คืนนั้น… ผมออกจากบ้านไป
ยังสวนสาธารณะแห่งที่เคยไปบ่อยครั้งผมมักจะไปที่นั่นเป็นประจำ
เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากบ้านนักและแต่งตัวได้ตามสบาย เมื่อความมืดย่างกรายเข้ามา
หัวใจดูหเมือนจะร่ำร้องให้ผมมาที่นี่เพื่อแสวงหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ
สถานที่ให้ทั้งความสุขความประทับใจความขมขื่นและความอัปยศอดสู
สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นแหล่งที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคลาคล่ำไปด้วยผู้ชายที่ปรารถนาในเพศเดียวกัน
ส่วนใหญ่มักต้องการเสพสุขเพื่อดับอารมณ์ใคร่ เพียงชั่วครู่ชั่วยาม
บริเวณแนวถนนด้านนอกริมรั้วเหล็กของสวนสาธารณะแห่งนี้ก็เช่นกันจะมีผู้ชายวัยต่างๆ
ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงสูงอายุ บ้างเดินไปมา บ้างก็นั่งบนม้านั่งจับกลุ่มคุยกันหรือนั่งเดี่ยว
ผมก็เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่มาที่นี่
ที่ต้องการผู้ชายที่ตัวเองปรารถนาและถูกรสนิยมของตัวเอง บางครั้งผมก็ได้พบบางครั้งผมก็ไม่ได้และเมื่อไม่ได้ผมจะกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
หัวใจมีแต่ความแห้งแล้งแต่เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
แล้วก็กลับมาอารมณ์ปกติเช่นเดิม
ผมไม่กล้าจะจริงใจและจริงจังกับใครทั้งสิ้นเพราะรู้ดีว่าคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็ไม่จริงใจกับใครนัก
คบกันเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น จนกระทั่งคืนนั้น คืนที่ผมประทับใจที่สุดและขมขืนที่สุด
ผมมายังสถานที่นี่ตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งดึกดื่นแต่ก็ยังไม่พบใครสักคนที่ถูกใจผมผมได้คุยกับผู้ชายคนหนึ่งเขาไม่มีสิ่งที่สะดุดตาสะดุดใจผมเลยแม้แต่น้อย
ผมจึงเพียงคุยกับเขาเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นไม่นานนักเขาก็แยกตัวกลับบ้านเพราะผมไม่อาจสนองตอบคำเสนอของเขาที่ชวนไปนอนด้วยได้
ผมตั้งปณิธานไว้แต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเมื่อไม่ได้คนที่ถูกใจก็อย่าไปดีกว่าถึงไปก็คงไม่มีความสุข
จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืนผมคิดจะกลับบ้านเสียที แต่เผอิญมีชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 21 – 23 ปี แต่งตัวทันสมัยเดินเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านนอกของสวนสาธารณ์แห่งนั้น
รูปร่างหน้าตาของเขาช่างสะดุดตาสะดุดใจผมเสียเหลือเกิน
ในที่สุดผมก็ได้พบคนที่ถูกใจแล้วผมคิดเช่นนั้นเขาเข้าไปยืนปัสสาวะ
จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย แล้วแต่ก็ยังไม่ไปไหนคงยืนอยู่แถวๆ
นั้นเราต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน
ผมรู้ตัวเองดีว่าชอบเขาอย่างเต็มเปื่ยมถึงอย่างไรก็จะต้องเข้าไปทักเขาให้ได้
กำลังคิดอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งเข้าไปหาเขาแล้วพูดกับเขาว่า ‘’ ไปเที่ยวด้วยกันไหม
‘’ เขาพยักหน้ารับอย่างง่ายดายแล้วทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องน้ำไป
ผมได้แต่ผิดหวังและในใจครุ่นคิดไปด้วยความริษยาในเมื่อผู้ชายคนที่มาชวนเขานั้น
ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีกว่าผมสักนิดทั้งรูปร่างและหน้าตาผมได้แต่สมน้ำหน้าตัวเองที่ช้าและอายไม่เข้าเรื่อง
ถึงได้พลาดโอกาสที่ดีๆ อย่างนี้เสมอ มีหลายคนเข้ามาลูบคลำเป้ากางเกงของผม
แต่ผมไม่สนใจ ไม่เห็นจะมีใครที่รูปร่างหน้าดีเทียบเท่าเขาได้เลย ผมเดินออกไปข้างๆ
ห้องน้ำ เห็นเขากับชายคนนั้นนั่งอยู่ด้วยกันข้างกำแพงรั้วสวนสาธารณะชายคนนั้น
พยายามเล้าโลมเขาต่างๆ เช่น จูบปาก ลูบที่เป้ากางเกงเขา แต่ไม่ได้ผล
ดูท่าทางเขาไม่มีอารมณ์ด้วย คล้ายๆกับว่า
อยากหลับตลอดวเลาผมจึงเข้าไปนั่งใกล้กับคนทั้งสอง ถามชายคนนั้น ว่า ‘’ เป็นไงบ้าง’’
ชายคนนั้น
กระซิบบอก ‘’ เขาเมาน่ะ’’ แล้วก็จับมือผมไปวางไว้ที่เป้ากางเกงของคนที่ผมชอบเท่านั้นแหละโอกาสของผมมาถึงแล้ว ผมถลกเสื้อของเขาขึ้นไปถึงหน้าอก
ใช้ลิ้นเลียที่ส่วนหน้าอก ใช้ลิ้นเลียที่ส่วนหน้าอกของเขาจากคนที่ไร้ชีวิตชีวาเพราะมึนเมากลายเป็นตรงข้ามเขาเสียวสยิวจับเนื้อตัวผมไว้มั่น
ผมค่อยๆ เล้าโลมเขาต่ำลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงส่วนกลางลำตัว
ชายที่นั่งกับเขาอยู่ก่อน นั้น ช่วยเหลือผมด้วยการปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงให้
อวัยวะแห่งความเป็นชายของเขาผงาดขึ้นมาด้วยอารมณ์ปรารถนา
แล้วในที่สุดผมก็จัดการกับมันด้วยริมฝีปากของผม ส่วนเขานั้นได้
โต้ตอบการกระทำของผมด้วยการเคลื่อนไหวเอวอย่างได้จังหวะกัน
ปากเขาก็ได้แต่พร่ำพูดว่า ‘’ ผมไม่เคยอย่างนี้มาก่อนเลย’’ ทำให้ผมยิ่งมีความสุขยิ่งขึ้น
เวลานั้นเขานั่งอยู่ข้างรั่วของสวนสาธารณะและผมนั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขาทั้งสองของเขา
แขนของผมกอดรัดรอบลำตัวของเขาไว้แน่น คิดเพียงว่าต้องการที่จะยึดครอบครองร่างกายเขาไว้ให้นานที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ เขากอดรัดผมไว้แน่นเช่นกัน
ในขณะปากผมกำลังวุ่นวายอยู่กับอวัยวะแห่งความเป็นชายของเขาดูเหมือนเราทั้งสองต่างพยายามถ่ายทอดความรู้สึกพึงพอใจให้แก่กันและกันด้วย การสัมผัสที่แนบแน่น และไม่สนใจในสายตาของคนบางคนที่มองดูการกระทำของเราทั้งสอง
ในที่สุดทำนบแห่งความสุขของเขาก็พังทลายในปากผม ผมจัดการกลืนกินจนหมดสิ้นด้วยความเต็มใจและสุขใจอย่างล้นเหลือ
แต่ก็นั่นแหละ ความสุขที่ผมได้รับนั้นไม่ได้อยู่นานนัก หลังจากความสุขสมสิ้นสุดลง
เขาก็ผละจากผมไปโดยไม่กล่าวคำพูดใดๆ ทั้งสิ้นความรู้สึกของผมมึนงงไปชั่วครู่
ผมนั้นชอบเขา ปรารถนาที่จะได้เขามาเป็นสมบัติของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม
แต่เขาก็จากผมไปแล้ว จากไปโดยไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามเขาคงจะเห็นผมเป็นเพียงสิ่งบำบัดความใคร่ของเขาก็เป็นได้เหมือนเช่นคนอื่น
อีกหลายคนที่ผ่านมาผมเสียใจและผิดหวังผืนความเจ็บช้ำที่ตัวเองได้รับ ยอมรับกับความจริงที่ว่า
เมื่อก้าวเข้ามาสู่ชีวิตเกย์ต้องพร้อมเสมอที่จะเผชิญกับความผิดหวังและผมก็ต้องข่มขืนและอัปยศอดสูยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะในช่วงเวลาที่ผมพยายามระงับความเศร้าเสียใจจากเขาคนนั้น
สักครู่ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ 2 คันแล่นเข้าจอดบริเวณหน้าห้องน้ำสาธารณะที่ผมยืนอยู่ข้างๆ
ต้นไทรใหญ่คนขับทั้งสองเดินเข้ามาในห้องน้ำ
เวลานั้นผมกับผู้ชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่นั้นเป็นโชคร้ายของผมแท้ๆที่อ้อยอิ่งไม่ยอมกลับบ้านเสียทีทั้งๆที่เวลานั้นดึกมากแล้วเพราะคนที่ขับมอเตอร์ไซค์ทั้งสองเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ
เขานำตัวผมและผู้ชายอีกคนไปสถานนีตำรวจ
แล้วยัดเยียดข้อหาว่าเตร็ดเตร่ค้าประเวณีกับเพศชายด้วยกันให้กับผมและผู้ชายคนนั้น
พร้อมบอกด้วยว่าเวลานี้ทางตำรวจมีนโยบายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมกำลังกวาดล้างแหล่งงอบายมุขต่างๆ
รวมทั้งที่ๆ พวกเกย์ชุมนุมกันด้วยอันได้แก่บริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้
เจ้าพนักงานสอบสวนไม่ยอมให้ผมเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ
แต่กักขังผมไว้และส่งคดีฟ้องศาลโดยไม่เสียค่าปรับที่นั่น
เวลานั้นผมสับสนมากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกลัวและอัปยศอดสูเมื่อเข้าไปในห้องขังได้พบเห็นผู้ชายซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นประมาณ
40 – 50 คน ถูกจับในข้อหาเดียวกัน ทั้งที่กระทำผิดจริงและยัดเยียดข้อหาให้
ผมต้องอยู่ในห้องขังคืนหนึ่งด้วยความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจได้รับรู้ความกักขฬะของผู้ต้องหาบางคนที่มีท่าทางอันธพาลและรีดไถเงินจากผู้ที่เข้ามาใหม่
ได้เห็นการกระทำของตำรวจบางคนทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาที่ถูกจับมาด้วยข้อหาเดียวกับผม
เนื่องด้วยเหตุที่ว่าเขาทำท่าทางไม่เหมือนผู้หญิงและไม่สามารถออกกำลังกายในแบบที่เขาฝึกได้ซึ่งเหมือนกับการใช้ฝึกทหารเกณฑ์ทุกๆคนในห้องขังจะต้องทำก่อนนอนและหลังจากตื่นนอนเข้าโดยทุกๆ
คนต้องถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเวลานั้นผมไม่มีอารมณ์ปรารถนาใดๆทั้งสิ้น
มีแต่สมเพชเวทนาทั้งสภาพของคนอื่นและตัวเอง เพียงชั่วคืนเดียวสำหรับชีวิตในห้องขังก็เกินพอสำหรับผมแล้วโชคดีเหลือเกินที่เวลานั้นผมมีเงินติดตัวพอเสียค่าปรับโดยไม่ต้องให้ทางบ้านล่วงรู้การกระทำอันน่าอดสูของผม
ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ผมก็ไม่ได้ย่างกรายไปยังสวนสาธารณะนั้นอีกเลยทั้งกลางวัน
และกลางคืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น