วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าคาวน้ำกาม 6

ผมตื่นนอนในอ้อมแขนของป้อง มันช่างเป็นการตื่นนอนรับวันใหม่ที่แสนจะสดชื่นกระปรี่ประเปร่าอะไรเช่นนี้ ส่วนป้องยังคงมีความสุขกับการนอนต่อไป ผมจ้องมองดูใบหน้าที่หล่อเท่ห์+เซอร์ของป้อง พร้อมกับใช้นิ้วมือค่อยๆลูบบริเวณคิ้วที่ดกหนาทั้งสองข้าง ข้ามมายังสันจมูก
"
ตื่นนานแล้วเหรอ?" ป้องมองดูผม
"
ก่อนหน้านายไม่กี่นาทีเอง" ผมวางมือออกจากจมูกของป้อง
"
เช้านี้นายไม่มีเรียน?" ป้องหันหน้าไปมองดูนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง
"
มีเรียน 2 ตัว แต่โดด เป็นวิชาเรียนรวมหลายๆคณะ ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน อาจารย์ไม่เคยเช็คชื่อ เพราะคนเรียนเยอะมากๆ แค่ขอยืมแล็กเชอร์เพื่อนมาจดทีหลังก็ได้ แล้วนายละ มีเรียนกี่โมง?" ผมถามกลับไป
"8
โมงเช้า นี่มันปาเข้าไปตั้งเกือบ 10 โมง เลยเวลาไปตั้งนานแล้ว ส่วนอีก 2 ตัวนั้น เรียนตอนเที่ยงกับบ่าย 3 โมง เราก็คงโดดเหมือนกัน ไม่มีอารมณ์เข้าเรียน รบกวนขอใช้โทรศัพท์หน่อยได้ไหม? จะโทรไปหาเพื่อนที่ห้อง ให้มันช่วยเซ็นชื่อให้ ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังอยู่ที่ห้องหรือเปล่า?"
"
ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ" ผมเอาแขนทั้งสองข้างสวมกอดที่ลำตัวของป้อง
ขณะที่ป้องกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่นั้น หูของผมก็บังเอิญไปได้ยินประโยคหนึ่งที่หลุดออกมาจากปากของป้อง
"
ตอนนี้กูอยู่กับเด็กของกู เมื่อคืนหนักไปหน่อย ......... บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ ....... "
เมื่อป้องคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมพูดขึ้นมาว่า....
"
เมื่อกี้นี้เราแอบได้ยินนายบอกเพื่อนนาย ใครเป็นเด็กนายหรือ?" ผมแกล้งถามไปอย่างนั้น
"
ตอนนี้เรานอนอยู่กับใครก็คนนั้นแหละ สงสัยนายคงไม่อยากเป็นเด็กเราเท่าไหร่ หรือว่าอยากเป็นเมียเรา? ถึงทางนิตนัยจะไม่ใช่ แต่ทางพฤตินัยนี่ ใช่เลยทุกประการ" ป้องทำหน้าตาทะเล้นใส่ผม
"
เวลานายทำหน้าแบบนี้ นายดูน่ารักและดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก มาดแนวเซอร์ๆของนายหายไปหมดเลย เห็นแล้วใจของเราแทบจะละลาย" ผมแอบเขินอยู่ในใจคนเดียว
"
ไม่พูดไม่จา ทำเป็นเขินเชียวนะ ดูทำหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก" ป้องแซวผม จนผมอายม้วน หน้าแดงชนิดที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงคนอย่างป้องจะขี้เล่นถึงขนาดนี้ ตอนแรกผมคิดว่าคนมาดขรึมเซอร์ๆอาร์ตๆติสๆอย่างป้องจะมีเพียงคาแรกเตอร์เดียว เท่านั้น
"
บ้า.... พูดอะไรก็ไม่รู้" ผมผละแขนทั้งสองข้างออกจากลำตัวของป้อง พร้อมกับพลิกตัวนอนหันหลังให้ป้อง เหมือนคนที่มีอาการงอนนิดๆ (ก็มันเขินจนทำอะไรไม่ถูกนี่ครับ ก็ต้องถอยออกมาตั้งหลักกันบ้าง)
"
ดูซิ พูดแค่นี้ถึงกับหันก้นให้เราทันทีนะ ช่างเป็นเมียที่ดีมาก นี่แหละคือหน้าที่สำคัญที่สุดของเมีย" ป้องใช้มือตีก้นผมอย่างเบาๆ
ผมยังคงนิ่งอยู่เฉยๆไม่พูดจาโต้ตอบอะไร (ก็มันทั้งเขินทั้งอายนี่ครับ จะให้ทำอย่างไร?)
"
ยังงอนอีกเหรอ ช่วยทำหน้าที่เมียที่ดีหน่อยครับ ขอร้องละครับ ตอนนี้เราอยากจะทำหน้าที่ผัวที่ดีบ้าง" ป้องหันข้างมากอดผมพร้อมกับใช้ท่อนเอ็นตรงเป้ากางเกงที่กำลังพองตัวขึ้นมา อย่างทีละนิดๆ มาสีแนบที่ก้นของผม ส่วนแขนก็เลื้อยลอดเข้าไปภายในเสื้อของผม
มือของป้องนั้นทั้งลูบและเขี่ยตรงหัวนมของผม ป้องใช้ริมฝีปากจูบและไซร้ที่ซอกคอของผม เวลานี้ผมรู้สึกอ่อนปวกเปียกไปหมด
"
ตั้ง 2 ยก แล้วยังไม่เต็มอิ่มอีกเหรอ? จะยกที่ 3 แล้วนะ" ผมพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี
"
เห็นหน้านายแล้ว ค_ยมันแข็ง ทำไงได้" ป้องพูดสวนกลับ พร้อมกับใช้มือถลกกางเกงของผมออกจนหมด
เราทั้งสองอยู่ในสภาพล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ ผมเลื่อนตัวลงมาที่ท่อนเอ็นที่แข็งตัวป้อง พร้อมกับใช้มือรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ
ผมกำลังจะอ้าปากถวายบัวให้ป้อง แต่ก็ต้องหยุดการกระทำอย่างกระทันหัน.......
