วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าคาวน้ำกาม 7

กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"
ฮัลโหล" ผมรับสาย ด้วยน้ำเสียงที่สะลึมสะลือเพราะเพิ่งตื่นนอน
"
เมื่อคืนโทรไปทำไมไม่รับสาย?" เสียงขอป้องถามขึ้นมาอย่างสงสัย
"
พาน้องรหัสไปเลี้ยง จากนั้นไปต่อที่จีจี้ โทรมาหาแต่เช้าเลยนะ คิดถึงเราหรือ?" ผมพูดอย่างอารมณ์ขัน (หายง่วงเลยตรู ต้องพยายามทำใจดีสู้เสือเอาไว้นะ)
"
เช้าอะไร? นี่มันปาเข้าไปจะเที่ยงกว่าแล้ว คงจะกลับมาสว่างคาตาละซิ ถึงได้ตื่นเอาป่านนี้?" ป้องพูดน้ำเสียงเหน็บแนม (ผมมองดูนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง แอบตกใจเล็กน้อย ปล่อยไก่ไปหลายเล้าเลยตรูงานนี้)
"
กลับมาตี 1 เอง เมื่อคืนปวดหัวเลยกินยาแก้ปวดเข้าไป เลยตื่นสายแบบนี้ ถามแบบนี้แสดงว่าหึงละซิ?" ผมพูดจาเล่นลิ้นฝ่ายตรงข้าม
"
ไม่ได้หึง แต่ หวง หวงมากๆด้วย" ป้องพูดชนิดแอบซึ้งนิดๆ
"
ปากหวานแบบนี้ อยากได้อะไรเป็นรางวัลดีละ?" ผมหยอกฝ่ายตรงข้าม
"
รางวัลไม่อยากได้หรอก แต่อยากทำหน้าที่ผัวที่ดีมากกว่า" ป้องเล่นมุขกลับ
"
บ้า... แล้วจะมากี่โมง? จะได้เตรียมตัวอาบน้ำประแป้งพรมน้ำหอมรอ แล้วจะมากินข้าวเย็นด้วยกันไหม?"
"
กำลังจะถามนายอยู่พอดีเลย เรามาหานายตอนบ่าย 3 โมง ได้ไหม? เราจะพานายไปดูหนังด้วยกันก่อน จากนั้นค่อยไปกินข้าวเย็น" ป้องบอกรายละเอียด
"
ได้เลย งั้นเราจะรอนะ แล้วเจอกัน" ผมตกปากรับคำ พร้อมกับวางสาย
"
แฟนโทรมาหรือครับ?" น้องก้องเอ่ยถาม
"
อ้าว... ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อกี้ยังเห็นหลับปุ๋ยอยู่เลย" ผมแอบสะดุ้งเล็กน้อย
"
นานพอที่จะได้ยินพี่กันต์คุยจ๊ะจ๋ากับแฟนทางโทรศัพท์" น้องก้องแซวผม
"
ไม่ใช่เรื่องของเราน่า เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม? เห็นกรนซะเสียงดังลั่นเลย" ผมพยายามพูดเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"
นอนหลับสบายดี ที่นอนพี่กันต์นุ่มน่านอนมาก คราวหน้าคงต้องขออนุญาตมานอนค้างบ่อยๆแล้ว ได้ไหมครับ? " น้องก้องทำหน้าเป็นใส่ผม
"
ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเรา กับรุ่นพี่นี่ยังเล่นไม่เลิก" ผมหยอกน้องก้อง โดยพยายามที่จะไม่พูดเรื่องที่โดนน้องก้องลักหลับ (เพราะเขินอายและก็ทำตัวไม่ถูกด้วย อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นเหตุผลที่เคยได้บอกไปในตอนที่แล้ว) ส่วนน้องก้องก็เก็บงำเรื่องราวได้เนียนมาก เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น (ตรูละนับถือในความเป็นมืออาชีพจริงๆ)
"
เราตื่นก็ดีแล้ว รีบไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำให้เรียบร้อยซะ เดี๋ยวพี่จะพาไปกินข้าวเที่ยง และก็จะพาไปส่งที่หอด้วย" ผมบอกน้องก้องให้เตรียมตัว
"
