วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าคาวน้ำกาม 8

ผมรีบบึ่งรถกลับมาตั้งหลักที่คอนโด ตอนนี้ผมรู้สึกมึนตื้อไปหมด มันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ทั้งเสียใจ(ชนิดที่อยากจะร้องให้ แต่น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมาซะที) ทั้งโกรธ และทั้งเสียความรู้สึก เหมือนโดนหลอก (หลอกให้เรารัก พอเราให้ความรักไปจนหมดใจแล้ว เขากลับไม่เห็นคุณค่าอะไรเลย ทำเหมือนเป็นของเล่น พอเบื่อก็ทิ้งๆขว้างๆ) จนอยากจะตะโกนออกมาจนสุดหลอดลม
ผมนั่งอยู่คนเดียว พร้อมกับเปิดเพลงสร้างอารมณ์ไปด้วย (เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันหดหู่เศร้าสร้อยจนเกินไป) ผมเปิดฟังอยู่ 2 เพลง คือ เพลง "ก็เคยสัญญา" ของ อัสนี วสันต์ และ เพลง "หมดคำถาม" ของ นูโว (โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "เจอคำตอบอย่างนี้ จึงหมดคำถาม" โดนใจมากๆ) เปิดวนกลับไปมาอย่างนั้น (พอเพลงจบก็กรอเทปกลับมาใหม่ เปิดจนชนิดที่เทปยานกันไปข้างหนึ่ง) ตั้งแต่บ่าย 2 โมง จนเกือบๆ 4 ทุ่ม (ไม่รู้ว่าตรูทำไปได้ยังไง?) จากนั้นสายตาของผมก็จ้องมองไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง
"
ป่านนี้แล้วยังไม่โทรมาหาหรือโทรมาแก้ตัวอีก ใจดำจริงๆ" ผมบ่นกับตัวเอง (ทำไมตรูโง่ซ้ำซากแบบนี้ ยังจะไปหวังลมๆแล้งๆให้เขาโทรมาอีก ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ)
พอเวลาหัวถึงหมอนก็นอนไม่หลับอีก จิตใจมันคิดถึงแต่ "ป้อง" ให้ฟุ้งซ่านไปหมด นี่ก็ผ่านไปดึกดื่นครึ่งค่อนคืนแล้ว ทำไมถึงนอนไม่หลับซักที ภายในใจของผมมันช่างตรงข้ามกับอากาศในฤดูหนาวที่เหน็บหนาวเยือกเย็น ในใจมันร้อนเหมือนอากาศในฤดูร้อนช่วงกลางเดือนเมษา ก็ไม่ปาน
กว่าข่มตาหลับนอนได้ก็ปาเข้าไป 6 โมงเช้า (โดดเรียนไป 1 วันเต็มๆ เพราะตื่นสายและไม่มีกะจิตกะใจไปเรียน) ตื่นมาอีกทีตอนบ่าย 3 โมง
ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"
ในที่สุดเขาก็มา คราวนี้ละ ตรูจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ให้ดู" ผมพูดกับตัวเองด้วยความสะใจ(งงกับความรู้สึกของตัวเองมาก ใจหนึ่งก็ดีใจที่เขามาหา แต่อีกใจก็โกรธเกลียดไม่อยากเห็นหน้า)
ผมค่อยๆเดินไปเปิดประตู (ทั้งที่ใจอยากจะรีบวิ่งไปเปิด ก็มันอยากเจอหน้า นี่พูดตามความจริงนะ) พอเปิดประตูออกมา สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที เพราะคนที่มาเคาะประตูคือ "บอล" ไม่ใช่เขาคนนั้น (ไม่อยากพูดถึงชื่อ)
"
วันนี้ทำไมนายไม่ไปเรียน? เราเห็นรถนายจอดอยู่ที่ลานจอดรถตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นายเป็นอะไรหรือเปล่า?" บอลถามด้วยความเป็นห่วง
"
เราไม่ค่อยสบาย" ผมตอบแบบผ่านๆ
"
ตัวก็ไม่ร้อน ผิวพรรณนายก็สดใสดูไม่เหมือนคนเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัว ปวดฟัน หรือปวดท้อง คงไม่ใช่ อาการแบบนาย ดูเหมือนคนไม่สบายใจมากกว่า ทะเลาะกับแฟนมาละซิ?" บอลใช้หลังมือแตะตรงหน้าผากของผม พร้อมกับทำหน้าที่หมอวินิจฉัยโรค
ผมพยักหน้าอย่างเป็นอันเข้าใจ
"
นึกแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆ ถึงว่าวันนั้น... " บอลหยุดพูดทันทีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ดูจากลักษณะท่าทางการพูดของพอเดาออกว่าบอลคงจะรู้จะเห็นอะไรมา
"
วันนั้น... อะไรหรือ? นายไปรู้ไปเห็นอะไรมา บอกให้เราฟังบ้างซิ เผื่อว่ามันจะทำให้เราดีขึ้นนะ ถ้านายมัวแต่ปิดบังแบบนี้ มันอาจจะไม่ช่วยให้อะไรๆดีขึ้นมาก็ได้ ดีไม่ดี... มันอาจจะทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ" ผมพยายามเค้นเอาความจากบอล
"
เออ.. ความจริงมันใช่ธุระกงการอะไรของเราหรอกนะ ขอโทษด้วยที่เราไม่ได้บอกนายตั้งแต่แรก เพราะเรากลัวว่านายจะไม่สบายใจ และถ้ามันไม่เป็นจริงอย่างที่เราเห็นหรือเราคิด มันก็ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายด้วย แต่เพื่อความสบายใจของนายในตอนนี้ เราก็จะเล่าให้ฟัง.. เมื่ออาทิตย์ก่อน เราเห็นแฟนของนายนั่งกินข้าวกับยัยเจ๊กองฟาง สองต่อสอง อยู่ที่โรงอาหารคณะเรา" บอลบอกรายละเอียด
"
ขอบใจมากนะ บอล " ผมแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มันรู้เจ็บจี๊ดที่ตรงหน้าอกข้างซ้าย
ผมนั่งปรับทุกข์กับบอล จนรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อย ในเวลาทุกข์ใจเช่นนี้ การที่มีใครซักคนคอยรับฟังเรื่องราวและปลอบใจ ให้กำลังใจ นับว่าเป็นยาแก้ปวดทางใจที่วิเศษสุดๆ ถึงแม้ว่าจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
เวลาผ่านไปได้ อาทิตย์กว่าๆ อาการเจ็บปวดทางใจของผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาเยอะมาก กาลเวลาถือเป็นยาขนานเอกที่ช่วยสมานแผลใจได้ดีที่สุดจริงๆ
ส่วนป้องนับตั้งแต่เจอกันที่ร้านเย็นตาโฟ จนมาถึงเวลานี้ก็ยังคงหายหน้าหายตา ไม่ได้เจอหรือติดต่อกัน คนอะไรใจร้ายใจดำสุดๆ
ผมนั่งคุยกับบอลอยู่ในห้องของผม เราทั้งสองคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างสนุกสนาน
ก๊อก..... ก๊อก...... ก๊อก...... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
"
