วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิมานลอย

บทที่ 1 ทางเดินใหม่
เมื่อ ปลายปีที่ผ่านมา ที่บ้านผมต่างก็งงงันกับสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจบอก "ผมจะเรียนเตรียม......" ผมบอกชื่อสถานศึกษาแห่งหนึ่งที่เกี่ยวกับวงการเครื่องแบบสีเขียว ขณะนั้นผมจบชั้น ม.4 แล้ว ทุกคนจะไม่งงได้อย่างไรในเมื่อกระทั่งวิชา รด. ผมยังปฏิเสธที่จะเรียน แต่นี่ผมกำลังจะไปเรียนที่ที่ฝึกหนักยิ่งกว่า
การ ที่ผมตัดสินใจแบบนั้น ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจริงๆแล้ว คำตอบคืออะไร หากมาคิดตอนนี้คงเป็นอารมณ์ของวัยรุ่นมากกว่าที่มองเครื่องแบบว่าเท่ห์ โก้ จบมาแล้วมีงานรองรับ มีเกียรติ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ มันจะสามารถทำให้ทุกคนมองข้ามสิ่งที่ผมเป็น ใช่ครับผมก็เป็นเกย์ เหมือนเพื่อนๆทุกคนที่กำลังอ่านเรื่องสั้นของผมนี่หล่ะครับ
จากนั้น ผมก็อ่านหนังสืออย่างหนัก และสอบเข้าโรงเรียนดังกล่าวได้ระยะเวลา 1 ปีที่นี่ คงจะหนักมิน้อย ผมคิดและค่อนข้างกังวล แค่ยังไงคนเราเดินมาแล้วมิควรถอยจริงมั้ยครับ
การสอบเริ่มขึ้นและจบ ลงโดยที่ผมสามารถทำคะแนนได้สูงมาก ผมต้องไปโรงเรียนแห่งนั้นที่จังหวัดแถบภาคใต้ ผมแอบยิ้มอย่างพึงใจ อย่างน้อยที่นั่นบรรยากาศก็คงดี กว่าความแออัดของกรุงเทพแน่นอน ส่วนเรื่องฝึกหนัก คงต้องสู้ไม่ตายหรอก วันแรกที่ไปถึงไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ผมยังจำได้ดี อากาศมืดครึ้มฝนจากปรอยๆแล้วค่อยหนักพวกเราลงจากรถบัสคันใหญ่ที่พาหนุ่มน้อย กว่า 100 ชีวิตมาเพื่อรับการเรียนการฝึก ครูฝึก และรุ่นพี่สั่งให้เราวิ่งลงจากรถอย่างรวดเร็วเข้าไปที่อาคารใหญ่ ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพราะไม่อยากถูกจับตามอง ระยะทางเกือบ 200 เมตร ทำเอาเหนื่อยหอบพอสมควร เนี่ยยังไม่เริ่มการฝึกเลยนะครับ...
หลังจาก ทุกคนวิ่งเข้ามาหมดแล้ว สภาพเราไม่ต่างกันเท่าไหร่ เปียกมะล่อกมะแล่ก รุ่นพี่ที่อายุไม่น่าจะห่างกับเรามาก แต่ท่าทางดุดันสั่งให้จัดแถวเป็นแถวตอน คือลักษณะแถวยาวลงไป ด้วยความไม่เคยพวกเราไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แน่นอนความชุลมุนเกิดขึ้น เกือบ 5 นาทีก้อไม่มีทีท่าจะจัดแถวได้ เสียงดังกังวานของรุ่นพี่คนหนึ่งจึงแทรกขึ้น "หยุดพวกมึงหยุดทุกคน อะไรจัดแถวแค่นี้ทำไม่ได้ ไหนว่าคัดพวกคะแนนสูงๆมา ควายทั้งนั้น" ผมหันไปมองหน้าคนพูดอย่างนึกฉุน ในชีวิตไม่เคยมีใครว่าผมเป็น"ควาย" สักที สายตาเราประสานกันอย่างจัง ก่อนที่พี่เค้าจะเดินมายังผมและใช้มือผลักไหล่อย่างแรง
"
มองไรไอ้น้อง ข้องใจเหรอ อย่ามีอาการแถวนี้นะไม่ใช่แถวบ้านมึง"
ผม ตกใจมิน้อยแต่ข่มใจไว้ พี่เค้าเดินไปหน้าห้องแล้วพูดอีก "กูไม่รู้ว่ามีใครใหญ่ ใครเป็นลูกใคร พ่อแม่ใหญ่แค่ไหน หรือเป็นจิ๊กโก๋คับซอย แต่มานี่ถอดแล้ววางไว้หน้าโรงเรียนซะ อย่ามีอาการจำไว้ว่าตอนนี้คำนำหน้าทุกคนคือ นนส."
ใบหน้าคมคายผิวสีแทนที่คงดูดีมิน้อย หากเจ้าตัวจะยิ้มบ้าง แต่นี่ช่างดุดันซะจนมิกล้ามอง หันมาทางผมก่อนพูดอีก
"
เมื่อกี้มีคนเก่งจ้องหน้ากู ทุกคนต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวดังนั้น คนเดียวทำต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทุกคนหมอบลงกับพื้น"
พวก เรามองหน้ากันเลิ่กลั่กบางคนคงหมั่นไส้ผมมากจนชี้หน้าอย่างอาฆาตแค้น แต่ก็ต้องนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นอยู่ดี จากนั้นเค้าค่อยสั่งให้เรากลิ้งไปทางซ้ายขวา เกือบ 20 รอบจนผมแทบจะอาเจียนออกมา มันยังไม่จบแค่นั้นพวกเราต้องยืนแล้วหมอบ ยืนแล้วหมอบเกือบ 50 ครั้ง ก่อนการลงโทษจะจบลงเสียงนั้นยังดังก้อง "จำไว้นี่แค่สั่งสอน ต่อไปห้ามใครมีปฏิกิริยากังรุ่นพี่หรือครูฝึกอีก"
หลัง จากนั้นพวกเราก็ได้รับแจกเสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนสิ่งที่ติดตัวมาจากบ้านก็ต้องถอดแล้วเก็บไว้ที่ห้องเก็บส่วนรวม ห้ามใครแอบพกติดตัวเด็ดขาด ค่อนดึกทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพวกเราทุกคนอยู่ในชุดฟอร์มเดียวกันและถูกรุ่น พี่พาไปที่ห้องนอนอันประกอบด้วยเตียงและตู้ล้อกเกอร์ และโต๊ะนั่งสำหรับเขียนหนังสือ เราต้องมีบัดดี้ทุกคนและต้องนอนเตียงติดกับบัดดี้ใช้ตู้ใบเดียวกันตลอดระยะ เวลาที่เรียนที่นี่ 1 ปี ผมได้จับคู่กับ "เต๋อ" เด็กหนุ่มจากชลบุรี ท่าทางยียวนมิน้อยผมยิ้มทักทายก่อน เจ้าตัวก็ยักคิ้วตอบกลับ "ต่อไปจะให้พักผ่อน ขอให้หลับให้เต็มที่และเจอกันพรุ่งนี้เมื่อได้ยินเสียงนกหวีด"
พี่ สุดโหดก้าวมากลางห้อง แล้วพูดเสียงดังเช่นเคยก่อนจะเดินออกไปยังหันมามองที่ผมอีกครั้ง ผมแกล้งยิ้มให้ หน้าดุๆนั้นจึงรีบเดินออกไปทันที จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ทราบชื่ออยู่ดีว่าพี่สุดโหดคนนี้ชื่ออะไร งั้นเรียกพี่สุดโหดก่อนแล้วกันนะครับ...