"
ทำไมกลิ่นมันเหม็นเปรี้ยวแบบนี้ ล้างบ้างหรือเปล่านี่?" ผมพูดเล่นหยอกล้อฝ่ายตรงข้าม (เข้าใจมีอารมณ์ขันจริงๆนะตรู)
"
เฮ้ย....!!! จะบ้าเหรอ? มุขของนายตลกฝืดโคตร เราพยายามหัวเราะแล้ว แต่มันไม่ขำจริงๆ ที่ค_ยเรามันเหม็นแบบนี้ ใครเป็นคนอมละ? ต้องเหม็นน้ำลายคนนั้นแน่ๆ อีกอย่างค_ยเราเข้าๆออกๆอยู่ในตูดของใครนะ?" ป้องเล่นมุขสวนกลับอย่างแสบๆคันๆ จนผมไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร (กะจะกัดเขา แต่ดันโดนเขาตอกกลับมาจนหน้าแหกเลยตรู)
"
เรามันน่ารังเกียจนี่" ผมทำเป็นแกล้งงอน
"
โอ๋.... ขวัญเอ๊ย ขวัญมา ผมจะไม่จิกกัดอีกต่อไป ช่วยดูดค_ยให้ผมหน่อยนะครับ ขอร้องนะครับ" ป้องทำท่าอ้อน
"
อืม... ก็ได้" ผมตอบรับอย่างหน้าตาเป็น
"
เวลานายงอนแล้วน่ารักดี น่ารักมีเสน่ห์กว่าผู้หญิงเวลางอนซะอีก" ป้องใช้ริมฝีปากงับติ่งหูของผม
ผมก้มลงถวายบัวให้ป้องต่อ
"
อู๊ย.... อู๊ย..... ตรงนั้นแหละ ดูดเข้าไป โคตรเสียวเลย" ป้องบอกให้ผมกระหน่ำดูดตรงบริเวณหัวกระดอที่เปิดบานเป็นดอกเห็ด
ผมดูดหัวกระดอของป้องได้ซักพัก ป้องก็ใช้มาลูบๆวนๆบริเวณก้นของผม ซึ่งพอจะเป็นสัญญาณบอกให้ผมรู้ว่า ป้องพร้อมที่จะเอากระดอยัดใส่รูดากของผมแล้ว
หลังจากทาเจลหล่อลื่นเรียบร้อย ป้องจัดการทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นั่นก็คือ ค่อยๆเอาท่อนเอ็นยัดเข้าไปในรูดากของผมจนมิดลำ
ป้องกระเด้าเป็นจังหวะที่รับประสานแรงโยกส่ายไปมาของสะโพกผม เวลานี้ผมเสียวอย่างล้นพ้นจนเกินบรรยายจริงๆ นอกจากจะเสียวจากท่อนเอ็นของป้องที่กระเด้าเข้าๆออกๆรูดากของผมแล้ว ผมยังเสียวยกกำลังสองจากมือของป้องที่สาวว่าวให้ผมอย่างส่งรับจังหวะเสียว ได้ลงตัว
"
นายเย็ดโคตรเก่ง เราเสียวสุดๆ นี่ใกล้จะแตกแล้ว" ผมครางออกมา เพราะเริ่มเสียวและเกร็งบริเวณท้องน้อยมาก
"
เราใกล้จะแตกเหมือนกัน" ป้องเริ่มซอยถี่รัวเร่งจังหวะมากขึ้น จนกระทั่งร้องเสียงหลงออกมา (ซึ่งแน่นอนว่า ป้องน้ำแตกเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งผมยังรู้สึกอุ่นๆเหนียวๆข้างในรูดาก)
แท่งตอปิโดของผมได้พ่นพิษเป็นน้ำสีขาวขุ่นหนืดๆออกมาจนหมดเกลี้ยง
รวมยอดแล้ว ผมโดนป้องถล่มประตูไป 3 ประตู ต่อ 0 (กลายเป็นเมียของป้องตามพฤตินัยอย่างไร้ข้อครหา)
หลังปฎิบัติกิจกามเสร็จสิ้นแล้ว ผมกับป้องเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน จากนั้นก็แต่งตัวและออกไปกินอาหารเที่ยง ผมนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ของป้อง โดยป้องอาสาพาผมไปกินเย็นตาโฟร้านเจ้าประจำ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านขายยาคณะเภสัชฯ
ร้านเย็นตาโฟเจ้านี้โด่งดังมากๆ เรียกได้ว่า คนเชียงใหม่ส่วนใหญ่รู้จักร้านเย็นตาโฟเจ้านี้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ผมถึงกับตกใจและอึ้งกิมกี่...
"
ตอนเช้าไม่ไปเรียน ที่แท้มีนัดนี่เอง" นพทักทายผม
"
พูดเรื่องอะไร? ตื่นสายต่างหากถึงไม่ได้ไปเรียน" ผมพูดกับนพ โดยพยายามไม่สบตาหรือมองหน้าพี่ต่อซึ่งนั่งอยู่ด้วยกับนพ
"
เกือบลืมไป นพ นี่... ป้อง คณะวิจิตรฯ ป้อง นี่... นพ อยู่สาขาวิชาเดียวกับเรา" ผมแนะนำให้นพกับป้องรู้จักกัน โดยที่ไม่สนใจที่จะแนะนำให้ป้องรู้จักกับพี่ต่อเลย
"
อ้าว... นึกว่าใคร ที่แท้ก็ พี่ต่อ นั่นเอง ไม่ได้เจอกันโคตรนานนะพี่ ตั้งแต่เทอมก่อนโน่น" ป้องพูดทักทายกับพี่ต่ออย่างกับคนรู้จักกันมานาน
"
รู้จักกันด้วยเหรอ?" ผมถามป้องอย่างงงๆเหมือนไก่ตาแตก (ทำไมเรื่องมันถึงได้เริ่มผูกปมขมวดแบบนี้ว่ะ มึนเลยตรู ถ้าเกิดว่าสองคนนี้รู้จักคุ้นเคยและสนิทกันมาก แล้วตรูจะทำอย่างไรดี งานนี้ตรูโดนแฉแน่ๆ)
"
รู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว พี่ต่อเป็นพี่โรงเรียนของเราเอง เรามาจากโรงเรียนเดียวกัน" ป้องบอกผมถึงที่มาที่ไป คำตอบของป้องทำเอาผมแทบจะหงายหลังทันที
ทำไมตรูไม่รู้เลยว่า ทั้งสองคนนี้มาจากโรงเรียนเดียวกัน !!!!!! เพราะตรูไม่ได้ถามป้องนี่ว่า จบโรงเรียนอะไร !!!!!! รู้แค่ว่า ป้องเป็นคนกรุงเทพแค่นั้นเอง ช่างรอบคอบจริงๆเลยตรู ขอประชดตัวเองซักหน่อย
พี่ต่อส่งยิ้มให้ผม รอยยิ้มของพี่ต่อมันช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชัยชนะเหนือคู่ต่อสู้จริงๆ
"
คงไม่ว่านะ ถ้าฉันกับป้องจะขอตัวไปนั่งที่โต๊ะโน่น คือ ฉันรู้ว่าแกกับพี่เขาอยากใช้เวลาส่วนตัวกันสองต่อสอง" ผมหันหน้าไปพูดกับนพ
"
น่าเกลียดมาก กลัวจะขัดคอฉันกับพี่ต่อ หรือกลัวว่า ฉันกับพี่ต่อ จะขัดคอแกกับป้อง? นั่งด้วยกันนี่แหละ จะได้คุยกันให้จุใจซักหน่อย มีเรื่องจะเม้าท์ให้ฟังตั้งหลายเรื่อง" นพพยายามดึงแขนผมให้นั่งลง
"
นั่งด้วยกันนะป้อง พี่มีเรื่องจะคุยกับเอ็ง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดูซูบๆไป ยังไงเอ็งอย่าหักโหมให้มาก เมื่อวันจันทร์พี่ก็เจอเอ็งกับกันต์นั่งอยู่ด้วยกันที่โรงอาหารคณะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้เข้าไปทักทาย เผอิญรีบไปเรียน" พี่ต่อมองหน้าผม สายตาของพี่ต่อเหมือนพยายามจะสื่อนัยอะไรบางอย่าง