ใครมาว่ะ ดึกดื่นค่ำคืนขนาดนี้แล้ว ยังมาเคาะอยู่ได้ไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้างเลย" ผมบ่นไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตู (ผมเดาว่าคงจะเป็นอีพี่บาสแน่ๆ เพราะตอนบ่าย พี่แกเปรยๆว่า จะมาขอยืมแล็กเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ล้านนา ไปถ่ายเอกสาร แต่ก็ไม่น่าจะรีบร้อนอะไรขนาดนั้น กว่าจะสอบก็วันศุกร์หน้าโน่น)
พอเปิดประตูออกมา ผมถึงกับตกใจชนิดที่ว่า ใจเต้นระรัวและมือไม้สั่นไปหมด คนที่มาเคาะประตูไม่ใช่พี่บาส แต่เป็น เขาคนนั้น
"
มาทำไม? มีธุระอะไร?" ผมถามป้องด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และสีหน้าที่ไร้อารมณ์ (แต่ในใจหาได้เป็นเช่นนั้นไม่)
"
คิดถึง มีเรื่องจะคุยด้วย" ป้องพูดเสียงค่อยๆ สีหน้าของป้องนั้น เหมือนกับคนที่ทำผิดแล้วถูกจับได้
"
เราไม่มีเรื่องจะคุยกับนาย กลับไปได้แล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป เรากับนายไม่มีอะไรที่จะต้องติดต่อพูดคุยกันอีก เราไม่รู้จักกันอีกต่อไป ที่ผ่านมาทั้งหมดถือซะว่า เรากับนายแค่เล่นสนุกด้วยกันเฉยๆไม่มีความผูกพันธ์ใดๆต่อกัน" ผมทำท่าหมางเมิน พร้อมกับดันมือไปปิดประตู
"
เดี๋ยวก่อนซิ เราอยากจะคุยกับนายจริงๆ สำคัญและก็ซีเรียสมาก" ป้องพยายามดันประตูเพื่อเข้ามาในห้อง
"
แต่เราไม่มีอะไรจะคุยกับนาย ขอเชิญกลับไปได้แล้ว" ผมพยายามไล่ป้องออกจากห้อง
"
ที่ไล่เรากลับก็เพื่อจะเอาเวลาไปเย็ดกับไอ้แว่นนี่ใช่ไหม? คงไม่อยากให้เราขัดความเสียวละซิท่า" ป้องชี้นิ้วไปที่บอล พร้อมกับพูดประชดประชันใส่ผม
"
อย่าเอาความประพฤติของตัวเอง มาเป็นบรรทัดฐานใช้วัดคนอื่น และอย่าคิดว่า คนอื่นเขาจะทำเหมือนตัวเองทำ" ผมเผลอใช้มือตบปากป้องไปอย่างลืมตัว จนป้องง้างมือจะมาตบผม แต่แล้วป้องก็ต้องหยุดการกระทำเอาไว้ เพราะสายตาของผมจ้องมองป้องอย่างแข็งกร้าวและท้าทาย จนป้องไม่กล้าทำอะไร
"
ทำไมนายพูดหมาๆแบบนี้ว่ะ" บอลพูดต่อว่าป้อง
"
กูจะพูด... มึงจะทำไม? ไอ้แว่น! ถ้ามึงแน่จริง มาตัวต่อกับกูที่ใต้ตึกไหม?" ป้องเดินเข้ามาหาเรื่องบอล โดยผลักอกบอล จนบอลถึงกับเซและเกือบตกเก้าอี้
"
นี่มันหาเรื่องกันนี่หว่า ไอ้ห่า. เออ.. ได้เลยทุกเมื่อ" บอลเดินเข้ามาหาป้อง และกำหมัดทำท่าจะชก
ผมเห็นเหตุการณ์ชักแย่ลงไปทุกที ดังนั้นผมจึงเข้าไปห้ามบอลและกันบอลออกห่างจากป้อง
"
เราว่านายกลับห้องไปก่อน ได้โปรดเถิด เราขอร้องนะ นะ" ผมอ้อนวอนให้บอลกลับไปที่ห้อง เพราะผมคิดว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ระหว่างบอลกับป้องนั้น ดูเหมือนว่า บอลจะเป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจอะไรง่ายกว่า ไม่ดื้้อด้านเหมือนป้อง ส่วนป้องนั้น ถ้าปล่อยให้อยู่กับผมตามลำพัง ผมพอจะรับมือได้ (ตอนนี้ป้องเหมือนหมาบ้า ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป ต้องปล่อยตามใจ)
"
ก็ได้ นี่เราเห็นแก่นายนะ ดีเหมือนกัน ขืนอยู่ต่อมีหวังได้ชกหน้าใครบางคนแน่ๆ" บอลจ้องมองป้องอย่างโกรธเคือง และเดินออกจากห้องไปทันที
"
ไม่แน่จริงนี่หว่า จะกลับไปกินนมละซิ" ป้องพูดถากถางทิ้งท้าย
หลังจากบอลออกไปจากห้องแล้ว ก็เหลือผมกับป้องตามลำพังสองคนเท่านั้น เวลานี้ใจผมเริ่มเต้นตุ้มๆต่อมๆ ชนิดที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความดีใจและตื่นเต้นที่ได้เจอป้อง กับความโกรธเคืองและความน้อยอกน้อยใจที่ป้องได้ทำกับผมอย่างเจ็บแสบ
"
มีอะไรก็ว่ามา จะได้จบๆและรีบกลับไปซะที" ผมพูดขึ้นมา
"
ขอโทษนายที่ได้ทำให้โกรธและเสียใจ แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ เราไม่โทษใครทั้งสิ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เรากับเพื่อนได้พนันกันเอาไว้ ใครจะจีบฟางติดก่อนกัน ถ้าแพ้จะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวและเหล้าที่กู๊ดวิว อีกอย่างเราก็สับสนไม่แน่ใจตัวเองว่า เราเป็นเกย์หรือไบเซ็กส์ชวล กันแน่ เราเลยรับคำท้าโดยที่ไม่คิดมากอะไร เพราะเราแน่ใจว่า ยังไงเราก็ไม่ชอบผู้หญิงแน่ๆ แต่พอได้ใกล้ชิดกับฟางแล้ว เรากลับค้นพบตัวเองว่า เราไม่ใช่เกย์ เราก็ชอบผู้หญิงเหมือนกัน พอฟางเริ่มมีใจให้เรา เรากลับสงสารเธอ ไม่อยากจะทิ้งเธอ" ป้องสาธยายความรู้สึกและเหตุผลส่วนตัว
"
เรารู้สึกทุเรศ สมเพช และขยะแขยงนายจริงๆ พูดออกมาได้ว่า สงสารฟาง แล้วเราล่ะ? นายไม่สงสารเราบ้างเหรอ? เรามาก่อนยัยนั่น ทำไมนายไม่เห็นให้ความสำคัญอะไรเลย เราก็มีหัวใจนะ รักเป็น เจ็บเป็น เสียใจเป็น นายทำเหมือนกับว่า เราเป็นแค่วัตถุสิ่งของที่ใช้ระบายความใคร่ของนาย พอน้ำกามแตกแล้ว นายก็สะบัดหน้าเดินหนีไปเฉยๆ มาหลอกให้เรารักจนหัวปักหัวปำ พอเบื่อแล้วก็สลัดทิ้งอย่างเลือดเย็น" ผมตัดพ้อต่อว่าป้อง เวลานี้น้ำตาของผมเริ่มไหลออกจากตา ณ เวลานี้ผมไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
"
เรายังไม่ได้พูดซักหน่อยว่า เราจะทิ้งนาย เรากับนายก็ยังเป็นผัวเมียกันอยู่ เพียงแต่ว่า เราอาจจะแบ่งใจอีกส่วนและแบ่งเวลาเผื่อฟางบ้าง คือ เราขออนุญาตมีแฟนผู้หญิงนะ เรามีแฟน 2 คน แฟนผู้ชาย คือ นาย ส่วนแฟนผู้หญิง คือ ฟาง" ป้องพูดเชิงต่อรอง