บทที่ 2 บทเรียนแรก
เช้า ตรู่เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นจังหวะพวกเราส่วนมากต่างก็รีบตื่นตามที่ได้รับคำ สั่งมา มีเพียงส่วนน้อยที่ยังหลับอุตุอย่างไม่ทราบชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น รุ่นพี่สามสี่คนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว นำหน้าโดยพี่สุดโหดเช่นเคย เครื่องแต่งกายกึ่งลำลองเมื่อคืน ถูกเปลี่ยนเป็นชุดฝึกสีพรางเต็มยศ ใบหน้าคมคายออกสีแทนเกลี้ยงเกลา ไรหนวดบางๆ ขึ้นเสริมใบหน้าให้คมเข้มยิ่งขึ้น ผมเผลอมองไปชั่วขณะแล้วรีบพับผ้าห่มให้เสร็จ ก่อนจะออกมายืนตรงที่หน้าเตียง
"
คนที่เรียบร้อยแล้วให้ใส่รองเท้าผ้าใบ และไปเข้าแถวข้างล่างส่วนพวกที่ยังไม่ลุกจากเตียงหรือยังไม่เสร็จก็ให้นอนต่อไปอีก"
ผมค่อนข้าง งง ไม่น้อยกับคำสั่งมันไม่แปลกเหรอครับที่พี่แกให้นอนต่อ เต๋อบัดดี้ผมคงจะเดาออกว่าผมคิดอะไร
"
ไม่ ต้องงงหรอก เราว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน ไป รีบไปกัน" ผมจึงเดินตามเต๋อลงไปเข้าแถวข้างล่าง ไม่นานถึงบางอ้อ เมื่อรู้ว่าเหตุผลที่ทำไมพี่สุดโหดถึงเปลี่ยนเป็นพี่ใจดีอย่างน่าแปลกใจ
บรรดา หนุ่มขี้เซาทั้งหลาย ถูกเกณฑ์ให้มานอนเตียงเดียวกัน ท่านลองนึกภาพสิครับว่าเด็กหนุ่มเกือบ 20 คนต้องมานอนบนเตียงที่ทำขึ้นเพื่อคนเดียวสภาพมันจะเป็นยังไง เต๋อหันมายักคิ้วอย่างยียวน "เห็นมั้ยบอกแล้ว" ผมยิ้มตอบอย่างเห็นใจบรรดาคนขี้เซา
เกือบ 20 นาที การลงโทษสิ้นสุดพร้อมกับสภาพสะบักสบอมของคนขี้เซา ผมว่านะต่อไปไม่น่าจะมีใครกล้าตื่นสายแน่ คณะรุ่นพี่ค่อยทยอยลงมายืนหน้าแถว ทุกคนล้วนแต่มีท่าทางสง่าผ่าเผย อย่างคนที่ได้รับการฝึกมา สักครู่คณะของนายทหารที่รับผิดชอบการฝึก และการสอนก็ทยอยลงมา ดูจากดาวบนบ่าแล้วน่าที่จะยศไม่ต่ำกว่าร้อยตรี เริ่มจากการแนะนำสถานที่ กล่าวต้อนรับ จนมาถึงการแนะนำรุ่นพี่ที่มาทำการฝึก ผมใจเต้นเพราะอยากรู้จังว่าพี่สุดโหดชื่ออะไร นายทหารคนนั้นเริ่มแนะนำทีละคนตั้งแต่ พี่รบ หนุ่มหน้ามนตัวเล็ก แต่ยิ้มน่ารักชะมัด พี่ชินหนุ่มใต้หน้าเข้ม แววตาดูเป็นมิตร พี่เอ็กส์คนนี้สิครับหน้าตาหล่อเหลาที่สุดจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมโตผิวขาว พี่เมธาตัวโตสีหน้าวางเฉย จนถึงคนสุดท้ายคือพี่สุดโหดชื่อของเค้าคือ ลือกิจ อืมม..งั้นผมเรียกว่าพี่ลือแล้วกัน ง่ายดี
พิธีการต่างจบสิ้นลง พวกเราค่อยๆทยอยไปยังห้องเรียนที่จะมีไว้สำหรับภาคทฤษฎี ส่วนภาคปฏิบัติจะเป็นสนามกว้างห่างออกไปอีกราว 100 เมตร ในหนึ่งสัปดาห์พวกผมจะเรียนและฝึกในอัตรา 60:40 คือเรียนมากกว่าฝึก หยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยจะสามารถขออนุญาตกลับบ้านหรือออกไปข้างนอกได้ วันนี้ทั้งวันก้อตามธรรมเนียมล่ะครับไม่ได้ทำอะไรหรอก แต่พรุ่งนี้ดิครับเต็มๆ ผมว่านะ..
ราวๆ 6 โมงเย็น หลังจากทานข้าวแล้ว ก็ถึงเวลาอาบน้ำ เนี่ยหล่ะครับสิ่งที่ผมกังวลใจที่สุด แต่ยังไงก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราถูกสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้านุ่งเฉพาะผ้าขาวม้า และถือขัน สบู่ ยาสีฟัน และแปรงลงมา กลุ่มใดที่จัดแถวเสร็จก่อนจะได้ไปอาบก่อน กลุ่มผมดันจัดเสร็จก่อนเลยได้สิทธิไปอาบน้ำก่อน เพื่อนๆลองนึกถึงสภาพที่อาบน้ำนะครับ ห้องน้ำกว้างๆมีอ่างปูนยาวๆลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 อ่างติดกัน ผมและเพื่อนๆยืนอยู่ที่หน้าอ่างนั้นอย่างสงบรอฟังคำสั่ง พี่ลือเดินเข้ามาตามด้วยพี่เมธา และพี่เอ็กส์ สุดหล่อแห่งคณะ พี่เมธาสั่งให้ถอดผ้าขาวม้าออก ผมเขินจัดแต่ก็ต้องค่อยๆปลดปราการด่านสุดท้ายออกไป หันไปมองอีกทีทุกคนล้วนแต่อยู่ในสภาพเดียวกัน ยุบหนอพองหนอผมคิด ร่างกายไม่จีรังอย่าไปยึดติด ไม่ใช่ผมบรรลุโสดาบันในห้องน้ำหรอกครับ แต่เพื่อนๆที่เคยมีประสบการณ์คล้ายๆแบบนี้ลองนึกดูสิครับ ว่าในสถานการณ์ที่เราตกอยู่ท่ามกลางผู้ชายหนุ่มๆเกือบ 20 คน แต่ละคนเปล่าเปลือยเผยให้เห็นหน่อเนื้ออย่างชัดเจน ใครไม่หวั่นไหวคงไม่ใช่เกย์แน่นอน ผมพยายามบังคับไม่ให้มีพิรุธ โดยเฉพาะกับเจ้าน้องชายตัวเขื่องที่ผงกหัวหงึกหงักอย่างยินดี แต่พิรุธผมมันคงไม่หลุดง่ายๆอย่างที่คิด พี่เอ็กส์หันมามองแล้วก่อนออกคำสั่ง "เฮ้ย.ไอ้น้องคนนั้น เออ มึงนั่นหล่ะ ออกมาตรงนี้ซิ"
ผมรู้เลยว่าตัวเองหน้าซีดจัด แต่ก็ต้องเดินออกมา พี่เอ็กส์มองหน้าผม (เฉพาะหน้าจริงๆ) แล้วสั่งให้ขึ้นไปยืนบนขอบอ่าง ผมตาเบิกโพลงอย่างตกใจสุดขีด คราวนี้ไม่มีทางแน่ครับที่ผมจะทำตาม
"
พี่ครับ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ" ผมรู้สึกว่าขอบตารื้นชื้นไปด้วยน้ำตา แต่ผมพยายามบังคับไม่ให้ไหล พี่เอ็กส์ตาวาวอย่างโกรธจัด
"
มึงกล้าเหรอ กูบอกให้ขึ้นไปยืน"
ผม สาบานเลยว่าตอนนั้นอารมณ์พุ่งขึ้นจนต้องกำหมัดแน่น ทั้งโกรธเกลียด พี่เมธาเดินมาแล้วดันผมไปข้างหน้าดูเค้าสองคนสนุกสนานมากกับการกระทำครั้ง นี้ มีเพียงพี่ลือที่ยืนดูอย่างสงบ..
