วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รักตรึงใจ

ผมศึกษาอยู่ในสถาบันอันเลื่องชื่อของภาคเหนือซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราปลื้มมากในชีวิตการศึกษา โดยที่ช่วงศึกษาอยู่นั้นเราพักอยู่หอพักชายล้วนในสถานศึกษานั่นเอง เราเป็นคนร่าเริงเปิดเผยในยามปกติแต่เมื่อมาอยู่ในห้อมล้อมแห่งสายตาบุรุษเพศแล้วเราก็ต้องทำใจเพื่อนร่วมห้องหรือพวกเราชาวหอเรียกว่าเมทเขาอยู่คณะที่มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ เพื่อนเขาจึงมาหาเสมอเพื่อทำงาน ปรึกษาหรือ ตลอดจนดูหนังสือด้วยกัน บรรดาเพื่อนของเขาจะมีคนหนึ่งที่ชอบแอบมองผมอยู่บ่อยๆ รู้ได้จากว่าเมื่อเหลือบตาไปทีไรเขาก็จะรีบหลบสายตาทันทีแรกๆนั้นเราเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น มาระยะหลังนี้เขามาบ่อยมากจนเป็นแขกประจำห้องเลยทีเดียวและยิ่งไปกว่านั้นบางคืนก็ค้างที่ห้องของผม มาทราบภายหลังว่าชื่อโจ้ เป็นลูกครึ่งไทยจีน น่ารัก ผสมหล่อประทับใจที่นัยน์ตาชั้นเดียวแต่เกือบกลมโตซึ่งเราก็ฝันมานานทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันเรายิ้มให้เพื่อทักทายตามมารยาทเจ้าของห้องและสิ่งนี้ที่เป็นสะพานทำให้เขาก้าวข้ามมาพูดคุยด้วย เวลาใดก็ตามที่เมทของผมไม่อยู่เขาก็จะชวนคุยมากเรื่องเพราะเขาเป็นคนคุยสนุกเป็นกันเองเราสองคนจึงสนิทกันเร็วขึ้น คืนนี้เมทผมไม่อยู่เขาจึงมาอยู่เป็นเพื่อนเราคุยกันจนดึกเพราะคืนนี้เราต่างก็ขอพักผ่อนสมองหลังจากตรากตรำกับตำราเรียน การเรียนมาห้าวันเต็มๆ เนื่องจากเป็นคนใหม่แห่งสถาบันนี้เราจึงคุยกันมาลงที่เรื่องความเหงาที่ต่างก็เกิดขึ้นท่วมท้นใจ บรรยากาศภายนอกหลับใหลซึ่งปกติเวลานี้เรางีบไปนานแล้วประโยคสุดท้ายที่เราไม่ยักจำได้เพราะความเงียบได้ครอบงำดุจถูกมนต์ดำสะกดไว้เรากำลังสบายที่เป็นถึงบันไดแห่งการพักผ่อนแล้วและแล้วเราต้องตื่นตระหนกท่ามกลางความมืดของเวลานั้น เราจำได้ว่าในห้องนี้มาเราและใครอีกคนหนึ่ง นึกออกแล้วโจ้นั่นเองเขาเป็นผู้ทำลายความเงียบสงบที่เราได้สัมผัสเขาเป็นเจ้าของรอยจูบที่แผ่วละมุน เราค่อนข้างเขิน เพราะนี่เป็นครั้งแรกของริมฝีปากซึ่งเคยบริสุทธิ์มาก่อน เราไม่นึกอยากขัดขืนเพราะโจ้ก็น่ารักชนะใจเราจึงต้องโอนอ่อนเป็นการสนองตอบการโลมเร้าที่ลึกซึ้ง เขาละจากริมฝีปากไล้ระริ่วลงสู่เม็ดชมพูเล็กๆเหนือเต้าน้อย บนแผ่นอกของผม ความสุขคละกับความเสียวซ่านวาบหวิวสู่ขั้วหัวใจจนสะท้านสั่นไฟอย่างความปรารถนาจึงถูกลุกขึ้นทั่วเรือนร่างเหมือนล่องลอยสู่วิมานสถาน เราไม่อยากเอาเปรียบเขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง จากริมฝีปากที่แดงเรื่อยมาถึงสิ่งที่หัวใจปรารถนาผู้ยืนเชิดหน้าอยู่รูปร่างสูงใหญ่ หุ่นดี สวมหมวกสีชมพูแกมแดงผู้บ่งชี้ให้รู้ว่ารอรับการปรนเปรอจากผม ผมจึงใช้ริมฝีปากแทนเสื้อคลุมตัวงามปกปิดกันความเย็นจากอากาศรอบข้างไว้แล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักที่ท่วงทำนองรุมเร้าตรึงใจ เป็นจังหวะที่คู่เต้นรำต้องเดินเข้าออกพอเสียงดนตรีเร่งเร้าขึ้นเราจึงเปลี่ยนจังหวะให้เร็วและถี่ขึ้น ไม่นานนักเราจึงได้รับรู้รสชาติใหม่แห่งดนตรีกาลของความรัก กายเราฉ่ำไปด้วยหยดน้ำเล็กเล็กเกาะตามผิวกายและภายในปากที่เชิดสวยของผมก็อาบไปด้วยอมฤตที่เขามอบให้ด้วยความรักที่ไม่มีคำใดจะสรรหามากล่าวเปรียบเปรอได้อย่างทัดเทียมและเหมาะสมเราสองคนนอนโอบกอดกันจนไอรักอบอุ่นไปทุกอณูของราตรีกาล คืนแห่งความสุขได้อำลาจากเราไปแล้วโจ้ก็บรรจงจูบลาเราอย่างถนอมเพื่อรอคืนที่ความรักของสองเราจะกลับคืนเช่น คืนนี้อีกครั้งหนึ่ง…

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น