"
เสน่ห์แรงจริงๆนะ ไปหามาจากที่ไหนจ๊ะ หน้าตาหล่อเท่ห์สุดๆ มิน่าละ ได้น้ำดีนี่เอง หน้าตาแกถึงได้สดใสเปล่งปลั่งเช่นนี้" นพกระซิบกระซาบผม พร้อมกับเหล่ตามองไปที่ป้อง ส่วนป้องนั้นก็ทำหน้าเขินๆเกร็งๆนิดๆ จากนั้นจึงคุยกับพี่ต่อเรื่องสัพเพเหระต่างๆ
หลังจากอิ่มหนำสำราญจากการกินเย็นตาโฟเสร็จเรียบร้อย พวกเราทั้ง 4 คนได้แยกกันไปคนละทาง โดยพี่ต่อไปกับนพ ส่วนผมไปกับป้อง
ป้องขี่มอเตอร์ไซด์มาส่งผมที่หน้าคอนโด เมื่อจอดมอเตอร์ไซด์เรียบร้อยแล้ว ป้องพูดขึ้นมาว่า "ทำไมตอนอยู่ในร้านเย็นตาโฟ นายไม่คุยกับพี่ต่อเลย มีอะไรกันหรือเปล่า?" พอพูดจบ ป้องทำหน้าสงสัย
"
ไม่มีอะไรมากหรอก เราแค่หมั่นใส้ ไม่ถูกชะตากับไอ้พี่ต่อ คนอะไรขี้เก๊ก หลงตัวเอง เราไม่กินเส้นกับเขามาตั้งแต่ตอนเราอยู่ปี 1 แล้ว" ผมสร้างประเด็นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ (สตอเบอร์รี่จริงๆเลยตรู)
"
เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง นายไม่ต้องไปสนใจอะไรมากหรอก พี่เขามีบุคลิกภาพแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ถ้าได้คุยได้รู้จักแล้ว พี่เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะ" ป้องแสดงความคิดเห็น
ผมกับป้องเดินเข้าไปในตัวตึก ในขณะที่กำลังเดินเข้าประตูใหญ่นั้น......
"
แต่งตัวซะหล่อ ออกไปไหนมา? วันนี้ไม่มีเรียนหรือ?" บอลยิ้มทักทายผม
"
มีแต่โดด ขี้เกียจไปเรียน เราเพิ่งออกไปกินข้าวมา แล้วนายละ? กำลังจะออกไปเรียนเหรอ? ดูหน้าตาและทรงผมเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ" ผมมองดูบอลในชุดนักศึกษาที่ใหม่เอี่ยมอ่องอรทัย
"
ใช่ เราต้องรีบไปแล้วละ เดี๋ยวเข้าห้องเรียนสาย อาจารย์ยิ่งโหดๆอยู่ด้วย เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่" พอพูดจบ บอลรีบวิ่งไปสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ทันที
"
ตามองตา สายตามาจ้องมองกันรู้สึกเสียวซ่านหัวใจ" ป้องร้องเพลงพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่ผม
ผมแกล้งทำหน้าเบ้ให้กับฝ่ายตรงข้าม
"
เสน่ห์แรงจริงๆ เมียเรา เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ ต้องรีบไปเรียน " ป้องยังคงตั้งหน้าตั้งตาแซวผมอย่างต่อเนื่อง
"
บ้า.... สงสัยนายคงจะเมาเย็นตาโฟ ถึงได้ไร้สติขนาดนี้" ผมค้อนใส่ป้อง
"
แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ เด็กปีหนึ่งซะด้วย คิดแอบคบชู้ใช่ไหมนี่? ตอนคุยกันเห็นจ้องมองทำตาหวานใส่กันปานจะกลืนกิน" ป้องยังไม่เลิกแซวผม
"
ถ้าเกิดเขาคิดแบบนั้นกับเราจริงๆขึ้นมาละก็ ป่านนี้นายคงไม่ได้มายืนกัดจิกเราหน้าสลอน และประกาศตัวเป็นผัวเราให้เอิกเกริกแบบนี้หรอก" ผมพูดประชดป้อง และทำหน้างอนใส่แต่พองาม
"
ในที่สุดนายก็ยอมรับแล้วใช่ไหมว่า เราเป็นผัวนาย และนายก็เป็นเมียเรา" ป้องยิ้มเยาะผมอย่างสะใจ
"
ทะลึ่ง เล่นอะไรก็ไม่รู้ เลิกเล่นได้แล้ว" ผมเหนียมอายจนพูดอะไรไม่ออก
ผมกำลังไขกุญแจลูกบิดเพื่อเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเคืองๆเหมือนมีอะไรนุ่มๆเบาๆมาโดนที่แก้ม พอเหลือบตาดู ถึงได้รู้ว่าถูกป้องขโมยหอมแก้มอย่างไม่รู้ตัว ผมรู้สึกสั่นสะท้านและเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
"
ตกลงจะเข้าห้องไหม? หรือว่าจะยืนที่หน้าประตูอยู่อย่างนี้?" ป้องเอ่ยถามผม
เมื่อเข้าห้องปิดประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"
กันต์... เราชอบนายนะ เราไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน เราอยากจะอยู่ใกล้นายตลอดเวลา" ป้องโอบกอดผม
ผมยืนตัวเกร็ง โดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร เพราะรู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่น่ายินดีปรีดาก็ตาม
"
เฮ้ย.... ว่าไง.... นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูเงียบๆไม่พูดไม่จา" ป้องถามผมด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล
"
เราไม่เป็นอะไร ขอบใจมากนะ คือว่า รู้สึกตกใจนิดหน่อย แบบตกใจในทางที่ดี เราก็รู้สึกแบบเดียวกับที่นายรู้สึกกับเรา แต่..... " ผมบอกความรู้สึกของตัวเองกับป้อง
"
แต่.. อะไร?" ป้องถามด้วยความอยากรู้
"
เราบอกตามตรงนะ เรากับนายก็เพิ่งจะเจอกัน เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ เรายังไม่รู้จักนิสัยและตัวตนที่แท้จริงของนายมากพอ และนายเองก็ยังไม่รู้จักนิสัยและตัวตนที่แท้จริงของเราด้วย บางทีเราอาจจะไม่ชอบนิสัยหรือตัวตนบางอย่างบางจุดของกันและกันก็ได้"
ป้องนั่งฟังผมอย่างตั้งใจ
ผมพูดต่อไปว่า "เอาอย่างนี้ไหม? ตอนนี้เรายังไม่ต้องคิดอะไรเลยเถิดไปไกลมากขนาดนั้น คบกันเอากันไปเรื่อยๆ สนุกกันไปตามเรื่องตามราวก่อน พอผ่านไปนานเข้า ถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราค่อยมาพูดกันใหม่ว่า จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์จากคู่ขา คู่นอน คู่เย็ด มาเป็น คู่รัก หรือไม่?"
