยอยู่หลังบ้าน ต้นมะเขือกำลังติดลูกเต็มต้น
ลิ้นของโจมาหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูถ้ำ เริ่มชอนไชไปทุกหลืบช่องจนชุ่มฉ่ำ
คำไผบิดตัวไปมา สองมือจิกผมของโจไว้แน่น
ตอนนี้ เขามองเห็นนางอุษา ในเครื่องทรงสไบทองอันงดงาม
กำลังเดินเกี่ยวก้อยกับเขาสองต่อสอง พลางเก็บมะเขือลูกงามในสวนไปด้วย
ก่อนที่คำไผจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โจก็ยกขาของเขาขึ้นพาดไหล่ 
แล้วกระแทกแก่นกาย เข้าไปในถ้ำของเขา คำไผรู้สึกเจ็บปวด...อย่างที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อน 
เขาร้อง พร้อมกับดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้น แต่โจก็กดไหล่ของเขาไว้แน่น
"
ทนเอาไว้ไอ้น้อง...อีกหน่อยเอ็งก็จะรวย!"
บัดนี้ คำไผได้คิดแล้วว่า...
ไม่มีทองให้เขาเก็บใส่ห่อผ้าได้ง่ายๆ เหมือนที่เขาเคยใฝ่ฝันตอนเป็นเด็กน้อย
กว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นพี่สา ออย กระทั่งตัวเขาเอง...
ก็ต้องเสียบางสิ่งบางอย่าง เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ต้องการเสมอ
คำไผหยุดดิ้นรนแล้ว...
ในห้วงคำนึงของเขาตอนนี้ เขามองเห็นน้ำป่า กำลังไหลบ่าอย่างเชี่ยวกราก
สีของมันขุ่นข้น...ราวกับสีเลือด! มันกำลังถาโถมเข้าใส่ บ้านไม้หลังงามของเขา
หลังคาสังกะสีหลุดกระเด็น อย่างไม่อาจต้านทาน 
ทุ่งนาเขียวขจี กลับกลายเป็นทะเลสีเลือดในพริบตา
สวนมะเขือ ที่เรียงรายเป็นแถวเป็นแนวของเขา ถูกถอนรากถอนโคน
หลุดไหลไปกับสายน้ำ...ก่อนที่จะจมหายไปในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น