บทที่ 3 รุ่นพี่ที่รัก
ในที่สุด ผมก็ต้องขึ้นไปยืนบนขอบอ่างจนได้ เพื่อนคนอื่นๆต่างอมยิ้มอย่างขบขัน บางคนก็โห่อย่างสนุกสนาน ผมหลับตาลง พยายามไม่มองให้มันสะเทือนใจไปอีก พี่เอ็กส์ยังไม่หยุด เค้าหันไปสั่งให้ เพื่อนอีกคนถือสบู่เข้ามาและฟอกไปตามตัวผม เพื่อนคนนั้นคงจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เค้าเอ่ยขอโทษเสียงเบาๆก่อนลงมือลูบไล้ไปตามร่างกายเปล่าเปลือยของผม
"
เฮ้ย..พอ แล้ว น้องลงมาแล้วไปรวมกับเพื่อนซะ" เสียงพี่ลือดังขึ้นราวเสียงสวรรค์ ผมหันไปมองอย่างนึกขอบคุณ แววตาอ่อนโยนคู่นั้นมองกลับ พี่เอ็กส์ พี่เมธา มองหน้าพี่ลืออย่างขัดใจ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ผมรีบกระโดดลงมาอย่างลิงโลด แล้วไปรวมกับเพื่อนๆ การอาบน้ำจึงเริ่มขึ้นโดยที่มีกติกาว่า ให้อาบตามเสียงนกหวีดที่เป่าเป็นจังหวะ โดยพี่ลือ สรุปแล้ววันนั้นเราได้อาบน้ำประมาณคนละ 6 ขัน อย่างว่าแหล่ะครับการรวมกับคนหมู่มาก มันต้องมีกฎกติกา ก่อนจะออกไป พี่ลือบอกให้ผมอยู่ก่อนแล้วคนอื่นให้รีบขึ้นห้องไปแต่งตัว ผมมองหน้าเค้าอย่างสงสัย แล้วจึงบางอ้อเมื่อเค้าบอกว่าให้ผมอาบน้ำได้ต่ออีก 6 ขัน เพราะถูกแกล้ง ผมยิ้มอย่างดีใจ พี่ลือยิ้มตอบกลับ เป็นยิ้มแรกทีเดียวนับแต่วันที่ผมเข้ามา
หลังจากอาบน้ำทุกคนแล้ว พวกเราจะต้องเข้ามานั่งรวมกันที่ห้องประชุมเพื่อพูดคุย และฟังคำชี้แจงต่างๆ กระทั่ง 3 ทุ่มเป็นเวลานอน จึงเดินเข้าแถว(อีกแล้ว) ขึ้นไปนอน เต๋อ บัดดี้ผมคงจะนอนไม่หลับเช่นกัน เราเลยหันมาพูดเรื่องราวของกันและกัน เต๋อ เล่าว่าเค้าอยู่ชลบุรี พ่อแม่ฐานะดี ทำค้าขาย แต่เค้าคงไม่รักดีเพราะเพิ่งออกจากคุกมา เนื่องจากไปเสพยาบ้า ผมเลยปลอบว่าอย่าไปคิดมากเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เริ่มต้นใหม่ดีกว่า เต๋อยิ้มแล้วค่อยๆหลับไป ผมก็เคลิ้มๆจะหลับเช่นเดียวกัน มาสะดุ้งตื่นเมื่อที่นอนข้างๆผมยวบลงหันไปมองก็เป็นพี่เอ็กส์นั่นเอง กลิ่นเหล้าอ่อนโชยมา พี่เอ็กส์กระซิบข้างหูผมว่าให้อยู่เฉยๆ ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสานี่ครับจะได้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ในสถานที่แบบนี้ไม่มีทางหรอกครับ ผมขืนตัวจะลุกขึ้นแต่พี่เอ็กส์ไวกว่า กระเด้งตัวมานอนทับผมไว้ผมดิ้นเต็มแรงแต่ไม่มีทางต้านได้เลย
"
พี่รู้นะว่าเราเป็นอะไร ช่วยพี่หน่อยดิ"
โห พูดตรงๆเลยนะ ผมคิด ถ้าในสถานการณ์ปกติ พี่เอ็กส์ไม่รอดแน่ อย่างที่เล่าให้ฟังหล่ะครับว่าพี่เอ็กส์เป็นคนที่หล่อที่สุดในคณะรุ่นพี่ แต่ไม่รู้สิ ผมเป็นคนถือเรื่องสถานที่มั้ง ผมว่ายังไงในโรงนอนที่มีคนไม่ต่ำกว่า 50 คนนอนรวมกัน ผมไม่มีทางสร้างอารมณ์บรรเจิดได้แน่
"
พี่ครับเห็นใจเถอะนะ ผมทำไม่ได้หรอก" ผมอ้อนวอน พี่เอ็กส์กลับตอบกลับมาด้วยริมฝีปากที่บดอย่างแรง ผมสะดุ้งทันที ไม่คิดว่าพี่เค้าจะกล้าทำ พี่เอ็กส์พยายามให้ผมไปกำเป้าเค้าให้ได้ ผมขืนตัวเต็มที่ พี่เอ็กส์ฮึดฮัดอย่างขัดใจ สุดท้ายเค้าคงยอมแพ้ผมมั้งครับ เลยหยุดปฏิบัติการแล้วมานอนหอบ แฮ่กๆ อยู่ข้างผม ผมก็เหนื่อยไม่แพ้กัน ตกใจด้วย ก็ไม่คิดว่าพี่เอ็กส์จะมีรสนิยมแบบนี้นิครับ
"
เราน่ะแปลกกว่าคนอื่นรู้มั้ย" พี่เอ็กส์หันมาพูดเป็นประโยคแรก
"
แปลก ยังไงครับ" ผมสงสัยครามครัน พี่เอ็กส์เลยว่าถ้าเป็นคนอื่นไม่เห็นมีใครปัดป้องสักคน กลับดีใจซะอีก มีผมคนแรกนี่แหล่ะที่ทำราว สาวพรหมจรรย์ ต่อสู้สุดฤทธิ์สุดเดช ผมเลยถามพี่เค้าว่าแล้วรู้ว่าผมเป็นได้ยังไง
"
ก็ตอนที่พี่แกล้งเรา น่ะแหล่ะ ตัวเองน้ำตาจะหยดแหม่ะอยู่แล้ว เลยรู้งัย" ผมเลยถามต่ออีกว่าแล้วพี่เอ็กส์เป็นเกย์เหรอ พี่เอ็กส์ยิ้มอย่างขำๆ
"
เฮ้ย บ้าดิ เค้าเรียกแก้เงี่ยนโว้ย พี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยเจอกัน เลยต้องให้น้องๆที่เป็นแบบเราน่ะช่วย ก็พอหายบ้างแต่พี่ไม่เคยล่อประตูหลังใครนะ แค่ใช้มือกับปาก" พี่เอ็กส์บอก ผมเลยบางอ้อ เดี๋ยวนี้ผู้ชายที่คิดแบบพี่เอ็กส์มีเยอะ คือเห็น เกย์หรือกระเทย เป็นเพียงเครื่องบำบัด(ความเงี่ยน)เท่านั้น
"
เออ นอนเถอะ พี่ขอโทษว่ะ ต่อไปมีใครมากวนอีกบอกนะ ได้ยินว่าหลายคนมันจ้องเราอยู่" พี่เอ็กส์พูดเป็นปริศนา ก่อนเดินออกไปอย่างเงียบๆ ผมค่อยๆหลับอย่างเหนื่อยล้า ถ้อยคำสุดท้ายที่พี่เอ็กส์บอกยังดังก้องชวนให้ติดตาม