"
พูดเข้าท่าดีนะ เราเห็นด้วยกับความคิดของนาย ฉลาดสมกับเป็นเมียเราจริงๆ" ป้องพูดสนับสนุนปนติดตลกนิด
"
อะ แฮ่มๆๆๆๆๆ" เราไอกระแอมนิดๆ
"
ขอเสริมอีกนิดหนึ่ง ลืมไปว่า ตอนนี้ถ้าเกิด นายเป็นแฟนเราจริงๆ เราอาจจะยังไม่พร้อมรับมือต่อกลอน เพราะนายตัวอันตรายมากๆ" ป้องพูดแทรกขึ้นมา
"
อันตรายอย่างไร? ไม่เข้าใจ?" ผมทำสีหน้างงๆ
"
อันตรายตรงที่ นายเป็นคนหน้าตาดีมาก ใครเห็นใครก็ชอบและอยากได้นายกันทั้งนั้น เราไม่อยากวิตกกังวลคิดมากกลัวว่า จะมีคนมาจีบนายเยอะมาก มาแย่งนาย หรือนายจะเจอคนที่หล่อที่ดีมากกว่าเรา แล้วทิ้งเราไป" ป้องอธิบายเหตุผล
"
อะไรจะคิดมากคิดลึกขนาดนั้น พ่อคุณ!!!!!! เราซะอีกที่จะต้องเป็นฝ่ายคิดมากกว่า หน้าตาอย่างนาย จัดได้ว่าหล่อเป็นที่ต้องการของตลาดสุดๆ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ทั้งเซอร์ ที่สำคัญ แฟชั่นหนุ่มผมยาวกำลังมาแรงซะด้วย เรากลัวว่า จะมีคนมารุมจีบนายเยอะมากๆ แต่ละคนนอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่ดีเพียบพร้อมกว่าเรามาก" ผมพูดโต้ตอบ
ป้องยิ้มพร้อมกับกอดผมไว้กับตัวอย่างแนบแน่ สำหรับผมแล้ว มันช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นและน่าประทับใจอะไรเช่นนี้ (ความรู้สึกแตกต่างจากอ้อมกอดที่เกิดจากอารมณ์ใคร่อย่างสิ้นเชิง)
"
ให้มันได้อย่างนี้ซิจ๊ะ... เมียจ๋า.. ผัวคนนี้จะเย็ดให้เสียวรูตูดชนิดไม่ขาดตกบกพร่องทีเดียว" ป้องพูดจาเล่นลิ้นเพื่อสร้างบรรยากาศให้คึกคัก
ผมส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
"
คืนวันเสาร์เรามาหานาย และมาค้างกับนายอีกได้ไหม?" ป้องถามผม
"
ไม่บอกนายคงจะรู้คำตอบของเราแล้วนะ" ผมพูดอย่างเอียงอาย
ป้องสบตาผมพร้อมกับจูบลงบนหน้าผาก ตอนนี้ผมรู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกพิเศษสุดๆ ไม่บอกก็คงจะรู้ว่า มันมีคุณค่าทางจิตใจมากแค่ไหน
"
ดีเหมือนกัน วันอาทิตย์นี้เราจะได้ขับรถพานายไปเที่ยวตลาดทุ่งเกวียนและลำปางด้วย เรากะว่าจะไปเที่ยวตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสซักที" ผมพูดขึ้นมา
ป้องไม่พูดไม่จา ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้น
"
ป้อง... มองออกไปตรงข้างนอกระเบียงซิ วิวสวยมาก" ผมชี้มือไปตรงระเบียง
ป้องหันหน้าไปตรงระเบียงอย่างรวดเร็ว ในจังหวะนี้ ผมเลยถือโอกาสขโมยจูบตรงที่แก้มของป้องไป 1 ฟอดใหญ่
ป้องหันกลับมามองผม ด้วยสีหน้าที่อายๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของป้องมันทำให้โลกใบเล็กๆของผมสดใสขึ้นในบัดดล
เช้าวันศุกร์ ผมกำลังนั่งกินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่โรงอาหารคณะ
"
นั่งด้วยคนนะ" เสียงคนพูดดังขึ้นมา
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงเท่านั้น ใบหน้าของผมถึงกับเปลี่ยนสีทันที
"
อยากนั่งก็นั่งซิ ไม่ได้ห้ามนิ ม้านั่งสาธารณะ ไม่ใช่ของผม ไม่จำเป็นต้องขออนุญาติก็ได้" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา (นึกว่าใครที่แท้พี่ต่อนี่เอง แค่เห็นหน้า ผมก็หมดอารมณ์กินข้าวทันที)
พี่ต่อโน้มตัวนั่งลง "ตกลงกันต์จะไม่พูดกับพี่ดีๆเลยใช่ไหม? พี่ถามจริงเหอะ ที่กันต์แสดงออกแบบนี้กับพี่ กันต์หึงพี่ใช่ไหม?"