ผมอยากจะแหกปากร้องตะโกนออกมาดังๆ หลังจากที่ได้ยินป้องพูดออกมา คนอะไรใจคอโลเล จับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคม รักพี่เสียดายน้อง อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน ผมเกลียดนักคนประเภทนี้
"
ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยเจอใครที่เห็นแก่ตัวเหมือนนาย เราไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร เรารับไม่ได้จริงๆ" (ตรูไม่ใช่ ดร. วิกันดา นะ ที่จะได้มานั่งปั้นหน้าเฉิ่ด-เริ่ด-หยิ่ง นั่งนิ่งเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
"
นายจะเอาอะไรหนักหนา หัดเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างซิ ดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่ทิ้งนาย" ป้องพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย
"
พูดออกมาได้ว่า จะไม่ทิ้งเรา ที่นายทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ทิ้งมันก็เหมือนทิ้ง แล้ววันที่เจอกันในร้านเย็นตาโฟ ล่ะ? นายบอกเราหน่อยซิว่า ทำไมนายถึงได้ทำหมางเมินไม่ทักทายพูดจากับเรา ทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกับเรามาก่อนอย่างนั้น และตั้งแต่วันนั้นมา เคยมีบ้างไหมที่นายจะมาหาเราที่นี่หรือไม่ก็โทรหาเรา? ข้าวใหม่ปลามัน คงจะมันส์มากละซิ ถึงปลีกตัวมาหาเราไม่ได้" เวลานี้ผมปล่อยโฮออกมาเต็มๆ น้ำตาไหลนองออกมาจากสองตา เลอะเต็มหน้า
ป้องนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร ไม่ถึงวินาที ป้องเดินเข้ามากอดผม พร้อมกับพูดกระซิบข้างๆหูว่า "เราขอโทษนายนะ เรามันเลวจริงๆ"
ผมผละตัวออกจากป้อง พร้อมรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยปิดกระแทกประตูห้องน้ำเสียงดังลั่นและลงกลอนเสร็จสรรพ
ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนหมดก๊อก ครั้งนี้ผมจะร้องให้จนจุใจทีเดียว หลังจากนั้นผมจะไม่ยอมร้องให้เสียน้ำตาให้กับผู้ชายเฮงซวยคนนี้อีกต่อไป
ปัง..... ปัง..... ปัง....... เสียงทุบประตูห้องน้ำดังขึ้น
"
กันต์... นายเป็นอะไรหรือเปล่า? นี่นายเข้าไปในห้องน้ำนานมากเลย" ป้องร้องเสียงดังเหมือนจะเป็นห่วง
"
อย่ามายุ่งกับเราได้ไหม นายออกจากห้องเราไปได้แล้ว จะไปไหนก็ไป" ผมตะโกนขึ้นมา
"
ถ้านายทำธุระของนายในห้องน้ำเสร็จแล้ว ช่วยออกมาก่อนได้ไหม? เราอยากจะเข้าห้องน้ำ" ป้องตอบกลับ (ไอ้บ้าป้อง นึกว่าจะเป็นห่วงตรู ที่ไหนได้อยากจะใช้ห้องน้ำนี่เอง ตรูอุตส่าห์แอบดีใจ หลงนึกว่ายังแคร์ความรู้สึกของตรู ไอ้เลว)
ผมเดินปาดน้ำตาออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเดินไปล้มตัวนอนที่บนเตียง น้ำตาของผมยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปได้ซักพัก ป้องเดินออกจากห้องน้ำ และมานั่งข้างๆผม ป้องใช้มือลูบบริเวณขมับของผมลากยาวมาที่แก้ม
"
นายจะโกรธจะเกลียดเรามากแค่ไหน เรายินดีรับเอาไว้ทั้งหมด แต่อยากให้นายรู้เอาไว้ว่า เรารักและห่วงหวงนาย เรามันเลวมากที่ทำกับนายในร้านเย็นตาโฟวันนั้น และก็หายหน้าปัดความรับผิดชอบไป ขอโทษนะ ที่เราสำนึกผิดช้าไปมาก" ป้องก้มลงจูบเบาๆที่แก้มของผม
ผมยังคงอยู่ในอาการสะอึกสะอื้นไม่พูดไม่จา (ตรูก็แอ็คติ้งซะ... นางเอ๊ก... นางเอก ดราม่าสุดๆ)
"
คืนนี้เราจะนอนค้างกับนายที่นี่ เราเป็นห่วงไม่อยากปล่อยนายไว้คนเดียว" ป้องพูดขึ้นมา
"
ไม่จำเป็น เราดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการความสงสารและเห็นใจจากใคร โดยเฉพาะคนสองจิตสองใจ มาหาเราแบบนี้ ยัยกองฟางกองฟืนสุดที่รักของนาย ไม่ว่าเอาหรือ? แล้วนายยังจะอยากมานอนค้างกับเราอีก แบบนี้หล่อนต้องมาอาละวาดแหกอกเราแน่ๆ โทษฐานที่ไปเบียดบังเวลาข้าวใหม่ปลามันของนายและหล่อน" ผมพูดกระแหนะกระแหน
"
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ฟางกลับบ้านที่ลำปาง กว่าจะกลับมาก็เช้าวันจันทร์" ป้องตอบอย่างซื่อๆ (พอฟังคำตอบที่หลุดออกมาจากปากไอ้บ้าป้องแล้ว ตรูอยากจะร้องกรี๊ดลั่นสนั่นตึก และอยากจะเอาหัวโขกกับขอบเตียงให้หายบ้ากันไปข้างหนึ่ง)
"
ออกไปจากห้องเราเลยนะ เราไม่อยากเห็นหน้านายอีกต่อไป นี่ถ้ายัยกองฟางกองฟืนไม่กลับบ้าน นายคงไม่มาหาเราใช่ไหม?" ผมปาหมอนใส่ป้อง
ป้องนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร (สงสัยตรูคงจะพูดแทงใจดำแน่ๆ) จากนั้นก็โน้มตัวลงนอนข้างๆผม
ผมกับป้องต่างก็นอนนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรกัน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาคั่นกลางระหว่างเรา
"
กันต์...... เราไม่รู้จะพูดอธิบายหรือแก้ตัวกับนายยังไงดี อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ชื่อ ป้อง คนนี้ ยังรักนายและแคร์ความรู้สึกของนายอยู่ตลอดเวลา ต่อให้เรามีคนใหม่อีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เราก็ยังไม่เคยรู้สึกผูกพันธ์แนบแน่นสนิทใจแบบที่รู้สึกกับนายมาก่อน" ป้องใช้แขนโอบกอดผมและลากตัวผมเข้ามาแนบชิดกับตัวของเขา
"
