วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฝนหลงฤดูกับใจที่หลงทาง [เรื่องสั้น]

ฝนตกมาตั้งแต่เย็นจนกระทั่งค่ำ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลมฝนกระหน่ำอยู่ไม่สร่าง เงาไม้ไหวตัวตามลมแลเห็นลิบลับในเงามืด ฟากฟ้ามีสายฟ้าวิ่งแว่บแปลบปลาบเป็นทางบางคราวก็สว่างวาบไปทั้งฟ้า ตามด้วยเสียงคำรามกึกก้อง เป็นบรรยากาศที่น่ากลัวและน่าดูพอๆกัน กริ๊งกริ๊งเสียงโทรศัพท์ภายในห้องนอนของเอดังกังวานขึ้น เอ เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์กรอกเสียง ‘’ ฮัลโหล’’ ไปตามสาย ‘’ ขอพูดกับเอหน่อยครับ ‘’ เสียงที่ดังมาตามเสียง ทำให้หัวใจของเอเต้นไม่เป็นจังหวะ ‘’ แขก’’ เอเรียกเขาอยู่เพียงในใจ ‘’ กำลังพูดฮะ’’ เอพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งๆที่หัวใจเริ่มเจ็บแปลบ’’ รู้สึกว่าเอจะไม่ค่อยเต็มใจพูดเลยนะ’’ เสียงแขกตัดพ้อเหมือนน้อยใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอคงจะแกล้งแหย่ให้เขาหัวเราะ แต่ตอนนี้ หัวใจมีแต่สิ่งปวดร้าวจึงไม่สนุก ‘’ แขกมีธุระอะไรหรือ ‘’ เอถามไปอย่างนั้น เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร ‘’ ทำไม ไม่มีธุระโทรฯมาคุยไม่ได้เหรอ ‘’ เสียงแขกเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาซึ่งเอ ก็รู้ดีว่าแขกเป็นคนเช่นนี้เสมอเมื่อถูกขัดใจ แขกเอาแต่ใจตัวเองตลอดมา หัวใจโลเล ไม่เคยนึกถึงหัวใจของเอว่ามันจะเจ็บซ้ำขนาดไหนเมื่อเอเห็นแขกเดินเคียงคู่ มีสาวๆ ขนาบข้างทุกครั้ง เอ จึงไม่ค่อยตอบ แต่วางโทรศัพท์ลงที่เดิม เอ มองหยาดฝนเม็ดโตที่ตกกระทบหลังคา แล้วแตกกระเซ็น เป็นละออง สะท้อนแสงไฟด้วยแววตาเหงาๆ..เหงาใจมันเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ตอนอยู่คนเดียวเช่นนี้เสมอ ลมฝนสาดกระเซ็นมาที่ระเบียงหนาเม็ดขึ้นเอนึกทบทวนเรื่องราวของแขกที่ผ่านมา น้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว ความห่างเหิดและท่าทีของแขก ทำให้หัวใจของเอแทบแตกสลายยับเยิน ภาพความหวานยังตราตรึงในความรู้สึกเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านพ้น… ‘’คุณเป็นอะไรนะเอ กลับมาบ้านไม่เห็นพูดจาอะไร รู้มั๊ย คุณทำให้ผมคิดมาก ‘’ แขกพูดเหมือนห่วงใย แต่เอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะฉะนั้น เอจึงเงียบ อยากอธิบาย ให้แขกรู้เหมือนกัน แต่คงไร้ประโยชน์ ‘’ โอ๊ยเอาแต่เงียบอยู่อย่างนี้ เมื่อไรจะรู้เรื่อง’’ แขกบ่นอย่างอารมณ์เสียแล้วลุกไปที่หน้าต่างยืนหันหลังให้ ‘’ ก็ได้ เอจะพูด ‘’ เอพูดขึ้นหลังจากเงียบกันการตัดสินอย่างน้อยเอก็ควรเปิดเผยให้รู้ว่า เอต้องการสิ่งใดจากแขก ‘’ เอ้า..