"
พี่พูดอะไรของพี่? พูดจาแบบนี้ เหมือนพี่กำลังดูถูกผมอยู่นะ พี่พูดอย่างกับผมพิศวาสพี่มากมายอย่างนั้น ผมว่าตอนนี้พี่น่าจะรีบวิ่งไปส่องกระจกในห้องน้ำดูหน้าตาตัวเอง ก่อนจะมาทึกทักว่า ผมแอบชอบและหึงหวงพี่ โอเค ที่ผ่านมา ผมอาจจะเคยหน้ามืดตามัวเผลอตัวมีอะไรกับพี่หลายครั้ง แต่มันเป็นเพียงแค่ความกำหนัดเท่านั้น " ผมพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง มันยากที่จะอธิบายอารมณ์ในเวลานั้นจริงๆ ( ไม่รู้ซิ บอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะว่า พี่ต่อเป็นแฟนกับนพ และนพเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม ผมไม่อยากให้นพรู้เรื่องที่ผ่านมาระหว่างผมกับพี่ต่อ กลัวว่านพจะไม่สบายใจ สำหรับผมแล้ว การอยู่ห่างๆพี่ต่อไว้เป็นดีที่สุด)
"
พี่ถามแค่นี้ ทำไมกันต์ต้องแสดงท่าทีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วย ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบซิ ไม่เห็นต้องทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจ" พี่ต่อทำหน้าตาไม่สะทกสะท้านใดๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (การตีสีหน้าแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมโมโหหนักกว่าเดิม)
"
อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลย ผมขอตัวก่อนนะ กินข้าวไม่ลง ขืนนั่งอยู่ในโรงอาหารก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ตั้งแต่นี้ต่อไป เวลาเจอกันให้ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน จะดีที่สุด" พอพูดจบผมถือจานข้าวพร้อมสมุดหนังสือ เตรียมตัวลุกออกจากโต๊ะทันที
"
เออทำหยิ่งจองหอง ทำเก่งไป ที่พี่ยอมลดตัวลงมาพูดคุยกับพี่เอ็ง เพราะหวังดีและอยากจะเตือนเรื่อง ไอ้ป้อง เห็นเอ็งกับมันประกาศเป็นคู่ผัวตัวเมียต่อหน้าผู้คนอย่างเอิกเกริก ไอ้นี่มันเจ้าชู้ ขี้เอาจะตาย สมัยอยู่มัธยม แม่ง.. ผ่านมาไม่รู้กี่สังเวียนกี่สนามแล้ว พี่แค่อยากจะเตือนเอ็งก็เท่านั้น แต่ดูคำพูดที่เอ็งพูดซิ สุนัขไม่รับประทานจริงๆ " พี่ต่อพูดเสียงดังใส่ผม(ผมกำลังลุกออกไปจากโต๊ะ) จนบรรดาคนที่นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างๆ ต่างก็หันมามองผมกับพี่ต่อ ด้วยท่าทางที่อยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมเดินเอาจานข้าวไปวางในที่เก็บจานอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะออกโรงอาหาร ผมเดินลัดเลาะมายังโต๊ะที่พี่ต่อนั่ง พร้อมกับชูนิ้วกลางนิ้วเดียวใส่พี่ต่อ (ด้วยอารมณ์สับสนปนเม้งหน่อยๆ) จากนั้นผมรีบใส่เกียร์วิ่งสู้ฟัดออกจากโรงอาหารทันที (ขืนไม่วิ่ง มีหวังโดนพี่ต่อตื๊บคาโรงอาหารแน่ๆ แสบจริงๆเลยตรูนี่) ในใจลึกๆแล้ว ผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ไปยั่วโมโหและพูดจากวนบาทา พี่เขาก่อน
เย็นวันศุกร์
ผมมีนัดกับน้องก้อง (น้องรหัสสุดหล่อของผม) หลังจากเลิกเรียนแล้ว ผมรีบกลับไปอาบน้ำอาบท่าและแต่งตัว (แฟชั่นจะต้องเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่า เสื้อผ้า หน้า ผม ต้องดูดีมีสไตล์ ไม่ได้แต่งไปอ่อยเหยื่อนะครับ แค่แต่งไปเช็คเรตติ้งเฉยๆ)
ผมขับรถมาถึงข้างหน้าหอชาย 5 ตามที่ได้นัดหมายกับน้องก้องไว้
"
รอนานไหมก้อง?" ผมเห็นน้องก้องมายืนรอข้างหน้าหอ ก่อนที่ผมจะมาถึง
"
ไม่นานครับ พี่กันต์แต่งตัวหล่อมากๆ วันนี้ผมขอควงพี่รหัสสุดหล่อซักวัน" น้องก้องส่งยิ้มที่หวานหยาดเยิ้มให้ผม
"
เราก็แต่งตัวหล่อไม่เบาเหมือนกันนะ รีบๆขึ้นรถเร็ว พี่ไม่อยากจอดขวางทางเข้านาน" ผมพูดก้มหน้าก้มตา โดยพยายามไม่มองหน้าน้องก้อง เนื่องจากเขินต่อสายของน้องก้องที่จ้องมองผม
"
เขินผมหรือครับ พี่กันต์ ????" น้องก้องจ้องหน้าผม เหมือนพยายามจับพิรุจ
"
ไม่มีอะไร บ้าไปใหญ่แล้วเรา ว่าแต่อยากกินอะไรละ? พี่จะได้พาไปถูกร้าน" ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลบเลี่ยงประเด็น
"
อะไรก็ได้ ผมกินได้หมด ถ้ากินกับพี่รหัสสุดหล่อ" น้องก้องใช้สายตาแทะโลมผม (แรงส์จริงๆ น้องรหัสตรู)
"
แน่ใจนะว่า กินอะไรได้หมด ถ้าอย่างนั้น พี่จะพาเราไปกินข้าวที่โรงอาหารใต้หอเรา ว่าไง? โอเค ไหม?" ผมพูดหยอกเย้า
"
พี่กันต์ช่างมีอารมณ์ขำจริงๆนะ ไม่เอาครับ พี่ถามผมว่า อยากจะกินอะไร ผมขอตอบว่า กินอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่กับข้าวในโรงอาหาร ร้านอาหารในมอ หน้ามอ หลังมอ หรือร้านอาหารในละแวกมอ อยากไปร้านที่อยู่ในเมือง หรือไม่ก็ไกลจากมอ นะครับพี่กันต์สุดหล่อ" น้องก้องอ้อนผม
ผมพาน้องก้องมากินข้าวที่ร้านอาหาร "ริเวอร์ไซด์" ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของเชียงใหม่
"
อยากกินอะไร สั่งได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" ผมบอกน้องก้อง
"
ขอบคุณครับพี่กันต์ พี่กันต์มาที่ร้านนี้บ่อยไหมครับ? ผมอยากรู้ว่า ร้านนี้อะไรอร่อย?" น้องก้องถามผม
"
แค่ครั้งเดียว เมื่อตอนอยู่ปี1 พี่รหัสของพี่ ก็พี่นา พาพี่มาเลี้ยงที่นี่ แต่เห็นหลายคนบอกว่า อาหารพวกยำ หรือไม่ก็ ต้มยำ ที่นี่อร่อยนะ" ผมแสดงความเห็น
ผมกับน้องก้องได้สั่งอาหารมาคนละ 2 อย่าง น้องก้องสั่ง แกงส้มปลาช่อน และผัดคะน้าหมูกรอบ ส่วนผมสั่งยำทะเลรวมมิตร และไก่ผัดพริกเผา โดยมีส้มตำปู และหอยจ้อทอด เป็นเครื่องเคียง
"
พี่กันต์ต้องชอบกินอาหารรสจัดแน่ๆ ดูสั่งแต่ละอย่าง" น้องก้องมองดูอาหารบนโต๊ะ
"
ใช่แล้ว พี่ชอบกินอาหารรสจัด ยิ่งเผ็ดยิ่งชอบ แล้วก้องกินเผ็ดได้ไหม?"
