ผมศึกษาอยู่ในสถาบันอันเลื่องชื่อของภาคเหนือซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราปลื้มมากในชีวิตการศึกษา
โดยที่ช่วงศึกษาอยู่นั้นเราพักอยู่หอพักชายล้วนในสถานศึกษานั่นเอง เราเป็นคนร่าเริงเปิดเผยในยามปกติแต่เมื่อมาอยู่ในห้อมล้อมแห่งสายตาบุรุษเพศแล้วเราก็ต้องทำใจเพื่อนร่วมห้องหรือพวกเราชาวหอเรียกว่าเมทเขาอยู่คณะที่มีผู้ชายเป็นส่วนใหญ่
เพื่อนเขาจึงมาหาเสมอเพื่อทำงาน ปรึกษาหรือ ตลอดจนดูหนังสือด้วยกัน
บรรดาเพื่อนของเขาจะมีคนหนึ่งที่ชอบแอบมองผมอยู่บ่อยๆ
รู้ได้จากว่าเมื่อเหลือบตาไปทีไรเขาก็จะรีบหลบสายตาทันทีแรกๆนั้นเราเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น
มาระยะหลังนี้เขามาบ่อยมากจนเป็นแขกประจำห้องเลยทีเดียวและยิ่งไปกว่านั้นบางคืนก็ค้างที่ห้องของผม
มาทราบภายหลังว่าชื่อโจ้ เป็นลูกครึ่งไทยจีน น่ารัก ผสมหล่อประทับใจที่นัยน์ตาชั้นเดียวแต่เกือบกลมโตซึ่งเราก็ฝันมานานทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันเรายิ้มให้เพื่อทักทายตามมารยาทเจ้าของห้องและสิ่งนี้ที่เป็นสะพานทำให้เขาก้าวข้ามมาพูดคุยด้วย
เวลาใดก็ตามที่เมทของผมไม่อยู่เขาก็จะชวนคุยมากเรื่องเพราะเขาเป็นคนคุยสนุกเป็นกันเองเราสองคนจึงสนิทกันเร็วขึ้น
คืนนี้เมทผมไม่อยู่เขาจึงมาอยู่เป็นเพื่อนเราคุยกันจนดึกเพราะคืนนี้เราต่างก็ขอพักผ่อนสมองหลังจากตรากตรำกับตำราเรียน
การเรียนมาห้าวันเต็มๆ
เนื่องจากเป็นคนใหม่แห่งสถาบันนี้เราจึงคุยกันมาลงที่เรื่องความเหงาที่ต่างก็เกิดขึ้นท่วมท้นใจ
บรรยากาศภายนอกหลับใหลซึ่งปกติเวลานี้เรางีบไปนานแล้วประโยคสุดท้ายที่เราไม่ยักจำได้เพราะความเงียบได้ครอบงำดุจถูกมนต์ดำสะกดไว้เรากำลังสบายที่เป็นถึงบันไดแห่งการพักผ่อนแล้วและแล้วเราต้องตื่นตระหนกท่ามกลางความมืดของเวลานั้น
เราจำได้ว่าในห้องนี้มาเราและใครอีกคนหนึ่ง
นึกออกแล้วโจ้นั่นเองเขาเป็นผู้ทำลายความเงียบสงบที่เราได้สัมผัสเขาเป็นเจ้าของรอยจูบที่แผ่วละมุน
เราค่อนข้างเขิน เพราะนี่เป็นครั้งแรกของริมฝีปากซึ่งเคยบริสุทธิ์มาก่อน
เราไม่นึกอยากขัดขืนเพราะโจ้ก็น่ารักชนะใจเราจึงต้องโอนอ่อนเป็นการสนองตอบการโลมเร้าที่ลึกซึ้ง
เขาละจากริมฝีปากไล้ระริ่วลงสู่เม็ดชมพูเล็กๆเหนือเต้าน้อย บนแผ่นอกของผม
ความสุขคละกับความเสียวซ่านวาบหวิวสู่ขั้วหัวใจจนสะท้านสั่นไฟอย่างความปรารถนาจึงถูกลุกขึ้นทั่วเรือนร่างเหมือนล่องลอยสู่วิมานสถาน
เราไม่อยากเอาเปรียบเขาจึงเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง จากริมฝีปากที่แดงเรื่อยมาถึงสิ่งที่หัวใจปรารถนาผู้ยืนเชิดหน้าอยู่รูปร่างสูงใหญ่
หุ่นดี สวมหมวกสีชมพูแกมแดงผู้บ่งชี้ให้รู้ว่ารอรับการปรนเปรอจากผม
ผมจึงใช้ริมฝีปากแทนเสื้อคลุมตัวงามปกปิดกันความเย็นจากอากาศรอบข้างไว้แล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักที่ท่วงทำนองรุมเร้าตรึงใจ
เป็นจังหวะที่คู่เต้นรำต้องเดินเข้าออกพอเสียงดนตรีเร่งเร้าขึ้นเราจึงเปลี่ยนจังหวะให้เร็วและถี่ขึ้น
ไม่นานนักเราจึงได้รับรู้รสชาติใหม่แห่งดนตรีกาลของความรัก
กายเราฉ่ำไปด้วยหยดน้ำเล็กเล็กเกาะตามผิวกายและภายในปากที่เชิดสวยของผมก็อาบไปด้วยอมฤตที่เขามอบให้ด้วยความรักที่ไม่มีคำใดจะสรรหามากล่าวเปรียบเปรอได้อย่างทัดเทียมและเหมาะสมเราสองคนนอนโอบกอดกันจนไอรักอบอุ่นไปทุกอณูของราตรีกาล
คืนแห่งความสุขได้อำลาจากเราไปแล้วโจ้ก็บรรจงจูบลาเราอย่างถนอมเพื่อรอคืนที่ความรักของสองเราจะกลับคืนเช่น
คืนนี้อีกครั้งหนึ่ง…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น