แต่เราเกลียดคนสองจิตสองใจ เราอยากเป็นเพียงแค่คนเดียวในหัวใจเท่านั้น เราไม่อยากแบ่งแฟนกับใคร นายเข้าใจไหม? ถ้านายอยากจะให้เราแบ่งกันกินแบ่งกันใช้น้ำอสุจิของนายกับยัยกองฟืนนั่น เราขอเป็นฝ่ายไปอย่างสมศักดิ์ศรีดีกว่า เราจะไม่บังคับให้นายต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง" ผมพูดกึ่งๆยื่นคำขาด
ผมพยายามขัดขืนโดยการแกะมือของป้องออก แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ป้องยิ่งกอดรัดผมแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องปล่อยเลยตามเลย (ซึ่งใจจริงแอบดีใจอยู่นิดๆ แต่การแสดงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ตรูยอมรับว่าเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจเอามากๆ)
ป้องยื่นจมูกมาหายใจรดที่หลังใบหูของผม ลมหายใจอุ่นๆอ่อนๆจากจมูกของป้องทำให้ขนของผมลุกซู่ด้วยความเสียวซ่านนิดๆ
ป้องได้ทีเลยใช้ปลายจมูกสูดดมปนไซร้ตรงใต้ใบหูและลากยาวมาที่ซอกคอของผม ผมพยายามขัดขืนแต่ป้องกลับใช้แขนกอดรัดและล็อคตัวผมเอาไว้อย่างแน่นหนา
เวลานี้อารมณ์ของผมกระเจิดกระเจิงเพราะความเสียว จนลืมความถือเนื้อถือตัว เจ้าทิฐิไปชั่วขณะ ยิ่งเห็นผมนิ่งเงียบไม่ต่อสู้ขัดขืนใดๆ ยิ่งทำให้ป้องได้ใจใช้มือถอดเสื้อยืดของผมออก พร้อมกับก้มไปเลียและดูดหัวนมของผมอย่างเมามันส์ ส่วนผมนั้นก็นอนนิ่งเฉยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น (ก็มันเสียวนี่ และขี้เกียจด้วย คราวนี้ตรูจะแกล้งให้ป้องต้องเป็นฝ่ายตีเองชงเองเล่นเองซะบ้าง แต่ไม่เสียวเอง เพราะเราทั้งสองเสียวด้วยกัน)
ปากของป้องดูดเลียหัวนมทั้งสองของผมอย่างเพลิน จากนั้นป้องก็ใช้มือทั้งสองข้าง ถลกกางเกงและกางเกงในของผม ทิ้งลงจากเตียง จนผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
พอดูดหัวนมของผมจนหนำใจแล้ว ป้องก็ลากลิ้นจากหัวนมผ่านบริเวณหน้าอกของผม ลงมาที่ตรงสะดือ ป้องลากลิ้นเลียวนสะดือ ผมรู้สึกเสียวจนแท่งตอปิโดของผมแข็งโด่ตั้งตรงอย่างรวดเร็ว
ป้องใช้มือรูดแท่งตอปิโดของผม ขึ้นๆลงๆอย่างช้าๆ จากนั้นก็เร่งสปีดความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมครางออกมานิดๆด้วยความเสียว
ป้องลากปลายจมูกลงมาซอนไซร้ที่ขนหะมอยอันดกดำของผม จากนั้นก็อ้าปากอมแท่งตอปิโดของผมจนมิดลำ (นี่เป็นครั้งแรกที่ป้องถวายบัวให้ผม)
ป้องพยายามใช้ปากดูดและรูดแท่งตอปิโดของผมขึ้นๆลงๆ แต่ด้วยความที่ยังใหม่ต่อการถวายบัว เลยทำให้บางครั้งฟันของป้องไปกระทบกับหัวและลำโคนแท่งตอปิโดของผม แทนที่จะเสียวกลับกลายเป็นเจ็บนิดๆ
ผมพยายามถอดแท่งตอปิโดออกจากปากของป้องก่อนที่แท่งตอปิโดจะได้รับความเสียหายมากไปกว่านี้จากฟันของป้อง
เมื่อแท่งตอปิโดของผมออกจากปากของป้องแล้ว ป้องก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด
ป้องใช้มือรูดๆท่อนเอ็นของตัวเอง ให้แข็งสุดๆเพื่อจะได้ออกรบอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องถ่มน้ำลายใส่มือจนเปียกโชก จากนั้นก็ใช้มือที่เปียกน้ำลายทาถูตรงท่อนเอ็น และตรงบริเวณปากเข้าถ้ำแก้วของผม ก่อนที่จะปล่อยเจ้าท่อนเอ็นเข้าสู่ถ้าแก้วของผม ป้องสอดนิ้วชี้แยงๆเข้าไปในถ้ำแก้วเพื่อเป็นการเบิกทาง (ผมขี้เกียจและไม่มีอารมณ์ไปหยิบเจลหล่อลื่นที่ลิ้นชักตรงข้างหัวเตียง)
ป้องยกขาข้างขวาของผมขึ้นพาดบนบ่าของตัวเอง พร้อมกับจ่อท่อนเอ็นพร้อมทะลุทะลวงรูดากของผม ป้องเริ่มดันท่อนเอ็นเข้ารูดากของผมจนมิดลำ ผมรู้สึกเจ็บและแสบมากๆ เหมือนกับว่ารูดากของผมนั้นคับแน่นจนจะปริแตกออกมา (ที่รู้สึกแบบนั้น คงเป็นเพราะว่า ไม่ได้ใช้เจลหล่อลื่นซึ่งช่วยให้กล้ามเนื้อผิวหนังบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่น ผ่อนคลาย)
ป้องกระเด้าท่อนเอ็นเข้าๆออกๆภายในรูดากของผมอย่างเมามันส์และเร็วๆรัวๆจนไม่เป็นจังหวะ (ไม่รู้ว่าไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน)
ป้องครวญครางออกมาด้วยความเสียว ส่วนผมนั้นครวญครางออกมาด้วยความเจ็บแสบรูดาก ชนิดที่รู้สึกได้ว่า เลือดออกแน่ๆ
ซักพักป้องเร่งจังหวะเร็วจนชนิดที่ว่าเตียงสั่นโยกไปหมด จนในที่สุดน้ำเงี่ยนของป้องก็แตกคารูดากของผม เมื่อป้องถอดท่อนเอ็นออกแล้ว ก็มีน้ำอุ่นๆเหลวๆไหลเยิ้มออกมาจากภายในรูดากของผม เปรอะเปื้อนบนผ้าปูที่นอนของผมเต็มไปหมด ผมลองเอามือแตะๆดู ปรากฏว่าเป็นคราบเลือด
"
นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าซีดเชียว เราขอโทษด้วยที่ทำให้นายเจ็บ" ป้องถามผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ผ้าปูที่นอนใหม่อยู่ในตู้เสื้อผ้าตรงชั้นใต้สุด นายช่วยปูเตียงให้เราด้วยนะ" ผมดึงผ้าปูที่นอนออก พร้อมกับเดินไปเข้าห้องน้ำ
คืนนี้ผมนอนหลับในอ้อมแขนของป้องที่โอบกอดผมไว้ทั้งคืน ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมผมไม่ได้วีนหรืออาละวาดกับป้องอย่างสุดๆไปเลย เหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก
แต่ ณ เวลานี้ ความรู้สึกที่ผมมีให้กับป้อง ตลอดจนความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง มันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว (จากมุมมองและการตัดสินใจของผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง ส่วนมุมมองของป้องนั้น ผมไม่รู้ว่าป้องคิดและตัดสินใจอย่างไร)
........................