"
พอได้ครับ แต่ต้องไม่เผ็ดมากนะ เห็นเขาว่าคนที่ชอบกินเผ็ดนี่เซ็กส์จัด ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?" น้องก้องจ้องหน้าผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ (น้องก้องพูดประโยคแบบนี้เหมือนก๊อปปี้พี่ต่อมาเลย เกี่ยวกับเรื่องกินเผ็ดแล้วเซ็กส์จัด)
"
จะลองไหมละ? จะได้รู้ว่าจัดหรือไม่จัด" ผมพูดหยอกเอินแบบตลกโปกฮา โดยที่ไม่ได้คิดอะไร
"
แฮ่ม... พูดแล้วอย่าคืนคำนะครับ ผมยิ่งเป็นคนใจกล้าบ้าบิ่นซะด้วย พี่กล้าท้า ผมกล้ารับคำท้า" น้องก้องพูดอย่างจริงจัง (ตรูกลัวใจไอ้น้องรหัสคนนี้จริงๆ บ้าได้ใจมาก)
"
พี่พูดเล่นเฉยๆ จะบ้าเหรอ" ผมพูดดักคอ (ทั้งที่ใจจริงนั้น... ไม่ต้องคิดแทนผมนะ ผู้อ่านที่น่ารัก คุณอาจจะเดาใจผมผิดก็ได้! ผมไม่กล้าคิดกับน้องก้องแบบนั้น เนื่องจากความเป็นน้องรหัสและเรียนอยู่สาขาวิชาเดียวกัน จะต้องเจอหน้ากันไปอีกนาน ผมไม่อยากให้เรื่องเซ็กส์ต้องมาทำให้เราผิดใจกัน ชนิดที่มองหน้ากันไม่ติด แต่ว่าไปได้ซักทีก็ดีเหมือนกัน ตกลงตรูจะเอายังไงกันแน่นี่? พูดเองเออเอง กลืนน้ำลายตัวเอง และก็งงเอง)
"
อ้าว... เป็นงั้นไป ผมอุตส่าห์หลงดีใจ ไอ้จ้อนของผมมันอยากออกศึกเต็มทนแล้ว" น้องก้องพูดอย่างเสียดาย
"
ทะลึ่งนะเรา กินเข้าไป กับพี่รหัสยังไม่เว้นเลย หน้าตาหล่อ แถมคารมดีแบบนี้ มีคงจะมีแฟนเพียบชนิดที่หัวกระดอ เอ๊ย…! หัวกระไดหอไม่แห้งละซิ"
"
มีมาเรื่อยๆครับ แต่ผมชอบมีอะไรกับผู้ชายมากกว่า มันสนุกตื่นเต้นและเสียวกว่ามาก ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงนานมาก ตั้งแต่สมัยอยู่ม.5 แล้วมั๊ง เอากับผู้หญิงน่าเบื่อยังไงไม่รู้ นอนอย่างเดียวไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่ไหว แล้วพี่กันต์มีแฟนหรือยังครับ?" น้องก้องพูดถึงรสนิยมทางเพศของตัวเอง อย่างไม่ปิดบังและไม่มีเขินอายแต่อย่างใด
"
หน้าตาอย่างพี่จะมีใครเอา ถ้าหล่ออย่างเราก็ว่าไปอย่าง" ผมพูดถ่อมตัว
"
ไม่จริง... ถ้าหน้าตาอย่างพี่กันต์เรียกว่า ไม่หล่อ แล้วหน้าตาอย่างผมมันจะเหลือเหรอ" น้องก้องพูดขึ้นมา
ผมกับน้องก้องกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะราวๆน้องก้อง หรือไม่ก็แก่กว่าผมประมาณ 2-3 ปี ใส่เสื้อยืดแขนกุดสีขาวลายแดงเหลืองทอง กางเกงยีนส์สีดำ และสวมรองเท้าส้นสูงสีเงิน เดินเข้ามาทางผมและน้องก้อง
ผู้หญิงคนนี้ หน้าตาจัดว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศมากกว่าเป็นคนที่สวยน่ารัก
"
โลกกลมจริงๆ กันต์จำเราได้ไหม? หมวย เอกภาษาไทย ตอนรับน้องคณะเมื่อปีก่อน เราอยู่ในกลุ่มเดียวกับกันต์ เราเป็นรูมเมทของยุ้ยที่เรียนอยู่เอกเดียวกับกันต์ ไม่รู้ว่ายุ้ยพูดเรื่องของเราให้กันต์ฟังบ้างหรือเปล่า?" ผู้หญิงที่ชื่อ หมวย พูดแนะนำตัวเอง
"
ที่แท้ก็เป็นรูมเมทของยุ้ย ขอโทษที่เราจำเธอไม่ได้จริงๆ อย่าโกรธเราเลยนะ" ผมพูดทักทายอย่างเป็นมิตร (ทั้งที่ในใจแอบงงมากๆ ที่จู่ๆมีชะนีโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แถมยังรู้จักผมอีกด้วย)
"
ไม่เป็นไรหรอก มากันสองคนหรือ?" หมวยถามผม
"
ใช่เราพาน้องรหัสมาเลี้ยง" ผมตอบไปตรงๆ
"
เรามากับเพื่อนๆ นั่งอยู่โต๊ะโน่น กินข้าวจากที่นี่เสร็จแล้ว จะไปไหนกันต่อ? คือ เรากับเพื่อนๆจะไปเที่ยวที่กังสดาล ถ้ายังไงเราขอเชิญกันต์และน้องรหัสไปเที่ยวด้วยกัน" หมวยเชิญชวนผมและน้องก้อง
"
เราต้องขอโทษด้วย เอาไว้โอกาสหน้า พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่ตี 4 จะไปธุระที่ลำปาง" ผมแจกสตอให้ยัยหมวยไปหลายกิโล พร้อมทั้งใช้เท้าสะกิดเท้าของน้องก้องเพื่อส่งสัญญาณว่า เป็นอันเข้าใจความหมาย
"
เสียดายจัง... แต่ไม่เป็นไร โอกาสหน้าก็ได้ ว่าแต่วันนี้เราทั้งสองได้รู้จักกันแล้วนะ ถ้ากันต์เจอหมวยในมอ อย่าลืมทักทายบ้างนะ" หมวยสบตาผมพร้อมส่งยิ้มที่แฝงด้วยความเสน่หาให้ผม
"
ได้ " ผมตอบสั้นๆ (ทั้งที่ในใจอยากจะพูดต่ออีกว่า "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอเชิญคุณหมวยออกไปจากโต๊ะของผมได้แล้ว" ดูใจร้ายไปไหมตรู! ช่วยไม่ได้ตรูดันเป็นโรคแพ้ชะนี)
"
เพื่อนๆกวักมือเรียกหมวยแล้ว ต้องขอตัวก่อนนะ ถ้ามีอะไรหมวยจะส่งข่าวผ่านแมวมาบอกอีกที แล้วค่อยเจอกันคราวหน้า" ก่อนจะเดินจากไป ยัยหมวยยังไม่วายที่ทำหน้าตาเซ็กส์ซี่ใส่ผม(สำหรับผมคงเห็นเป็น "เซ็กส์เสื่อม"มากกว่า)
"
กว่าจะไปได้ เล่นเอาตรูถึงกับนับ 1 ถึง 1,000 ในใจ ไปซะได้ก็ดี จะอะไรกับคนอย่างตรูนักหนานี่" ผมบ่นพึมพำในใจคนเดียว
"
โอ้โห ฮ็อตจริงๆพี่รหัสผม ถึงขนาดมีสาวเซ็กส์ซี่มาตามจิกถึงโต๊ะเลย เท่าที่ดูรูปการณ์แล้ว ท่าทางพี่กันต์จะไม่ชอบผู้หญิงเอามากๆนะ" น้องก้องพูดอย่างรู้ทัน (ปากไวจริงๆน้องตรู)
"
เออ... ก็มันไม่ชอบนี่ จะให้ทำอย่างไร? พี่ชอบสาก มากกว่า รู" ผมพูดอย่างเปิดเผย (มาถึงขนาดนี้แล้ว ตรูคงไม่ต้องแกล้งแอ๊บว่าเป็นแมน 100% ต่อหน้าน้องก้องอีกต่อไป ในเมื่อน้องเขากล้าแสดงสปิริตเปิดเผยรสนิยมทางเพศขนาดนี้ มีหรือที่พี่รหัสอย่างผมจะยอมน้อยหน้า)ผ่านไปซักพัก เสียงเพจเจอร์ของน้องก้องดังขึ้นมา.......