พูดมาเลย’’ ‘’ เอยอมรับว่าเอขี้น้อยใจ สิ่งที่เอได้รับจากแขกไม่ใช่ คู่นอนกันเท่านั้น แต่เอต้องการความรักปะปนอยู่ด้วย ‘’ เอพูดหลังจากที่ได้ระบายออกมานิดหน่อย ถอนใจยาวมองหน้าแขกที่ยืนฟังนิ่ง แล้วพูดต่อ ‘’ เอต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ความเอื้ออาทร แต่แขก ไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้กับเอเลย กลับไปมอบให้ผู้หญิงคนหนึ่ง’’  ‘’นี่พูดเรื่องอะไร ผู้หญิงที่ไหน ‘’ แขกโพล่งขึ้นมาบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรับฟังอยู่นาน ‘’ เอเห็นมากับตา ไม่ต้องให้บอกหรอกว่าที่ไหน ‘’  ‘’ บ้าที่สุด ผู้หญิงพวกนั้นผมไม่เคยจริงจังด้วยหรอก แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เท่านั้น คุณคิดมากไปเอง ‘’  ‘’ แต่เอไม่ชอบ ไม่ชอบให้แขกทำอย่างนี้ ‘’  ‘’ ถ้าอย่างนั้นเราก็เลิกกันซะดีมั๊ย’’ คำพูดไม่แยแสของแขกมันทำลายความรู้สึกของเออย่างยับเยิน แขกไม่เข้าใจความรู้สึกที่เปราะบางของเอ ซ้ำยังมองข้ามไปเสียอีก แล้วแขกก็จากไปจริงๆ จนกระทั่งเขาโทรศัพท์มาหา แต่แขกก็ยังเป็นแขกที่ยังใช้อารมณ์อยู่เช่นเดิม ภาพเหล่านั้นค่อยๆ เลือนไปจากความคิดของเอ เมื่อฝนเริ่มซาเม็ดลง แต่ยังคงตกประปรายเป็นละอองอยู่ ‘’ ฝนหลงฤดู ‘’ มักตกยาวนานเช่นนี้เสมอ เอไม่ยอมจมอยู่กับความเหงาให้นานเกินไปนัก ผลุนผลันลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า คนง่ายๆ อย่างเอใช้เวลาไม่นานมากนัก ครู่ใหญ่ก็ผลักประตูออกจากบ้าน ด้วยชุดเสื้อยืดหลวมๆ ยีนตัวเก่งกับรองเท้าคู่เก่าเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางละอองฝนที่โปรยลงมาบางๆ ‘’ คุณถ้ามีอดีตใช้ไหมครับ’’ เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ เขาเดินเคียงคู่มากับเอเมื่อไรไม่รู้ …. ดวงตาขี้เล่นของเอยิ้มเอว่าจะไม่สนใจเขาอยู่แล้ว แต่มีอะไรบ้างอย่างในดวงตาของเขา ทำให้เอต้องรับยิ้มกับไมตรีของหนุ่มแปลกหน้าที่หยิบยื่นให้ ‘’คงใช่มั้งฮะ ‘’  ‘’ นึกแล้วไม่ผิด เห็นหน้าเศร้าๆ ‘’ เขากล่าวไปเรื่อยๆ พร้อมเดินเคียงข้าง’’ คุณนี่ช่างสังเกตนะฮะ….