บทที่ 4 เพื่อนใหม่
เช้า ตรู่ราวๆ 5 นาฬิกา เสียงนกหวีดกรีดร้องเช่นเคย ผมเองค่อนข้างปรับตัวได้ง่าย เลยไม่มีอาการงัวเงียเช่นคนอื่น เต๋อยังคงหลับอุตุ ไม่รู้เมื่อคืนจะได้เห็นได้ยินอะไรหรือเปล่า ผมรีบสะกิดให้ลุก เต๋อก็กุลีกุจอขอบอกขอบใจแล้วลุกทันที
ไม่นานพวกเราก็ลงมาเข้าแถว ข้างล่าง หลังจากได้ไปล้างหน้าแปรงฟัน ด้วยเวลาคนละ 2 นาที (รวมเข้าห้องน้ำด้วยนะครับ) เพื่อเตรียมไปออกกำลังกาย แต่ได้ยินรุ่นพี่บอกว่ายังมีอีกคนยังไม่เสร็จ พวกเราได้รับคำสั่งให้นั่งรอเพื่อนคนนั้น สายตาทุกคู่จับจ้องไปทางบันได เพื่อดูหน้าคนที่ช้าที่สุด
ไม่นานเด็กหนุ่มคนนึงก็ค่อยๆ ย่างก้าวลงมา ตัวสูงเพรียวจนเก้งก้าง ผิวสีแทน ใบหน้าค่อนข้างเหลี่ยม อากับกิริยาหลายอย่างทำให้ผมรู้ทันทีว่าเป็นพวกเดียวกับเรานั่นหล่ะครับ (ใครไม่รู้ช่างเปรียบว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกัน ) แน่นอนครับ คนอื่นก้อต้องเห็นเหมือนผม เสียงล้อเลียนจึงดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
"
ตุ้ดซี่รีบๆหน่อยเด่ะ"
"
มัวทาแป้งอยู่เหรอวะ ช้าจริงๆ"
"
สวยแล้วน้อง ลงมาได้แล้ว"
ฯลฯ ที่ล้วนแล้วแต่เจ็บๆคันๆ เจ้าตัวได้แต่ก้มหน้าเดินกระมิดกระเมี้ยน ผมสงสารมากเพราะไม่ชอบเห็นใครโดนรังแก อารมณ์ประมาณนั้นจึงพุ่งขึ้นแรงจนเผลอตัวตะโกนออกไป
"
เฮ้ย พวกมึงก็ดีแต่ว่าคนอื่น แล้วตัวเองดีแค่ไหนวะ พวกชายกระโปรง" ได้ผลครับ เสียงล้อเลียนเงียบกริบอย่างตะลึง เจ้าตัวต้นเสียงมองมาทางผมแล้วเห่าต่อไปอีก
"
แหมตัวเอง พวกเดียวกันปกป้องล่ะสิ" แล้วมันก็หันไปหัวเราะกับกลุ่มมันอย่างเมามัน ผมเองค่อนไปทางบู๊เลยกะจะเดินไปซัดสักหมัด เสียงเป่านกหวีดของสิบเวรที่อยู่แถวนั้นจึงดังขึ้น เราสามคน อันประกอบด้วยผม เจ้าตัวต้นเสียง และคุณเชื่องช้าที่ทราบชื่อภายหลังว่า เอ๋ ถูกเรียกไปสอบสวนทันที สรุปคือพวกเราผิดเท่ากัน เอ๋ผิดที่ช้า ผมผิดที่ไม่ให้เกียรติสิบเวรและพูดหยาบคาย แล้วเจ้าตัวดีผิดที่ล้อเลียนเพื่อน พวกเราเลยต้องโดนลงโทษด้วยการวิดพื้นคนละ 50 ครั้ง "สวยๆ" คำว่าสวยๆก็คือการวิดพื้นที่ขึ้นลงให้สุดๆ ขณะขึ้นแขนต้องเหยียดตรง เมื่อลงข้อศอกต้องสัมผัสข้างลำตัว นึกเอาเองแล้วกันครับว่าความยากลำบากจะเกิดขึ้นแค่ไหน กว่าจะเสร็จแขนอ่อนเลยทีเดียว
"
ขอบคุณมากนะ"
เอ๋พูดกับผม ในความรู้สึกนะผมว่าเค้าค่อนข้างพยายามเก็บมากทีเดียว แต่ยังไงซะมันก็ยังง่ายต่อการสังเกตอยู่ดี ผมยิ้มตอบ จากวันนั้นเราทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ไปไหนไปด้วยกัน อาบน้ำอาบพร้อมกัน จนทุกคนต่างก็รู้ว่าเราเป็นเกย์ทั้งคู่ อะไรก็ไม่บังเอิญเท่ากับการที่เอ๋คือคนที่ฟอกสบู่ให้ผมในวันที่โดนพี่เอ็กส์ แกล้งไงครับ ผมยัง งง เลยว่าอะไรที่ทำให้ผม "ออก" ได้มากขนาดนี้ คงเป็นเพราะมีเพื่อนด้วยมัง ผมคิด ดังนั้นความคิดที่คิดจะปิดเลยเริ่มหายไป นี่แหล่ะครับหลายคนคงรู้ดีว่าการเก็บอาการของชาวเรามันยากขนาดไหน สุดท้ายก้อหลุด..
บทที่ 5 รักแรก
ย้อนไปวันที่พี่เอ็กส์จะ เข้ามาทำมิดีมิร้ายกับผมและจบลงตรงที่ผมไม่ยอม จากวันนั้นการพูดคุยระหว่างเราก็กลับสนิทขึ้นอย่างมากมาย เค้าเองเห็นผมเป็นเหมือนน้องคนนึง คอยแนะนำเรื่องต่างๆ ทั้งการเรียน การฝึก ไม่มีการแกล้งเหมือนครั้งแรก บางทีผมก็ไปเล่นที่เตียงเค้า บีบนวด หยอกล้อกันจนหลายคนว่า ผมคงเสร็จพี่เอ็กส์อีกราย พี่เอ็กส์ก็ช่างพูดบอกไปซะทั่วว่าผมเป็นเด็กใหม่ของเค้า ช่างเถอะครับ ผมไม่ถือ แต่มันกลับเป็นสาเหตุของเรื่องอื่นที่ตามมาดิครับ
พี่รบ หนุ่มตัวเล็กผิวพรรณสะอาดตา ยิ้มสวย ที่ผมเคยแนะนำ แกเริ่มมีทีท่าแปลกๆสิครับ นับแต่แกเริ่มให้อภิสิทธิพิเศษในการอาบน้ำกับผม รอยยิ้มที่มีทุกครั้งเมื่อพบ พี่รบเป็นเพื่อนสนิทกับพี่เมธา สองคนนี้มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ผมเองก็มีความรู้สึกดีๆให้พี่รบนะครับ ช่วงนั้นคงเพราะความเหงาคิดถึงบ้าน และอารมณ์รักที่มักเกิดกับหนุ่มลักษณะแบบนี้ ผมเริ่มให้ความสนิทกับพี่รบตามลำดับ จนกระทั่ง