เช้าวันรุ่งขึ้น ...................
ผมลืมตาตื่นขึ้นมา หันไปดูข้างๆไม่เห็นป้อง พอชะโงกหน้าออกมาดูตรงโต๊ะทีวี ปรากฏว่า ป้องยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้อง
"
ตื่นแล้วเหรอ แล้วตูดนายเป็นอย่างไรบ้าง ค่อยยังชั่วขึ้นมาหรือยัง หรือว่ายังเจ็บอยู่? เลือดไม่ออกแล้วใช่ไหม?" ป้องพูดทักทายผม (ช่างเป็นคำพูดทักทายในยามเช้าที่แปลกพิลึกหูทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้)
"
บ้า....... พูดเรื่องอะไร ก็ใครนั้นแหละที่เป็นคนทำ ยังมีหน้ามาถามอีก" ผมทำหน้าเคืองๆใส่ฝ่ายตรงข้าม
"
นายรีบไปอาบน้ำก่อนละกัน เดี๋ยวเราค่อยอาบทีหลัง พออาบเสร็จจะได้ออกไปกินข้าวกัน นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว ตอนแรกเราว่าจะพานายไปกินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง แต่เห็นสภาพตูดนาย เราเปลี่ยนใจขอพอนายไปกินก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรที่อ่อนๆไม่รสจัดจนเกินไป เวลานายเข้าห้องน้ำจะได้ไม่ปวดแสบปวดร้อนมาก" ป้องแซวผมอย่างอารมณ์ดี
"
ที่นายพูดนี่ใช้ปากหรืออะไรพูด? ไม่ตลกเลยนะ อย่าคิดว่าพอทำให้เรายิ้มได้หัวเราะได้ แล้วเราจะลืมคดีความที่นายได้ทำเอาไว้กับเราอย่างสาสม" ผมแกล้งทำหน้าโกรธๆงอนๆใส่ป้อง (แต่ในใจยังแอบยิ้มนิดๆ ตรูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เขาทำให้เจ็บใจขนาดนั้น และล่าสุดเมื่อคืนที่แล้ว ยังทำให้เจ็บจนประตูหลังเกือบพัง ตรูก็ยังโกรธไม่ลง หรือโกรธได้ไม่เต็ม 100% อีก)
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวนั้น......
กริ๊ง.... กริ๊ง..... กริ๊ง ..... เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้นมา ผมเดินไปรับสาย
"
ฮัลโหล นั่นใครพูดครับ?" ผมเอ่ยถามเสียงจากปลายสาย
"
ไอ้กันต์... นี่กูเอง พัฒน์.... หายไปเลยนะมึง ไม่โทรหากูบ้างเลย กูอุตส่าห์คิดถึงมึงตลอดเวลา ถ้ากูไม่โทรมาหา มึงคงลืมกูเลยละซิ" ไอ้พัฒน์ทักทายผมด้วยการบ่นตามสไตล์ของมัน
"
กูก็คิดถึงมึง ไอ้พัฒน์... ขอโทษด้วยที่กูหายหน้าหายตาไม่ได้ติดต่อกับมึง โกรธกูไหมนิ?" ผมแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ใครบางคนได้ยิน (คราวนี้ถึงทีตรูบ้าง จะได้พิสูจน์ใจใครบางคนว่า จะแคร์ จะหึงหวง ตรูไหม?)
"
ใครจะโกรธมึงได้ลงคอ แค่กูรู้ว่ามึงคิดถึงกูๆก็ดีใจแล้ว กูอยากเย็ดมึงมากๆเลยรู้ไหม?" ไอ้พัฒน์หยอดคำหวานพร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนออกมา
"
ไอ้บ้า.. พูดได้ไม่อายปากเลยนะมึง แล้วมึงรู้เบอร์โทรที่คอนโดกูได้ยังไง?" ผมถามอย่างสงสัย
"
มึงเคยให้เบอร์โทรบ้านมึงที่เชียงของไว้ พอกูโทรไป แม่มึงรับสายพอดี กูเลยได้เบอร์ของมึงมา"
"
ตอนนี้มึงอยู่ที่ปัตตานีหรือว่ากลับบ้านมึงที่หาดใหญ่?"
"
กูอยู่บ้านที่หาดใหญ่ มึงก็รู้ว่า วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กูเคยอยู่ในมอที่ไหน เงียบวังเวงมาก สู้กลับหาดใหญ่ไปดูแสงสีเสียงจะดีกว่า ที่กูโทรมาหามึง กูมีข่าวดีจะบอก อีกประมาณ 2 อาทิตย์ กูจะขึ้นมาหามึงที่เชียงใหม่ และจะอยู่เที่ยวซักอาทิตย์กว่าๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงปีใหม่พอดี กูเลยโดดเรียนนานๆได้" ไอ้พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจ
"
จริงหรือ? มึงต้องขึ้นมาจริงๆนะ อย่าโกหกเด็ดขาด ถ้ามึงโกหก กูโกรธจริงๆด้วย มึงมาพักกับกูได้เลย กูจะพามึงร่อนทั่วเชียงใหม่ และพามึงไปเที่ยวบ้านกูที่เชียงของ" ผมแกล้งพูดเน้นย้ำดังๆตรงประโยคเกี่ยวกับ เชียงของและแม่น้ำโขง เพราะใครบางคนเคยบอกให้ผมพาไปเที่ยว พอผมจะพาไป กลับบอกไม่ว่างอ้างติดโน่นนี่สารพัด (ตอนที่เขากำลังตามจีบกองฟางใหม่ๆ)
ป้องหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยและครุ่นคิด
"
ได้เลย ขอบใจว่ะ รับรองกูไม่พลาดแน่นอน อีกอย่าง มึงอย่าลืมเตรียมก้นขาวๆอวบๆเด้งๆของมึงเอาไว้เผื่อเจี๊ยวของกูด้วยนะ" ไอ้พัฒน์พูดจาทะลึ่งทะเล้น
พอผมคุยโทรศัพท์กับไอ้พัฒน์เสร็จเรียบร้อย และกำลังจะวางสาย...
ก๊อก.... ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ป้องรีบเดินไปเปิดประตู
"
นึกว่าใคร ที่แท้.. คุณแว่นนี่เอง ผมว่าคุณมาช้าไปนิดหนึ่ง ไม่ทันอีกคนที่โทรศัพท์มาปาดหน้าคุณไปแล้ว" ป้องพูดจาเล่นลิ้นกับบอล พร้อมกับหัวเราะอย่างสาแก่ใจ
"
นายพูดอะไรของนาย ไม่เข้าใจ และไม่อยากถือสาคนอย่างนายด้วย หลีกไป... เรามาหากันต์" บอลผลักประตูมาโดนป้อง และรีบเดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
"
มีอะไรเหรอบอล? เมื่อคืนนอนหลับสบายดีนะ?" ผมทักทายบอล
บอลพยักหน้า และพูดต่อไปว่า "เราจะมาเอาม้วนเกมส์และม้วนวีดีโอไปส่งคืนที่ร้าน วันนี้ครบกำหนดส่งพอดี แล้วนายละ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?"