แล้วคุณล่ะ’’  ‘’ เหมือนกัน ความเหงาทำให้ผมอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องเดินออกมาตากฝนเหมือนคนบ้า เพื่อหาเพื่อนสักคนหนึ่ง ‘’  ‘’ เพื่อน…’’ เอทวนคำเบาๆคำพูดของเขาเหมือนกับจะมาเป็นเพื่อนยังงั้นแหละ เอยิ้มให้เขา เกิดความรู้สึกที่ดีต่อเขาขึ้นมาเขามีอะไรบางอย่างคล้ายแขก ดวงตามองมานั้นอ่อนโยนเหมือนคนใกล้ชิด ‘’ แต่ว่าเขาจะเจ้าอารมณ์เหมือนแขกมั๊ยหนอ!! ‘’  ‘’ ใช่เพื่อนคุณอย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยมีเพื่อน ‘’ ชายคนนั้นดักคอเอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เอเหมือนรู้สึกคุ้น เหมือนได้คุยกับเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานมากกว่าจะคิดว่ากำลังคุยอยู่กับคนแปลกหน้า แต่หัวใจเริ่มแปลบขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงคำว่าเพื่อนเพื่อน’’ ใช่ฮะเอเคยมีแต่มันเป็นเพียงอดีตเท่านั้น’’  ‘’ ผมเองก็เหมือนกัน จึงค้นหาเพื่อนเพื่อปัจจุบัน’’ เขาหัวเราะเบาๆ แต่เอฟังแล้วมันแฝงด้วยความขื่นชอบกล ‘’ คุณชื่ออะไรฮะ เอยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ‘’ ‘’ ต้นครับต้นที่เหี่ยวเฉาไร้ทั้งดอกทั้งใบ กับรากที่เหี่ยวเฉารอวันโค่นล้ม’’  ฟังคล้ายเขาพูดเล่น แต่เอรู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น น้ำเสียงเขาเศร้านัก ‘’ เอไม่มีคำปลอบคุณนะ เอ ปลอบใครไม่เป็น’’ ‘’ ถ้าพูดจากใจจริง ก็เป็นคำที่ซึ้งที่สุด ‘’ เขายิ้มอีก พลางล้วงสิ่งหนึ่งยื่นให้ มันเป็นการ์ดนามบัตรเล็กๆ ‘’ ยามใดที่ต้องการเพื่อนผม ยินดีพร้อมเสมอ เพราะคิดว่าคุณเป็นเพื่อนผมแล้ว แม้ยามนี้คุณยังไม่ต้องการก็ตาม’’  ‘’ ขอบคุณนะฮะ ‘’ เอตอบไม่ได้ มากไปกว่านี้ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตื่นเต้นยินดีหรือไม่ กับคำว่า เพื่อนใหม่ เพราะหัวใจยังเจ็บแปลบอยู่กับเพื่อนเก่าอีกคนที่จากไป  เขาเหลือบมองดูเอ นิดหน่อยสองเท้ายังคงก้าวไปเรื่อยๆ มีเสียงถอนหายใจยาวดังออกมาในความมืดสลัวแสงไฟที่ริบรี่ริมทาง ‘’ ผมต้องการแยกกับคุณตรงนี้บ้านผมอยู่ซอยนี้เอง’’  ‘’ ขอบคุณฮะที่เป็นเพื่อนคุย..โชคดีฮะ’’  ‘’ ครับโชคดีเช่นกัน’’ เขาพาร่างสูงโปร่งแยกเข้าซอยเล็ก ๆหลังจากที่โบกมือให้ เอ ยืนมองสังเกตดูสถานที่เพื่อการจดจำแล้วก้าวเดินต่อไป อย่างไม่มีจุดหมายนี่ถ้าเพื่อนสักคนเดินร่วมเคียงข้างอยู่ด้วยเช่นเขา เหมือนเมื่อครู่นี้  ความเหงาก็คงโบยบินจากใจ ‘’ เพื่อน’’ เอเริ่มนึกถึงคำนี้อีกแล้ว ฝนเริ่มตั้งเค้าตั้งแต่เช้ามานี่ เอยังไม่เห็นแสงแดดเลย เอคิดถึงคนที่ชื่อต้นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้จึงต้องลุกออกจ่ากบ้าน เดินเบี่ยงตัวอาศัยชายคาร้านขายของเพื่อหลบฝนที่โปรยลงมา ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ทำไมถึงต้องไปพบเขาในเมื่อฝนตกลงมาอย่างนี้ ผู้คนเดินสวนทางไปมาไม่มากนัก อาจจะเป็นเพราะฝนเป็นเหตุก็ได้ เอหลบเข้าร้านอาหารห้องแอร็ปิดกระจกทึบหน้าซอยเล็กๆ ที่ แยกจากเขาเมื่อคืน สั่งอาหารกับเครื่องดื่มมา สายตามองฝ่าฝ้าไอน้ำที่จับกระจกหน้าต่างร้านแห่งนี้ออกไปด้วยความหวังว่าจะได้พบกับเขา ‘’ ต้น’’ …เพื่อน…. ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่สายตากำลังข้ามถนน ทำให้หัวใจของเอเต้นแรง เอกระพริบตาถี่เหมือนจะมองให้แน่ใจว่าไม่ผิดแน่ต้นจริงๆ ด้วย แม้ว่าภายนอกจะสลัวแต่เอก็จำร่างเขาไม่ผิด เขาข้ามฝั่งตรงมาที่หน้าร้าน แล้วผลักบานประตูเข้ามา เอคิดจะทักเขา แต่ความรู้สึกต้องหยุดชะงักสะดุดลงเมื่อบริกรหนุ่มวัยรุ่นหน้าสวยปราดเข้าไปต้อนรับ ทั้งฉุดแขนเขาอย่างสนิทสนมทันทีที่เห็น แล้วพาไปนั่งโต๊ะห่างๆจากที่เอนั่ง เอมองภาพนั้นด้วยใจที่สั่น หวิวเขามองมาที่เอเหมือนกัน เขาคงจำไม่ได้ เพราะแววตาเขาดูว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า มันบาดใจจนน้ำตาแทบไหลริน เอรีบขอกระดาษปากกาจากบริกรมาจดข้อความอย่างหนึ่ง และสั่งเช็คบิล เมื่อเรียบร้อยจึงยื่นกระดาษจดข้อความเอาไปให้ต้นแล้วลุกออกจากร้านอย่างรวดเร็ว บริกรรีบนำกระดาษที่เอ โน้ตไปยื่นให้ตามคำสั่ง ‘’ พี่ฮะ คนนั้น ให้เอามาให้’’ ต้นรับกระดาษแผ่นนั้นมาอย่างงง มองตามหลังผู้ที่เปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปมองโต๊ะที่เอนั่งอยู่เมื่อครู่ ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า จึงยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นอ่านใจความ ‘’ ความเหงามาเยือน อยากมีเพื่อนสักคน ความเหงาก็คื้อความเหงา เศร้านะ กับคำว่าเพื่อน…’’  จากเอ  ‘’เดี๋ยวพี่มา’’  เขาลุกพรวดพราดบอกพนักงานเสิร์ฟ ผลักประตู วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ละอองฝนโปรยมาบางๆ เอเริ่มน้ำตาไหลรินขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำว่าเพื่อน ที่หาไม่ค่อยจะเจอเท้าที่ก้าวเดินหยุดชะงักลงเมื่อมีร่างสูงๆวิ่งมาหยุดยืนดักหน้า เอเงยหน้าขึ้นมองเขาส่งยิ้มให้ ดวงตาเขาไม่ว่างเปล่าเหมือนตอนที่อยู่ในร้าน เขาจำเอได้แล้ว เอยิ้มรับทั้งน้ำตา เขากับเอยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกมาทุกขณะตกลงมามากๆ เถอะฝนมันจะได้ช่วยชำระล้างคราบน้ำตาให้หมดไปเสียที ฝนหลงฤดู….’’ แต่ใจเอคงไม่หลงทางอีกเป็นครั้งที่สอง เอบอกกับตัวเองด้วยความมั่นใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น