คืนนั้นพี่รบเข้าเวร ราวๆ เที่ยงคืน ฝีเท้าเงียบกริบย่องเข้ามาที่เตียงผม ผมรู้สึกตัวตั้งแต่สัมผัสจากริมฝีปาก ตรงแก้มผมแล้ว พี่รบนั่งอยู่ข้างเตียงยิ้มละมุนมาที่ผม แล้วก้มพรมจูบไปทั่วทั้งแก้ม ซอกคอ ผมสั่นสู้ เอ้ย! สั่นสะท้าน พี่รบกระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ "พี่ชอบอ้ำนะ"
ผม มองหน้าพี่รบไม่มีคำพูดใดๆ แต่พี่รบคงรู้ ผมเขยิบปล่อยที่ว่างให้พี่รบที่กำลังก้มตัวลงนอนข้างๆ จนแทบไปเบียดเต๋อที่หลับสนิท(รึเปล่า)อยู่ พี่รบจูบบนหน้าผากไล่มาตามแก้ม แล้วหยุดที่ริมฝีปาก จากนั้นจึงสอดปลายลิ้นอย่างแผ่วเบา มันหอมหวานนุ่มนวล ต่างกับช่วงล่างของพี่รบที่บดกับท่อนเนื้อของผมอย่างร้อนแรง หนักหน่วง ผมค่อยๆปลดตะขอกางเกงพี่รบ หนุ่มรุ่นพี่สะเทิ้นทันที ลมหายใจเริ่มรุนแรงเมื่อปลายลิ้นผมสัมผัสได้กับท่อนเนื้อนั้น มันอบอุ่นผงาดอยู่ท่ามกลาง ปุยไหมสีดำ พี่รบเอื้อมมือมาปลดกางเกงผมบ้าง แล้วคลึงมือไปทั่วแก้มก้นทั้งสองข้าง ผมเคลื่อนตัวลงไปช้าๆ สูดดมความหอมหวลจากปุยไหมนั่น แล้วใช้ปลายลิ้นเลียเบาๆที่ไข่ทั้งสองข้าง เสียงครางพี่รบดังเป็นระยะ ผมเองกลัวมากว่าเต๋อจะตื่น แต่ความปรารถนามีมากกว่า ผมครอบปากลงไปช้าๆที่ท่อนเนื้อสีสด พี่รบยิ่งสูดปากหนักขึ้นเวลาผมจงใจใช้ปลายลิ้น ห่อแล้วกระดกอย่างรวดเร็วที่รอยแยก ไม่นานพี่รบก็จับหัวผมกดลงแล้วปล่อยน้ำออกมาอย่างสุดกลั้น ผมพยายามกลืนลงไปเพราะไม่มีทางที่จะบ้วนลงตรงไหนแน่นอน น้ำของพี่รบหอมหวานมาก เจ้าตัวคงไปทำความสะอาด อาบน้ำมาก่อนแน่ เพราะกลิ่นสบู่ยังติดตรึงหอมหวล
พี่รบยิ้มให้ผมเบาๆ แล้วเอื้อมมือจะมาช่วยผมบ้าง ผมส่ายหน้าเพราะไม่ต้องการ พี่รบยิ้มที่มุมปาก แล้วรีบใส่กางเกง และเดินออกไปอย่างแผ่วเบา ผมเคลื่อนตัวขึ้นไปนอนตามเดิม
จาก วันนั้น พี่รบก็มาหาผมทุกคืน รุ่นพี่คนอื่นๆ ก็เริ่มมองส่งสายตาแปลกมาให้ ผมเข้าใจนะ ในสถานะแบบนี้ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับดรุณี สาวน้อย หรอก (อยู่ข้างนอกไม่ได้เกิด) แต่ที่ทำให้ผมเสียใจมากคือ พี่รบเอาเรื่องของเราไปพูดซะทั่ว ด้วยความภูมิใจว่าเค้าได้ผมแล้ว ผมเริ่มอายมากขึ้น เพราะคำพูดแซว อย่างสนุกปากเริ่มรุนแรงตามลำดับ ผมไม่พอใจจนต้องถามกับพี่รบโดยตรง พี่เค้าก้อตอบอย่างไม่สะท้านว่า "จริง" เพราะไม่เสียหายอะไร ซ้ำยังบอกให้ผมไปช่วยเพื่อนเค้าอีกคน ผมน้ำตาไหลอย่างหมดอาย เดินจากพี่รบไป ความรู้สึกในวันนั้นคือ สมน้ำหน้าตัวเอง ที่ทำตัวเหมือน "ส้วม" คอยให้เค้ามาเวลาต้องการ และจากไปพร้อมคำดูถูก ไม่นึกเลยใช่มั้ยครับว่า รักแรกของผมที่นี่ก็เริ่มอย่างไม่สวยแล้ว
บทที่ 6 รักสองต้องใจ
นับจากนั้น ผมตัดพี่รบอย่างเด็ดขาด ไม่ทัก ไม่ทาย พี่รบเปลี่ยนกลยุทธใหม่ คือทำตัวเป็นเหมือนละคร มนต์รักอสูร กับผม ก็คือเล่นบทโหดนั่นแหล่ะครับ ตั้งแต่พูดจาถากถาง กระทบกระเทียบว่าผมสำส่อน ลิ้นเก่ง จนกระทั่งแกล้งพูดให้ผมอายในเรื่องบนเตียงต่อหน้าฝูงชน ผมตอบโต้ไม่ได้เลยเพราะมันจริง ได้แต่เดินหนี และทำตัวเฉยๆ ซะ
คืน หนึ่ง ผมกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินมาเป็นจังหวะ ใจผมเต้นตึ่กตั่ก เพราะเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาที่เตียงผมทุกทีๆ คงเป็นพี่รบแน่ ผมเลยแกล้งหลับซะ แล้วเสียงฝีเท้าก็หยุดใกล้ๆผม เจ้าของร่างนั้นค่อยๆก้มหน้ามาใกล้จนผมได้ยินเสียงลมหายใจ แล้วเค้าก็รีรอเหมือนลังเล อะไรบางอย่าง ผมหรี่ตาขึ้นมองก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่ใช่พี่รบแน่ พี่รบไม่สูงใหญ่และไม่เคยทำท่ารีรอแบบนี้ แต่จะเป็นใคร แว่บเดียวใบหน้านั้นก็ก้มลงมาใหม่ แล้วบรรจงจุมพิตที่แก้มผมอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเดินออกไป ผมลืมตาโพลงมองตามหลัง พร้อมความสงสัยอย่างที่สุด
คืน ต่อมาเค้าคนนั้นก็มาอีก ผมตัดสินใจแน่วแน่ว่าเป็นไงเป็นกัน ต้องรู้ให้ได้ว่าพี่เค้าเป็นใคร ดังนั้นทันทีที่ใบหน้านั้นโน้มลงมา ผมก็รีบใช้แขนตวัดลำคอพร้อมลืมตาโพลง
"
พี่ลือกิจ" ผมพูดได้แต่นั้น พี่ลือกิจสุดโหดจริงๆด้วย พี่ลือคงตกใจเช่นกัน แต่ก็ไม่มีทีท่าอะไรมาก เค้าจ้องตอบผมและยิ้ม ยิ้มเหมือนวันที่เค้าเคยช่วยผมไว้วันที่โดนพี่เอ็กส์แกล้งในห้องน้ำ
"
ตกใจเหรอ พี่นึกว่าเราหลับแล้ว" พี่ลือพูดเสียงอ่อนโยน ต่างจากเวลาฝึกสอน