ผมยิ้มให้บอล
"
ได้ของแล้ว ก็รีบไปซิว่ะ จะมายืนเกะกะขวางหูขวางตาอยู่ทำไม? หรือว่าอยากจะมีเรื่องต่อจากเมื่อคืน พี่พร้อมทุกเมื่อเลยนะไอ้น้อง นี่คงจะไปกินนมอิ่มมาแล้วซิ ถึงได้กล้ามาท้าทายถึงที่นี่" ป้องเริ่มทำตัวกร่างๆ
บอลรีบเดินออกจากห้องไป โดยที่ไม่พูดจากับผมเลยซักคำ จากสีหน้าท่าทางของบอล ผมพอจะดูออกว่า บอลต้องโกรธหรือน้อยใจอะไรผมซักเรื่อง
"
เดินออกห้องไปเฉยเลย คงจะมาเห็นภาพตำตาว่า ผัวเมียยังดีกันอยู่ ถึงขั้นรับไม่ได้เชียว" ป้องพูดเยอะเย้ยบอลทิ้งท้าย
ผมส่ายหัวและจ้องมองป้องด้วยความเบื่อหน่าย
"
เมื่อกี้ใครโทรมาหรือ? ชู้รักคนที่เท่าไหร่? จู๋และตูดเลื่อมทองจริงๆ ถึงได้มีคนมาติดพันธุ์อยากจะสมสู่มากขนาดนี้ เห็นได้ยินว่าจะพากันไปเที่ยวบ้านด้วย ทีกับเราละก็ ไม่เห็นจะพาไปเลย" ป้องชักจะทำตัวกวนบาทาต่อเนื่องเข้าไปทุกที
"
ก่อนที่นายจะพูดอะไร หรือพูดถึงใครนะ นายหัดดูตัวเองบ้างซิ พูดออกมาได้ว่า เราไม่อยากจะพานายไปเที่ยวที่บ้านเรา เราเคยชวนนายตั้งหลายครั้งแล้ว ทั้งชวนทั้งขอร้องอ้อนวอนจนแทบจะกราบงามๆตรงที่เท้าของนาย แต่นายก็อ้างว่าไม่ว่าง ติดทำรายงานอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง ที่แท้ก็เอาเวลาไปพรอดรักกับยัยกองฟาง" ผมตอกกลับจนฝ่ายตรงข้ามถึงกับเถียงไม่ออก
ป้องยังคงอยู่กับผมและนอนค้างกับผมอีกคืนหนึ่ง พอกองฟางกลับมาจากบ้าน ผมก็ไม่ได้เจอป้องอีกเลย เขาหายหน้าหายตาไป ไม่มีแม้แต่จะโทรมาคุย
สำหรับผมแล้ว พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกพิเศษที่เคยมีให้แก่ป้อง นับวันมันก็ยิ่งลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ส่วนจิตใจก็ค่อยๆกลับคืนมาเหมือนเดิม
ส่วนบอลนั้น ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะหลบหน้าหลบตาผม โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร? เวลาเจอกันโดยบังเอิญที่ใต้คอนโด ก็พูดทักทายกันแบบ ถามคำตอบคำ เหมือนกับคนที่รู้จักแบบผิวเผิน
ก๊อก...... ก๊อก...... ก๊อก.......
ผมยืนเคาะประตูหน้าห้องบอล ผมอยากจะรู้ว่า เพราะอะไรบอลถึงทำหมางเมินไม่พูดไม่จากับผม ไม่มาคุยกับผมที่ห้องเหมือนเมื่อก่อน ?
"
นายนั่นเอง มีอะไร? วันนี้มาหาเราถึงที่ห้อง ร้อยวันพันปีนายไม่เคยมาหาเราที่ห้องเลย" บอลพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา (มันก็ถูกของบอลนะ เพราะตั้งแต่คบกันมา ผมมาหาบอลที่ห้องยังไม่ถึง 5 ครั้ง ส่วนใหญ่บอลเป็นฝ่ายมาหาผมที่ห้องมากกว่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ผมรู้สึกเขินอายและยึดติดกับความคิดบ้าๆว่า กลัวบอลเข้าใจผิดหาว่า ผมมาอ่อยถึงที่)
"
เราอยากจะคุยกับนาย ช่วงนี้ไม่เห็นนายมาเล่นที่ห้องเราเลย พอเจอกันนายก็ทำท่าทางเหมือนไม่อยากคุยกับเรา เราขอเข้าไปคุยกับนายในห้องได้ไหม?" ผมยืนคุยกับบอลอยู่ที่ประตูห้อง
บอลไม่พูดไม่จา โดยทำทีพยักหน้าเชิญผมเข้ามาในห้อง
"
ทำไมช่วงนี้นายถึงไม่อยากพูดกับเรา เวลาเจอเราก็พยายามหลบหน้าตลอด เราทำให้อะไรให้นายโกรธหรือไม่พอใจ?" ผมพยายามถามคาดคั้นเอาความจากบอลบอลยังคงนิ่งเงียบทำท่าทางไม่สนใจในสิ่งที่ผมถาม
"
นายไม่ได้ยินที่เราถามเหรอ? บอกเรามาซิ เราทำอะไรไม่ถูกใจนาย นายถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้" ผมพยายามคาดคั้นคำตอบจากบอล
บอลส่งสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น มาให้ผมแทนคำตอบ
ผมเริ่มจะหัวเสียนิดๆกับกริยาที่บอลทำใส่ผม ผมจึงเดินไปหาบอลที่ยืนพิงประตูหลังห้องตรงระเบียง (ผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงประตูหน้าห้อง) ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปหาบอลนั้น เท้าของผมได้เดินเตะกล่องลังกระดาษใบเล็กๆที่อยู่บนพื้นห้องใกล้กับโต๊ะอ่าน หนังสือของบอล โดยอุบัติเหตุ ทำให้ลังกระดาษใบนั้นคว่ำและหนังสือที่อยู่ข้างในกระจัดกระจายออกมากองกับ พื้น
เมื่อเห็นหนังสือทั้งหมดที่อยู่ข้างในกล่อง ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือยอดนิยมชาวสีม่วง(ในยุคนั้น)เช่น นีออน มรกต วีคเอ็นด์แมน ฮีท เมล มิถุนา และห้องห้าเหลี่ยม
คิดไม่ถึงจริงๆว่า บอลจะมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกับผม แต่ไม่แสดงอาการออกมาให้จับผิดได้เลยแม้แต่น้อย (ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่า "แอ๊บได้เนียนมาก")
สีหน้าของบอลในตอนนี้ถึงกับเหวอ ไม่กล้าสู้หน้าผม แถมยังเดินออกมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องเหมือนกับจะเป็นการสงบสติอารมณ์หรือตั้งหลัก
"
ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะเตะจนทำให้ลังกระดาษล้มลงจริงๆ เรากำลังจะเดินเข้ามานาย เพื่อถามให้เคลียร์ว่า ทำไม? เพราะอะไร? แต่มันดันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อน" ผมพยายามพูดให้บอลเข้าใจ
บอลยังคงไม่ยอมพูดกับผม
"
นายไม่ต้องกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องหนังสือในกล่องนั้นนะ เพื่อความสบายใจของนาย เราจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดๆทั้งสิ้น" ผมพยายามพูดและเอามือลูบลงบนแผ่นหลังของบอล เพื่อให้บอลสบายใจ
"
เราไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นถ้านายยังโกรธเราอยู่ หรือไม่ยอมให้อภัยเรา แต่เราขออะไรนายอย่างหนึ่งได้ไหม? เราอยากรู้ว่า ทำไมนายถึงโกรธและทำท่าทางไม่พอใจเรา? เราอยากรู้แค่นี้เท่านั้นเอง พอได้คำตอบแล้ว เราจะรีบออกไปจากห้องนายให้เร็วที่สุด และจะไม่โผล่หน้ามาสร้างความรำคาญให้นายอีกต่อไป" ผมพูดขอร้องบอล
"
ไอ้บ้าเอ่ย!!! แค่นี้นายยังดูไม่ออกอีกหรือว่าทำไมเราถึงได้แสดงออกแบบนี้กับนาย? นายแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ?" บอลกัดฟันพูดกับผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
"
นายหมายถึงอะไร? เราไม่เข้าใจที่นายพูดเลยนะ" ผมทำหน้ามึนงง
"
จะเข้าใจหรือไม่ก็แล้วแต่นาย เราถือว่าเราได้บอกเหตุผลที่นายอยากรู้ให้นายฟังแล้ว ถ้าไม่มีอะไรขอเชิญนายออกจากห้องเราไปได้" บอลพูดเสียงแข็ง แต่เท่าที่ดูจากสีหน้าและท่าทางแล้ว มันช่างแตกต่างจากน้ำเสียงอย่างสิ้นเชิง
พอบอลพูดจบ ผมชักจะเริ่มมองเกมส์ออกแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาของทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียหรือจะต้องอาย อีกต่อไป ดังนั้นผมจึงค่อนข้างจะแน่ใจมั่นใจที่จะพูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่สงวนท่าที
"
นายชอบเราใช่หรือเปล่า?"