"
แฟนเรียกตัวหรือ?" ผมแซวน้องก้อง
"
เปล่าครับ.. นุ่ม ส่งข้อความมาชวนไปเที่ยวที่ จีจี้ คืนนี้ เห็นบอกว่าไปกันหลายคน ไปเที่ยวจีจี้ด้วยกันนะครับพี่กันต์ เพื่อนๆผมก็รุ่นน้องสาขาวิชาเดียวกับพี่กันต์ คนกันเองทั้งนั้น" น้องก้องพยายามเชิญชวนผม
"
ตกลง แต่พี่ไปแป๊บเดียวนะ ไม่เกินตี1 พี่ก็กลับแล้ว พี่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ขืนไปเที่ยวนานคงไม่สนุก กะจะไปเต้นยืดเส้นยืดสายซักหน่อย" ผมรับคำเชิญ
จีจี้ เป็นผับที่โด่งดังมากที่สุดในเชียงใหม่ (ในสมัยนั้น) ขณะที่น้องก้องและเพื่อนๆกำลังดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานนั้น ผมรู้สึกปวดฉี่ จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ เมื่อฉี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินไปล้างมือที่อ่าง ทันใดนั้น ผมรู้สึกว่า เหมือนมีใครมาชนตรงข้างๆตัวผม จนทำให้ผมเซๆเล็กน้อย
"
ขอโทษครับ" เจ้าของเสียงที่เดินมาชนผมกล่าวคำขอโทษ
"
ไม่เป็นไรครับ" ผมพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าคนที่มาชน
สายตาของผมกับคู่กรณีจ้องประสานกัน คู่กรณีของผมเป็นชายหนุ่ม อายุคงจะแก่กว่าผมไม่กี่ปี หรือเท่ากับผม ที่สำคัญ ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการ และรูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถูกใจชาวเกย์อย่างเราๆมาก
ชายหนุ่มรูปร่างทรมานใจเกย์ คนนั้น เดินไปยืนฉี่ตรงโถ ส่วนผมล้างมือไปพลันส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยของหน้าตาและทรงผมของตัวเอง (กลัวเรตติ้งตก)
เงาสะท้อนจากกระจกทำให้ผมมองเห็นชายหนุ่มคนนั้น ยืนหันหลังฉี่อย่างชัดเจน (ถ้าโถฉี่ข้างๆว่าง อยากเข้าไปยืนประกบจัง) ซักพักหนึ่งชายหนุ่มคนที่ว่า หันหน้ามาแจกยิ้มให้ผม(แบบผีเห็นผีด้วยกันหรือเปล่า?) ผมยิ้มตอบอย่างมีมารยาท(ปนมารยานิดๆ) พร้อมกับเดินออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว (หลอกให้อยากแล้วจากไป เรตติ้งครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ)
ผมกลับเข้าไปสมทบกับน้องก้องและเพื่อนซึ่งกำลังแด๊นซ์กันอย่างเมามันส์ โดยเฉพาะน้องก้องท่าทางจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งเต้นทั้งดื่่มอย่างไม่บันยะบันยัง (แทบจะเรียกได้ว่า ดื่มเหล้าพอๆกับดื่มน้ำ ส่วนผมนะเหรอ แค่โค๊กแก้วเดียวยังไม่หมดเลย)
ผมเต้นได้ไม่กี่เพลงก็ต้องขอตัวมายืนพักที่โต๊ะ ขณะที่กำลังยืนปลดปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลงนั้น
"
มาเที่ยวบ่อยไหมครับ?" ชายหนุ่มที่เดินชนผมในห้องน้ำ พูดทักทาย (แอบสะดกรอยตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่? ผมไม่ยักกะเห็นหรือรู้สึกตัวเลย มาแบบย่องเงียบจริงๆ)
"
ไม่บ่อยครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกนั้น นานเป็นปีแล้ว" ผมตอบรับคำทักทายด้วยอัธยาศัยที่ดี
"
ผมชื่อ เสือ คุณ.... ? " ชายหนุ่มแนะนำตัวเอง พร้อมกับยกแก้วเหล้าในมือเพื่อขอชนแก้วกับผม
"
กันต์... ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ผมยกแก้วขึ้นชนกับแก้วของเสือ
"
เช่นเดียวกันครับ คุณกันต์เรียนอยู่ที่ไหน?"
"
ไม่ต้องเรียกคุณ เรียกผมก็ได้ มันเป็นทางการจนเกินไป ฟังแล้วจั๊กจี้ เราเรียนอยู่......."
"
ผมก็เด็กมอ เหมือนกัน อยู่เทคนิคการแพทย์ ปี 1 แล้วกันต์อยู่คณะไหน? ปีอะไร?"