"
มาก เลยครับ แล้วพี่ทำไม..." ผมพูดได้แค่นั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร พี่ลือยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วก้มลงมาหอมผมอีก ผมหลบไม่ทัน(ไม่หลบด้วยแหล่ะ)เลยโดนเข้าอย่างจัง
"
นอนซะพรุ่งนี้ฝึกแต่เช้า" แล้วพี่ลือก็เดินออกไป ทิ้งไว้แต่ผมที่ในหัวมีแต่คำว่า งง เต็มไปหมด
นับ แต่วันนั้นพี่ลือยิ่งทำให้ผมแปลกใจที่สุด คือพี่เค้าประกาศอย่างโจ่งแจ้ง เรื่องความเป็นเจ้าของของผม (ทั้งๆที่ยังไม่เคยสักที) ผมสาบานเลยนะครับ ว่ามันเป็นเรื่องจริง หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมเรื่องจะโอเวอร์แบบนี้ ผมที่เป็นคนโดนยังงงเลยครับ แต่พี่ลือเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำ เค้ายอมรับกับทุกคนว่าชอบผม และประกาศตัวเป็นศัตรูกับพี่รบอย่างเปิดเผย แต่ทั้งคู่ก็ได้แต่มองหน้านะครับ เพราะทหารกฏเรื่องความสามัคคีสำคัญมากตอนนี้เรื่องของผมกระฉ่อนซะ จนนัง กอ ที่ขายไม่ออกยังเขม่นแทบตาปลิ้น
แต่ผมกับพี่ลือก็ไม่เคยมีความ สัมพันธ์แบบนั้นสักที ผมไม่กล้าถามหรอกครับ เดี๋ยวเค้าหาว่าอยาก แต่คนที่พูดคือตัวเค้าเองครับ เค้าพูดว่า "พี่ไม่เคยมีอะไรกับใคร แม้แต่ช่วยตัวเอง" ผมมองหน้าอย่างไม่เชื่อหู เป็นไปได้มั้ยครับ ว่าผู้ชายหน้าตาดี อายุ 23 ปีแล้ว ยังไม่เคย...เลยสักครั้ง พี่ลือยืนยันด้วยสายตา และบรรดาเพื่อนสนิทของเค้าที่การันตีว่าจริง วีรกรรมหนีผู้หญิงที่ซ่องของพี่ลือยังโด่งดังในหมู่เพื่อนๆ ดังนั้นระหว่างผมกับเค้าเลยมีแค่การกอดและจูบเท่านั้น แค่นี้พ่อเจ้าประคุณของผมยังสั่นเลยครับ น่ารักจริงๆ
บทที่ 7 รอยแค้น
วัน นั้นที่โรงเรียนมีการจัดงานเลี้ยง นายทหารชั้นสัญญาบัตร รุ่นพี่ทุกคนถูกเกณฑ์ให้ไปรับรองแขก ส่วนรุ่นผมก็ต้องเข้านอนตามปกติ ราวๆ ตี 2 ที่นอนข้างๆผมยวบลง ผมรู้สึกตัวทันที พี่รบนั่นเอง ในความมืดพี่รบดูขรึมมาก ใบหน้าที่กระทบแสงไฟจากภายนอก เป็นสีชมพูอ่อนๆจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
"
พี่ขอโทษ พี่ทำผิดกับอั้มเอง" พี่รบเริ่มก่อนพร้อมกระเถิบตัวมาใกล้จนผมสัมผัสกลิ่นเหล้าได้ ผมกระเถิบหนีพี่รบมองหน้าทันที "ทำไมอั้ม โกรธพี่มากเหรอ"
"
ไม่หรอกพี่ผมไม่โกรธ แต่เรื่องเรามันน่าจะจบแล้ว" ผมพูดไปตรงๆ
"
เพราะไอ้ลือเหรอ อั้มทิ้งพี่ไปหามันใครก็รู้" พี่รบเริ่มเสียงดังขึ้น จนผมกลัวใครได้ยิน
"
ไม่ เกี่ยวหรอกครับพี่ ผมไม่ชอบนิสัยพี่มากกว่า " ผมตอบกลับไป พี่รบก้มหน้าลง แววตาเศร้าสร้อยจนผมแทบใจอ่อน "เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย" พี่รบขอร้องพร้อมชูนิ้วก้อยขึ้น ความรู้สึกผมตอนนั้นสงสารเค้ามาก แต่คงเพราะเหล้ามากกว่าที่ทำให้เค้ากล้า ในชีวิตผมไม่เคยโดนใครพูดแบบนี้สักที
"
ได้มั้ย พี่มีอั้มเหมือนเดิมได้มั้ย" พี่รบเว้าวอนทั้งเสียง และใบหน้า ผมเกือบแล้วที่จะพยักหน้ารับ หากไม่เพราะใบหน้าพี่ลือลอยเข้ามา จริงสิ ผมมีพี่ลือแล้ว
"
ขอโทษด้วยครับพี่รบ ผมชอบพี่ลือ พี่ลือไม่ผิดอะไร ผมทำไม่ได้"
ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ พี่รบเงยหน้าขวับขึ้นมา และขึ้นทาบทับบนตัวผม สองแขนพี่รบยึดที่ข้อมือผมกดลงบนที่นอน
"
มัน ผิด ผิดที่แย่งเราจากพี่ พี่มาก่อน" แววตาพี่รบน่ากลัวมาก น้ำเสียงบอกอย่างชัดเจนว่าเกลียดพี่ลือแค่ไหน ผมพยายามดิ้นแต่สู้แรงไม่ได้ ฉับพลันมีมือหนึ่งวางบนไหล่พี่รบและกระชากอย่างแรงจนพี่รบหน้าหงาย พี่ลือนั่นเอง แววตาที่มองพี่รบวาววับไม่แพ้กัน
"
มึงทำไรน้องวะ ไอ้รบ ให้เกียรติน้องมันหน่อยสิ" พี่รบหันมามองผมที่ยืนขึ้น แล้วชี้หน้าพี่ลือ
"
ถ้า อยู่นอกโรงเรียน มึงโดนแน่ไอ้ลือ" แล้วพี่รบก็เดินออกไป พี่ลือเดินมาหาผมมองอย่างห่วงใย ผมเล่าทุกอย่างให้พี่ลือฟัง พี่ลือดึงผมมากอด มันอบอุ่นมากเลยครับ ไม่เหมือนอ้อมกอดผุ้ชายทุกคนที่ผมพบ พี่ลือมีทั้งความอบอุ่น ความอาทร ในวินาทีนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกนี้
นับ แต่วันนั้น ระหว่างพี่รบและพี่ลือยิ่งดูตึงเครียดกว่าเดิม ผมเองหวั่นๆว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรแน่นอน แต่ไม่นึกว่าพี่รบจะกล้ามาทำแบบนี้....