บอลใช้สายตาตอบคำถามแทนคำพูด พร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง ผมเดินตามบอลเข้ามาอย่างกระชั้นชิด
"
ครั้งแรกที่เราเจอนาย หน้าตาท่าทางรวมทั้งความเป็นตัวของนายเองสะดุดตาและสะดุดใจเรามาก แต่สิ่งที่เป็นช่องว่าง เป็นกำแพงขวางกั้นไม่ให้เราใกล้ชิด ศึกษานิสัยใจคอและความรู้สึกนึกคิดของนายได้คือ เราหลงคิดว่า นายไม่ได้มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันเหมือนกับเรา ดังนั้นเราเลยไม่ได้ให้ความสนใจนายมากไปเกินกว่าคำว่า เพื่อน" ผมใช้มือลูบไหล่บอลเบาๆ
บอลมองหน้าผมด้วยสายตาที่ลดความแข็งกร้าวลงอย่างสิ้นเชิง
"
เราว่า.... เรากลับก่อนจะดีกว่า เผื่อว่านายอยากอยู่คนเดียว" ผมไม่รู้จะวางตัวอย่างไรและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้
"
นายนี่ช่างเป็นคนที่ใจร้ายใจดำจริงๆนะ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้างเลย" บอลตัดพ้อต่อว่าผม
"
นายพูดอะไรของนาย? ตกลงนายอยากจะให้เราอยู่เป็นเพื่อนนายในห้อง หรือนายอยากจะให้เราไสหัวออกจากห้องไป? จะเอาอะไรก็เอาให้มันแน่ซักอย่างหนึ่งได้ไหม มัวแต่อ้ำอึ้งไม่พูดไม่จา ใช้สายตาแทนคำพูดแบบนี้ ใครมันจะไปเดาใจได้ถูกว่า นายต้องการอะไรกันแน่ แค่เปิดปากพูดออกมานี่มันลำบากยากเย็นมากนักใช่ไหม?" ผมเริ่มจะหัวเสียขึ้นมาอย่างลืมตัว (งอนเหมือนผู้หญิงจริงๆ บอลเอ๋ย... )
"
ออกไปจากห้องเราได้แล้ว เราไม่อยากเห็นหน้านาย ไอ้บ้า" บอลชี้มือไปที่ประตูห้อง
"
เราต้องขอโทษด้วยที่เผลอตัวขึ้นเสียงกับนาย เราไม่ได้มีตั้งใจจะทำแบบนั้นเลย คือมันลืมตัว ถ้านายต้องการอย่างนั้น เราก็จะออกไปจากห้องเพื่อความสบายใจของนาย"
ผมกำลังจะหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูห้อง ปัง.... ปัง... เสียงตบโต๊ะดังขึ้นมาทันทีทันใด
บอลตบโต๊ะด้วยฝ่ามืออย่างสุดแรงเกิด ผมรีบเดินเข้าไปห้าม
"
หยุดได้แล้ว! เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก" ผมใช้มือทั้งสองข้างจับตัวบอลไว้อย่างแน่น
สายตาของผมกับบอลจ้องประสานกันอย่างลึกซึ้ง เวลานี้คงมีแค่ภาษากายกับภาษาใจเท่านั้นที่สามารถสื่อสารถึงกันได้มากกว่า
ผมคว้าตัวของบอลเข้ามาโอบกอด ซึ่งตัวของบอลเองนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
เราทั้งสองกอดกันได้ซักพัก จากนั้นผมค่อยๆขยับปลายจมูกมาหอมที่แก้มของบอล และลากยาวมาไซร้ตรงซอกคอของบอล
บอลหลับตาเคลิ้มอย่างสบายตัว ผมใช้ริมฝีปากจูบประกบลงบนริมฝีปากของบอล เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันด้วยความเสน่หา
ผมจัดการถอดเสื้อผ้าของบอลออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ผิวของบอลขาวใสมาก หัวนมทั้งสองข้างก็อมชมพูน่าดูดเลียซะเหลือเกิน บริเวณใต้สะดือก็น่ากินใช่ย่อย ตรงหัวหน่าวมีสาหร่ายเส้นดำยาวขึ้นหลอมแหลมพลอมแพลม ดูไม่รกเกะกะจนเกินไป ส่วนอวัยวะเพศนั้นเหยียบตรงเป็นลำสวยงามไม่อวบอ้วนจนเกินไปและก็ไม่ยาวมากจน น่าเกลียด ตรงหัวกระดอเปิดเป็นสีชมพูเข้มนิดๆ
ผมใช้ปากดูดเลียและขบกัดหัวนมของบอลเล่นอย่างเบาๆ โดยที่มือทั้งสองข้างนั้น จับคลำเครื่องเพศของบอลเล่นสนุกมือ มือขวาของผมสาวว่าวให้บอล และมือซ้ายก็ลูบกะโปก เล่นกับลูกชิ้นเอ็นทั้งสองลูก ยิ่งจับเครื่องเพศของบอลก็ยิ่งแข็งตัวเป็นจนลำเต็มไม้เต็มมือผม
"
บอล... เราขอเอาตูดนายได้ไหม?" ผมกระซิบถามบอล
"
เออ.. เรากลัว นี่เป็นครั้งแรกของเรา เราไม่เคยให้ใครเอามาก่อน" บอลพูดอย่างลังเล
"
ไม่เป็นไร ถ้างั้น.. นายอยากจะเอาตูดเราไหม?" ผมถามแบบมีทางเลือกให้กับบอล
"
เออ... เราเอาไม่เป็น ไม่เคยเอาใครมาก่อน นายเป็นคนแรกที่เปิดบริสุทธิ์เรา นายช่วยสอนเราหน่อยซิว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง?" บอลพูดอย่างตรงไปตรงมา (แจ๊คพ๊อตจริงๆเลยตรู ได้เป็นคนแรกที่เปิดซิงบอล)
"
คราวหน้าเราจะสอนให้อย่างเต็มที่ รับรองอีกหน่อยนายต้องเป็นมืออาชีพแน่ คราวนี้เราขอชักว่าวให้นายและขอดูดจู๋นายให้หายอยากก่อนนะ" พอพูดจบ ผมจัดการอ้าปากครอบกระดอของบอลจนมิดลำ พร้อมกับใช้ริมฝีปากรูดกระดอของบอลขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะจะโคน จนบอลหลับตาพริ้มด้วยความเสียว
ไม่ถึง 3 นาที บอลเริ่มครางเสียงดังขึ้น จนผมรู้สึกว่า ในปากของผมมีน้ำอุ่นๆหนืดๆคาวๆพ่นใส่เต็มปาก (แตกเร็วจริงๆพ่อคุณ แบบนี้เขาเรียกว่า "ล่มปากอ่าว" หรือเปล่า)
คราวนี้ก็มาถึงของผมบ้าง ผมไม่รอช้า รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด เพื่อให้บอลสามารถรีดน้ำเงี่ยนออกจากแท่งตอปิโดของผมได้อย่างเต็มที่