"
เราอยู่คณะ........ ปี 2 แต่ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่นะ เราว่านายแก่กว่าเราแน่ๆ เรื่องมันยาว ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง"
ทันใดนั้น น้องก้องก็เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเสือ กลิ่นเหล้าแรงๆโชยออกมาจากตัวของน้องก้อง
"
จะจีบพี่รหัสผมหรือ? ผมหวงนะ" น้องก้องพูดกับเสือด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตร
"
ไปเต้นกันต่อเถอะ พี่กันต์" น้องก้องใช้แขนโอบไหล่ผม (ถึงเนื้อถึงตัวเร็วดีจัง)
"
เอาไว้เพลงหน้านะ ก้องไปเต้นกับเพื่อนๆก่อน พอเพลงนี้จบพี่ตามไปแน่นอน" ผมมองหาพร้อมกับกวักมือเรียก นุ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆของน้องก้อง ให้มาช่วยพาน้องก้องไปเต้นก่อน
"
ไปเต้นกับนุ่มก่อนนะ เพลงหน้าพี่ตามไปแน่นอน" ผมรับปากน้องก้อง
"
ก็ได้ครับ เพลงหน้าขึ้นแล้วต้องตามไปนะ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด เพราะผมมองดูพี่ตลอดเวลา" น้องก้องเน้นย้ำกับผม
ก่อนจะออกไปเต้นกับกลุ่มเพื่อนๆ น้องก้องใช้สายตาจ้องมองเสือ แววตาที่ดูแข็งกร้าวของน้องก้อง เหมือนจะสื่อออกมาเป็นการเตือนให้เสือรู้ตัว
"
เราต้องขอโทษแทนน้องเขาด้วย อย่าถือสาเลย น้องเขาเมา" ผมขอโทษเสือแทนน้องก้อง
"
เราไม่ถืออยู่แล้ว มีพี่รหัสหล่อๆอย่างกันต์ ถ้าไม่หวงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ตั้งแต่นี้ไป เราต้องเอาใจก้องให้มากๆซินะ เผื่อว่าเขาจะเปิดไฟเขียวให้เราใกล้ชิดกับพี่รหัสสุดหล่อได้" เสือใช้แววตาเพื่อต้องการสื่ออะไรบางอย่างกับผม
ผมไม่พูดไม่จา (ก็มันเขินนี่ จะให้ทำไง) เมื่อเพลงใหม่เริ่มต้นขึ้น น้องก้องเข้ามาฉุดแขนผมไปเต้นอย่างรวดเร็ว จนผมไม่มีโอกาสได้บอกกล่าวอะไรกับเสือ พอเพลงจบลง ผมพยายามมองหาเสือที่บริเวณโต๊ะ แต่ก็ไม่พบเจอ (ทิ้งไว้แค่ความเสียดาย)
ระหว่างทางที่ขับรถกลับ...
"
คืนนี้ผมนอนค้างกับพี่กันต์ได้ไหมครับ? ผมลืมเอากุญแจห้องมา" น้องก้องเอ่ยถามขึ้นมา ด้วยหน้าตาที่เหม่อๆเคลิ้มๆ จากฤทธิ์ของสุรา (ไม่รู้ว่าลืมจริงหรือว่าแกล้งลืม?)
"
อืม.. ก็ได้" ผมตอบตกลง
ก่อนจะเข้านอน ผมให้น้องก้องนอนเตียงเดียวกับผม โดยมีหมอนข้างมาคั่นกลางแบ่งเขตแดนบนเตียงระหว่างเรา
เมื่อหัวถึงหมอน น้องก้องนอนหลับทันที แถมกรนส่งเสียงดังอีกต่างหาก ส่วนผมก็เผลอหลับไปไม่นานหลังจากน้องก้อง
ในตอนกลางดึก(หรือใกล้รุ่งสาง มิทราบได้ เพราะออกจากผับประมาณตี 1 กว่าๆ กว่าจะเข้านอนก็ปาไปเกือบๆตี 3 ) ผมรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆนุ่มๆแฉะๆ มาประคบตรงหว่างขาของผม (ลืมบอกไปว่า ผมนุ่งกางเกงเลแบบใช้เชือกผูกรัดเอว ซึ่งเวลานอนผมมักจะรัดเชือกแบบหลวมๆ) ผมไม่ได้ลืมตาดู เพราะรู้สึกเหนื่อยไม่มีแรง และอาจจะมาจากฤทธิ์ยาแก้ปวดด้วย (ก่อนนอนผมกินยาแก้ปวดเข้าไป เพราะรู้สึกปวดหัวจากกลิ่นควันบุหรี่และกลิ่นอะไรต่อมิอะไรในผับ)
วินาทีต่อมา ผมรู้สึกเสียวที่ถุงกะโปกเหมือนถูกลิ้นเลียไปรอบๆ จากนั้นแท่งตอปิโดของผมก็แข็งโด่ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ลิ้นที่ลากเลียตรงกะโปกเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาตรงลำแท่งตอปิโดของผมอย่าง ช้าๆ จนมาหยุดอยู่ที่ปลายหนังหุ้มหัวตอปิโดที่เปิดออกไม่มากนัก
ผมเริ่มรู้สึกเสียววาบขึ้นมาทันที หัวตอปิโดของผมเวลานี้ได้ถูกโหมกระหน่ำเลียอย่างไม่ยั้งทำให้หนังหุ้มเปิด ถอก จนหัวกระดอของผมเปิดออกมาสัมผัสปลายลิ้นได้อย่างเต็มที่ ซักพักแท่งตอปิโดของผมถูกสาวว่าขึ้นๆลงๆ ด้วยริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม
ผมรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก จะว่าเป็นความฝันมันคงไม่ใช่ เป็นความจริงคงไม่เชิง มันเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่นซะมากกว่า เพื่อความแน่ใจ ผมจึงค่อยลืมตาขึ้นมาดูทีละนิด ภาพที่ผมเห็นนั้น น้องก้องกำลังใช้ปากอมอวัยวะเพศของผม
ส่วนตัวน้องก้องเองนั้น นอกจากจะใช้ปากลิ้มรสกระดอของผมแล้ว ยังใช้มืออีกข้างสาวว่าวให้ตัวเองอีกด้วย (เข้าใจตั้งท่านะน้องรหัสตรู)
ผมจึงแกล้งหลับและปล่อยเลยตามเลย (สถานการณ์มันสายเกินแก้ที่จะบอกให้น้องเขาหยุด เพราะกระดอของผมได้เข้าอยู่ในปากของน้องเขาแล้ว ถ้าเป็นช่วงก่อนที่น้องเขาจะปลดกางเกงผม ยังพอแก้ไขสถานการณ์ได้)
หลังจากใช้ลิ้นเลียตวัดเล่นทั่วแท่งตอปิโดของผมแล้ว น้องก้องยังใช้ริมฝีปากสาวแท่งตอปิโดของผมขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะที่เร็วและรัว มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมน้ำกำหนัดขาวๆขุ่นๆเหนียวๆหนืดๆ พุ่งเข้าไปในปากของน้องก้องจนหมดก๊อก
น้องก้องหันมาชักว่าวให้ตัวเองจนน้ำแตก พอสำเร็จเสร็จสิ้นกามกิจแล้ว น้องก้องดอดมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ๆ แถมกระซิบข้างหูผม… "ผมรู้นะว่า พี่กันต์แกล้งหลับ คนนอนหลับประสาอะไรเคถึงได้แข็งโด่ชูชันแบบนี้ แถมน้ำยังพุ่งแรงอีกด้วย ไม่ต้องอายหรอกครับ"
ผมรู้สึกเขินอายจนพูดไม่ออก ได้แต่หันไปยิ้มให้น้องก้องเท่านั้น น้องก้องกอดผมจนเผลอหลับไป
ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของน้องก้อง ผมหันไปมองดูน้องก้องที่กำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียง
"
เมื่อคืนเราถูกน้องก้องลักหลับ พลาดท่าเสียทีน้องรหัสเข้าจนได้" ผมพูดกับตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น