ในวันนั้นพี่รบเข้ามาขอโทษ พี่ลือ และรับผิดทุกอย่างขอให้กลับมาเหมือนเดิม พี่ลือดีใจที่ไม่เสียเพื่อนก็ไม่ติดใจอะไร พี่รบจึงนัดให้พี่ลือไปหาที่หลังอาคารอันเป็นส่วนของห้องเก็บของ เพื่อฉลองพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนไปยังหันมาสัมทับว่า "ห้ามเบี้ยวนะโว้ย"
"
พี่อย่าไปเลยครับ พี่รบทำท่าแปลกๆ" ผมว่า พี่ลือหันมามองและขยี้ที่ศีรษะผมอย่างเอ็นดู "คิดมากเราน่ะ ลูกผู้ชายเค้าไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก" แต่ผมว่ามันแปลกจริงๆ แต่วันนั้นพี่ลือก็ไปที่นัดจนได้ ผมนอนรอที่เตียงเพราะพี่ลือว่าจะมาค้างด้วยเช่นเดิม
"
เสน่ห์แรงจริง นะเรา" เต๋อหันมาแซว เต๋อรู้เรื่องทุกอย่างเพราะผมไม่ปิด"รู้มั้ยอั้มน่ะเสน่ห์แรงกว่าผู้หญิงซะ อีก ถ้าไปติดคุกนะรับรอง" เต๋อทำเสียงล้อเลียน
"
เฮ้ย แกนี่มันยังไงวะจะแช่งให้เพื่อนคิดคุก" ผมพูดขำๆ "เต๋อ เราถามเต๋อนะ ผู้ชายที่รักผู้ชายมันมีจริงเหรอ" เต๋อทำหน้าครุ่นคิดชั่วครู่"มันแล้วแต่สถานที่นะ ถ้าในคุกที่เราอยู่มันก็ธรรมดานะ บางคู่ก็แต่งงาน แต่ข้างนอกเราไม่แน่ใจ" ผมเห็นด้วยกับเต๋อว่ามันแล้วแต่สถานะจริงๆ แล้วระหว่างผมกับพี่ลือล่ะ
เกือบ ตอนเช้า เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ารวม เพราะมีเรื่องด่วน ขณะนั้นพึ่งตี 4 กว่าๆเท่านั้นเอง ผมงัวเงียตื่นและลุกขึ้นตามคนอื่นไปข้างล่าง สิบเวรที่ดูแลเรายืนอยู่ตรงกลางใบหน้าเคร่งเครียดยิ่ง
"
ที่หมู่เป่า นกหวีด เพราะมีเรื่องด่วน คือรุ่นพี่เราทำผิดกฏที่มี ตอนนี้ถูกส่งเข้าที่ร้อยเรือนจำเรียบร้อย" เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที สิบเวรพูดต่อเหมือนรู้ว่าพวกเราอยากรู้ว่าใคร
"
นนส.ลือกิจ ได้ทำผิดฐานมึนเมา ดังนั้นต่อไปทุกคนดูเป็นเยี่ยงอย่างและอย่าทำตามเด็ดขาด" สิบเวรพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่ผมไม่ได้ยินหูมันอื้อไปหมด พี่ลือถูกจับขัง ผมรู้สึกแข้งขาอ่อนไปหมด เอ๋คงเห็นผมหน้าซีดรีบเดินเข้ามาประคอง
"
อั้ม ทนไว้ กลับไปห้องก่อน"
เอ๋ พาผมกลับห้องทันทีที่แถวเลิก ผมน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงหน้าพี่ลือ ยิ่งรู้รายละเอียดว่าพี่ลือถูกจับคนเดียว เพราะมีคนโทร.ไปฟ้องสิบเวร ภาพใบหน้าพี่รบลอยมาทันที ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ และทำไมพี่ลือโดนคนเดียว คนอื่นที่จะมาตามคำพี่รบหายไปไหนหมด มันต้องมีสาเหตุแน่ๆ และพี่รบต้องเกี่ยวข้องอย่างที่สุด
บทที่ 8 รอยประทับ
เกือบ 10 วันที่พี่ลือโดนขัง วันที่พี่ลือถูกปล่อยตัว ผมแทบจะถลาไปหาเมื่อเค้าเดินลงจากรถ แววตาพี่ลือหงอยเหงา แต่ยังหันมายิ้มให้ผม มันยิ่งทำให้ผมตื้นตัน ว่าขนาดผมมีส่วนเกี่ยวข้องให้เค้าเจอเรื่องไม่ดี เค้ายังไม่เคยพูด หรือโกรธเคือง เมื่ออยู่ด้วยกันผมกอดพี่ลือไว้แน่น หอมไปทั่วหน้าพี่ลืออย่างคิดถึง
"
อั้มถามจริงๆนะครับ วันนั้นเกิดเรื่องไรขึ้น"
"
พี่ ไม่อยากพูดถึงหรอกอั้ม พี่เสียใจที่เพื่อนมันทำเพื่อนได้" พี่ลือแววตาเศร้าลงอีก แล้วค่อยๆ เล่าเรื่องราวให้ฟัง วันนั้นเมื่อนัดกันและพี่ลือไป ก็มีเพื่อนราวๆ 5 คน รวมพี่รบรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนล้อมกันอยู่ในวงเหล้า พี่ลือไม่คิดอะไรก็ร่วมวงด้วย ไม่นานเพื่อนก็ทยอยออกไป อ้างไปห้องน้ำบ้าง ไปนอนบ้าง ไปซื้อน้ำแข็งบ้าง ในที่สุดก็เหลือแค่พี่รบกับพี่ลือ พี่รบไม่ค่อยดื่มนัก ส่วนพี่ลือดื่มเต็มที่ จนรู้สึกเคลิ้มและหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อทหารยามมาคุมตัวไว้ พี่ลือพยายามบอกว่ามีคนร่วมวงแต่ไม่มีประโยชน์ เพราะ คนที่เหลือเป็นพยานให้แก่กันและกันว่าแวะมาดูพี่ลือเท่านั้น
ผมฟัง แล้วทั้งเกลียด และแค้นพี่รบมาก ไม่ต้องสงสัยเลยมันชัวร์อยุ่แล้วว่าพี่รบทำแน่นอน โดยตอนนี้เจ้าตัวลากลับบ้าน คงไม่อยากเผชิญหน้าพี่ลือแน่
"
พี่คิดถึง ผมมั้ยครับ" ผมเงยหน้าถามพี่ลือ สายตาเราจ้องกันอยู่นาน พี่ลือยิ้มละมุนแล้วตอบเสียงแผ่ว "ที่สุดเลยรู้มั้ย" ผมก้มหน้าอย่างสะเทิ้นอาย พี่ลือคงตัดสินใจอยู่นานก่อนกระซิบที่หูของผมว่า
"
ไป หาพี่ที่ห้องซักรีดได้มั้ย" พูดเสร็จเจ้าตัวก็อายหน้าแดง ผมนึกขันแต่ก็พยักหน้ารับ คงถึงเวลาแล้วหล่ะครับที่ผมกับพี่ลือจะเป็นแฟนกันอย่างสมบูรณ์สักที
ห้อง ซักรีดที่ว่า เป็นห้องที่กว้างพอสมควรนะครับ ภายในมีเครื่องซักผ้ารวมทั้งกองผ้าที่ตั้งไว้ เตรียมแจกจ่ายให้ นนส. ผมไปถึงห้องราวๆ 3 ทุ่มครึ่ง ไม่มีคนอยู่ภายในเลย ผมปิดสวิชท์ไฟทุกดวง เปิดไว้แต่โคมดวงเล็กๆ เท่านั้น เปล่าสร้างบรรยากาศนะครับ แต่ยอมรับว่าเขินจริงๆ
เสียงเปิดประตูค่อยๆ กรีดร้องในความเงียบ ผมรีบลงไปนั่งที่มุมห้องมีกองผ้าพะเนินตั้งพอจะปิดบังเงาได้ พี่ลือเดินเข้ามาแผ่วเบา ใบหน้าตื่นเต้นจนเห็นชัด
"
พี่ลือครับ ทางนี้ครับ" ผมเรียกพี่ลือหันขวับมา แล้วเดินยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาเคลือบไว้ด้วยแววปรารถนา ผมยิ้มตอบใจดีสู้เสือ น่าแปลกนักที่ผมประหม่ากว่าทุกครั้งที่จะมีเซ็กส์กับใคร พี่ลือนั่งลงข้างผม แล้วโน้มไหล่ผมไปกอดแนบตัว ผมซบหน้าลงไปอย่างแสนรัก
"
ผมขอโทษที่ทำให้พี่ลำบาก"
ยังไม่ทันจบประโยค นิ้วเรียวยาวพี่ลือก็ปิดที่ริมฝีปากผม
"
ไม่ต้องพูดหรอกพี่เข้าใจ ไม่เคยเลยที่พี่จะโกรธเรา"