"
โอ้โห...... จู๋นายโคตรใหญ่จัง แบบนี้เราจะดูดได้ไหม? กลัวปากฉีกจังเลย" บอลแสดงอาการตื่นเต้นเมื่อเห็นแท่งตอปิโดที่แข็งโด่ของผม
บอลใช้ลิ้นเลียรอบๆหัวแท่งตอปิโดของผมที่ถอกออกมาจากปลายหนังหุ้ม จากนั้นก็ใช้มือสาวว่าวให้ผมอย่างเมามันส์ จนผมกลั้นความเสียวเอาไว้ไม่อยู่ ฉีดน้ำอสุจิใส่หน้าของบอลอย่างเต็มสตรีม
เมื่อเสร็จกามกิจแล้ว เราทั้งสองก็นอนกอดกันบนเตียง และพูดคุยเปิดความในใจต่อกันและกัน
"
ที่เราทำอาการแบบนั้นใส่นาย เพราะ เราน้อยใจที่นายไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกที่เรามีให้นายเลย นายน่าจะดูออกนะว่า ที่ผ่านมาเราคิดยังไงกับนาย เราเข้าใจนะว่า ตอนนั้นนายยังเป็นแฟนกับป้องอยู่ แต่หลังจากที่นายเลิกกับเขาแล้ว นายน่าจะหันมามองคนที่ห่วงใยและแคร์นายบ้าง อีกอย่างคือ เรื่องของป้อง เราไม่ชอบใจที่นายเป็นคนโลเลไม่หนักแน่น ไม่เด็ดขาด" นั่นเป็นเหตุผลจากปากของบอล ที่ผมอยากได้ยินแต่แรก
~
ณ สถานีรถไฟเชียงใหม่ ~
ผมยืนรอขบวนรถไฟที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ท่านผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านทุกตอนมาตลอดคงจะพอเดาออกนะครับว่า ผมมารอรับใคร? สำหรับท่านผู้อ่านที่ไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้านั้น คงเดาไม่ออกแน่ๆ ไม่เป็นไรครับ ถ้าเดาไม่ออก เดี๋ยวผมจะเฉลยให้
ในระหว่างที่ยืนรอรับใครบางคนที่สถานีรถไฟ ผมขอเล่าเรื่องราวอัพเดทชีวิตประจำวันของผมตลอด 4-5 วันที่ผ่านมา (หลังจากได้เปิดซิงบอลแล้ว)
เรื่องระหว่างผมกับบอล หลังจากบอลได้เปิดอกพูดถึงความในใจและความรู้สึกที่มีต่อผมแล้ว ทำให้ผมเข้าใจบอลมากขึ้น และบอลก็เข้าใจผมเช่นกัน ส่วนเรื่องสถานะภาพความสัมพันธ์ เราทั้งสองต่างก็ตกลงและยินดีที่จะคงความสัมพันธ์เป็นแค่ "เพื่อน" ที่ดีต่อกันเท่านั้น (แต่มีข้อตกลงร่วมกันว่า ถ้าใครเกิดมีอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมา อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องสนองให้ทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น หรือเรียกง่ายตามศัพท์ภาษาฝรั่งที่กำลังฮิตอยู่ปัจจุบันนี้ว่า " friend with benefit" )
เพราะว่า ผมอยากจะพักใจซักพักหนึ่ง หลังกรำศึกหนักจากเรื่องของป้อง ผมยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดหัวใจตัวเองไว้กับใคร สำหรับบอลนั้น ก็ยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่ประสีประสาในเรื่องความรักมาก่อน
สรุปแล้วคงต้องให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน
มายืนรอรับใครบางคนที่สถานีรถไฟแบบนี้ บอลไม่ว่าหรือน้อยใจ?
คำตอบคือ เมื่อคืนที่แล้ว บอลเพิ่งกลับกรุงเทพฯเพื่อไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว (อีก 3 วันจะถึงวันปีใหม่แล้ว) จะกลับก็ต้นอาทิตย์หน้า (เวลาช่างอำนวยประจวบเหมาะซะเหลือเกิน สับรางรถไฟได้ดีมาก) และอีกอย่างผมกับบอลไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมจะไปไหน มาไหน หรือทำอะไรกับใคร ก็ไม่ผิดใช่ไหม? (แต่ไม่บอกบอล หรือปล่อยให้บอลไม่รู้ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมยังไม่เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของบอลมากพอ ดูเหมือนบอลจะเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มากๆ ถึงมากที่สุด)
เมื่อขบวนรถไฟเข้าจอดเทียบสถานีปลายทาง และบรรดาผู้โดยสารต่างทยอยเดินออกจากตู้รถไฟ
"
ไอ้กันต์... ไม่ได้เจอตั้งนาน มึงสบายดีนะ ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลย" ไอ้พัฒน์กล่าวทักทายผม
"
กูสบายดี มึงก็ยังหล่อ เท่ห์และกวนตีนเหมือนเดิม" ผมช่วยไอ้พัฒน์ถือกระเป๋าเดินทาง
"
ถ้าไม่กวนตีนก็ไม่ใช่กูซิวะ โอ้โห.... ตูดมึงยังแน่นเด้งดึ๋งเหมือนเดิมเลย" ไอ้พัฒน์เอามือมาตบก้นผม
"
ทะลึ่งนะมึง อายคนเขาบ้างซิ คนออกจะเต็มสถานี ยังเล่นพิเรนแบบนี้อีก" ผมดุไอ้พัฒน์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มๆ
"
แค่นี้ก็ต้องดุด้วย กูอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยเดินทางรอนแรม เพื่อมาเย็ด โอ๊ย.... ไม่ใช่!!! เพื่อมาเยี่ยมมึงที่นี่ น่าจะพูดกับกูหวานๆหน่อย" ไอ้พัฒน์แกล้งงอนใส่ผม
"
พูดหวานๆก็ได้ขอครับ คุณพัฒน์... กระผมขอเชิญคุณพัฒน์ไปขึ้นรถทางนี้นะขอรับ" ผมพูดประชดประชัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น