ผม ยิ้มแล้วค่อยๆพรมจูบนิ้วเรียวนั่น ไล่ขึ้นไปตามท่อนแขน แล้วไปหยุดลงที่ริมฝีปากพี่ลือ ร่างล่ำสันนั้นสะท้านเล็กน้อยแล้วก้มลงบดริมฝีปากกับผมแผ่วเบา แต่ร้อนรุ่ม มือผมลูบไปทั่วร่างพี่ลือ แล้วมาหยุดที่เป้ากางเกงกีฬาเนื้อเบา สิ่งที่อยู่ภายในทั้งตุงและร้อนแทบทะลัก ผมไล้คลึงปลายนิ้วอยู่ภายนอกท่อนล่างพี่ลือบิดไปมาอย่างเสียวสะท้าน ในขณะที่ริมฝีปากบดแน่นกับผม ลิ้นของเราพันกันไปมาจนแทบละลาย ผมไซร้ไปตามซอกคอ แล้วดึงเสื้อกีฬาขึ้น หัวนมพี่ลือแข็งเป็นไตสู้กับปลายลิ้นที่ผมทั้งรัด ทั้งขบ ผมไซร้ลงมาที่หน้าท้อง แล้วไปหยุดลงที่เจ้ามังกรน้อย พี่ลือหลับตาลงแต่เอื้อมมือมาจับเจ้าหนูของผมบ้าง ผมใช้ริมฝีปากดึงกางเกงบอลลงมาพร้อมกับกางเกงในสีขาว ท่อนเนื้อพี่ลือขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ส่วนหัวที่เยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ ยังสีชมพูสด ประกาศความบริสุทธิ์ของเจ้าของ ผมครอบปากลงไปแผ่วเบาตั้งใจที่สุดเท่าที่เคยทำมา ปลายลิ้นตวัดไปมาที่ส่วนบนเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากหยดน้ำนั่น มือข้างซ้ายผมไล้ไปมาที่ลูกบอล มือข้างขวาผมแหย่ลงไปที่ช่องสวรรค์ของพี่ลือ พี่ลือเองก็ถอดกางเกงผมจนได้และเอานิ้วมาบี้ไปมาที่หัวบานของผมจนมันเสียว ทรมานมาก ผมบิดร่อนไปมาและจัดการน้องชายพี่ลือในปากไปพร้อมกัน พี่เค้าคงสงสารเลยหยุดบี้และใช้มือชักขึ้นลงแทนผมมีความสุขที่สุดเลยครับ ใครที่เคยมีเซ็กส์กับคนที่เรารักจะรู้ว่ามันสุขแค่ไหน และผมจะตอบแทนพี่ลืออย่างที่สุดเลยครับ
ผมละออกจากมังกรน้อยนั่น พี่ลือหันมองอย่างสงสัย แต่พอเห็นผมควักเอากระปุกครีมทาผิวออกมา พี่เค้าก็ยิ้มที่มุมปาก "พี่ยังไม่เคยนะครับอั้ม ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง" ผมยิ้มตอบและค่อยๆทาครีมลงบนส่วนหัวของพี่ลือ และที่ประตูหลังของผม พี่ลือเอนหลังนอนลงไปหลับตาพริ้ม ผมจัดการทั่งลงทับลงไปช้าๆ ความเสียดแน่นเริ่มขึ้น และความเจ็บปวดก็ค่อยตามมา พี่ลือเองก็คงเจ็บไม่น้อย แต่เราต่างอดทน ในที่สุดร่างผมกับพี่ลือก็เหมือนผสานเป็นหนึ่งเดียว
"
สุดยอดเลยอั้ม พี่มีความสุขจังครับ" พี่ลือบอกพร้อมกับกระเด้งบั้นเอวช้า ๆ ตอนนี้ผมถูกดันให้ลงมานอนที่พื้นแล้ว ความเสียวซ่านเริ่มประดังเข้ามา พี่ลือร้องซีดตลอดอย่างสมใจ ผมเองยังอดครางไม่ได้ ทุกครั้งที่พี่ลือ ร่อนส่ายบั้นเอวไปมา ผมเอื้อมมือจะช่วยตัวเอง พี่ลือปัดมือออก และทำให้แถมยังก้มตัวมาดูดหัวนมผมอีก นานพอสมควรครับ ผมหลั่งใส่มือพี่ลืออย่างสุดกลั้น พร้อมๆกับที่พี่ลือปล่อยทุกหยาดหยดลงในตัวผม
รอยยิ้มของพี่ลือในวัน นั้น บ่งบอกความสุขมากแค่ไหน รอยยิ้มที่เหมือนจะบอกผมว่า จะไม่จากผมไป ผมคิดทั้งๆที่รู้ว่าความจริงกับความฝันบางครั้งสวนทางกันอย่างที่สุด
บทที่ 9 ความจริงที่ต้องฟัง
ใน ที่สุดเทอมแรกก็ผ่านไป ความสัมพันธ์ผมกับพี่ลือยังสม่ำเสมอ พี่เค้าสัญญาเสมอว่า พักกลับบ้านเมื่อไหร่ เค้าจะพาผมไปบ้านเค้าที่จังหวัดแถบภาคอีสานตอนล่าง ค่อนข้างเป็นชนบทเล็กๆเพื่อให้รู้จักกับพ่อแม่ ส่วนปัญหาเรื่องนั้นพี่ลือบอกว่าไม่มีเพราะที่ต่างจังหวัด พ่อแม่มักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกชายคนโตมากนัก ผมยอมรับเลยครับว่าคาดหวังมากกับผู้ชายคนนี้
จนกระทั่งการปิดเริ่ม ขึ้น แผนการที่เราจะไปบ้านพี่ลือมีปัญหาเล็กน้อย คือพ่อแม่ผมเซอร์ไพรส์มารับที่นี่จากเดิมที่ผมต้องกลับเอง ผมเลยต้องใช้วิธีกลับบ้านก่อนและตามไปทีหลัง พี่ลือเข้าใจและบอกว่าจะรอ
3
วันถัดมาผมนั่งรถไปที่บ้านพี่ลือ ตามแผนที่และวิธีการที่พี่ลือบอก ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้น พื้นที่ไม่กว้างมาก มีคอกวัวควายตามแบบบ้านชนบททั่วไป
"
มาหาใครน่ะ" เสียงผู้หญิงวัยกลางคนดังทักทาย
"
หาพี่ลือกิจครับ" ผมพนมมือไหว้ คนนี้ไม่น่าจะใช่แม่พี่ลือเพราะพี่ลือบอกแม่แก่แล้ว
"
มางานเหรอ ไอ้ลือกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่าอยู่บ้านงาน เดี๋ยวพาไป" แกตอบกลับเสียงเหน่อตามภาษาถิ่น
"
งานอะไรครับ" ผมสงสัยเพราะพี่ลือไม่บอกเลย
"
งานขอสมาลาโทษ กับงานแต่งน่ะ อ้าวนี่บ่ฮู้เรื่องเหรอ"
แก พูดเสียงซื่อๆ ผมสิครับ ตะลึงงันอย่างคาดไม่ถึง "ก็ไอ้ลือมันพาลูกสาวเค้าไปนอนนำ พ่อแม่เขาเอาเรื่องเลยให้ไปขอสมากับจัดงานแต่งเลย" ผมฟังไม่ออกทุกคำแต่ถอดใจความได้แค่นี้ แต่ก็พอแล้วล่ะครับกับความรู้สึกมืดมนที่ผมได้รับในวันนั้น
ไปถึงงานก็เจอเพื่อนสนิทของพี่ลือ ทำให้ได้รับฟังรายละเอียดเพิ่มขึ้น
"
ไอ้ ลือกิจมันพลาด มันกินเหล้าหนักวันที่กลับมา แล้วเด็กผู้หญิงมันชอบไอ้ลืออยู่แล้ว เลยยั่วจนมันหลง พอได้กันไอ้ลือมันคงติดใจเลยพาหนีไปที่อื่น เค้าพึ่งตามกลับมาได้วันนี้ เลยต้องขอขมาลาโทษและจัดงานซะ อั้มน้องต้องเข้าใจนะลือกิจมันไม่เคยได้ผู้หญิงมาก่อน พอมันได้มันเลยหลง อย่าโกรธนะพี่นะถ้าพี่จะว่ายังไงผู้ชายมันก็ต้องชอบเอาผู้หญิงกว่าอยู่แล้ว อย่าคิดมากนะ แต่มันก็ชอบอั้มมาก มันยังบอกพี่เลยว่าน้องเป็นคนแรกของมัน"
จาก วันนั้นถึงทุกวันนี้ คำพูดและทุกเรื่องยังตรึงอยู่ในความทรงจำของผม เหมือนที่ผมเคยบอกไงครับว่าความจริง ความฝันไม่ได้ไปด้วยกันเสมอ พวกเราสิครับต้องยอมรับตามกฏเกณฑ์ธรรมชาติ ทุกวันนี้ผมยังไม่เกลียดหรือกลัวความรัก แต่ผมพยายามจะออกแบบมันให้ได้อย่างที่มันน่าจะเป็น แม้บางครั้งรักจะออกแบบไม่ได้ก็ตามเถอะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น