โห... พอแฟนจะมาหา รีบผลักไสไล่ส่งน้องเลยนะ ผมยังไงก็ได้ครับ แม้พี่กันต์จะมีแฟนแล้วก็ตาม ถ้าว่างๆอยากจะมาเล่นอะไรสนุกๆเสียวๆกับผมอีก บอกมาได้เลยนะครับ สำหรับพี่กันต์ผมยินดีเสมอ ผมชอบอะไรที่ไม่ผูกมัดมีข้อแม้ให้มันยุ่งยากเสียเวลา ชอบแบบน้ำแตกแล้วทางใครทางมัน" น้องก้องประกาศเจตนารมที่แน่วแน่
"
ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆนะเรา รีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเลยไป ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจให้เราเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวพี่"
ก๊อก.... ก๊อก..... ก๊อก...... เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ผมเดินไปเปิดประตูอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่บอกก็คงรู้ว่าใครมาเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกมา แค่เห็นใบหน้าของป้องก็ทำให้วันทั้งวันของผมนั้นสดชื่นสดใสขึ้นมาอย่างทันที
"
แต่งตัวซะหล่อเชียว ไม่ได้เจอแค่วันเดียว นายดูหล่อขึ้นเป็นกอง" ผมเอาแขนทั้งสองข้างพาดลงไหล่ทั้งสองของป้อง พร้อมกับส่งสายตาพิศวาส (ตรูทำไมอ้อล้อได้น่าตบอย่างนี้)
"
นายก็เหมือนกัน ยิ่งดูยิ่งหล่อ ยิ่งมองนานๆ ค_ยเราเริ่มแข็งขึ้นมาทันที อยากจะทำหน้าที่ผัวที่ดีแล้วซิ" ป้องใช้มือตบเบาๆที่ก้นของผม พร้อมกับยื่นเป้ากางเกงมาสีๆตรงเป้ากางเกงของผม
"
ไอ้บ้า... เพิ่งจะเจอหน้ากัน ทักทายยังไม่ทันขาดคำ อยากจะเอาแล้วเหรอ เงี่ยนได้ตลอดเวลาจริงๆนะ" ผมพูดกระแหนะกระแหนป้อง
"
มันเงี่ยนนี่เงี่ยนก็ต้องเอาน้ำออก ถูกไหม? ถ้านายไม่อยากให้เราทำหน้าที่ผัวที่ดี ก็ไม่เป็นไร เราไม่ชอบบังคับใคร เดี๋ยวเราขอตัวไปชักว่าวในห้องน้ำก่อนนะ" ป้องทำท่างอนใส่ผม
"
ใจน้อยจริงๆนะนาย หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย ทำเป็นใจน้อยไปได้ เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย มานี่... " ผมดึงแขนป้องไว้ พร้อมกับโอบกอดป้อง
"
คิดถึงนายมากเลย นี่ขนาดไม่ได้เจอหน้านายแค่หนึ่งวัน เรายังเป็นเอามากขนาดนี้" ผมใช้ริมฝีปากจูบประกบปากของป้อง เราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม
ผมเอื้อมมือลงไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของป้องออกทีละเม็ดๆ (ป้องใส่กางเกงยีนส์แบบที่ใช้กระดุมแทนซิปส์) จากนั้นผมก้มลงไปสูดดมกลิ่นสาบเสน่หาของความเป็นชาย ที่นอกกางเกงในตัวจิ๋วของป้อง ผมใช้ปลายจมูกลากไปทั่วบริเวณเป้านอกกางเกง จนท่อนเอ็นของป้องแข็งโด่ได้ที่ โผล่หัวที่เปิดบานเป็นดอกเห็ดออกมาทักทาย
ผมแลบลิ้นไปเลียที่ส่วนหัวของท่อนเอ็น ที่มีน้ำเยิ้มๆซึมออกมาจากรู่ท่อขนาดเล็ก
ป้องหลับตาพริ้ม พร้อมกับครางออกมาด้วยความเสียว
ผมจัดการถลกกางเกงในและกางเกงยีนส์ของป้องลงไปกองที่ข้อเท้า
ผมถวายบัวให้ป้องอย่างไม่รอช้า ส่วนป้องนั้นก็ส่ายสะโพกโยกกระเด้าเอาท่อนเอ็นเข้าๆออกๆปากผม โดยใช้มือจิกเส้นผมของผมเพื่อควบคุมบังคับให้เป็นจังหวะจะโคน
ปากของผมอมๆดูดๆท่อนเอ็นของป้อง โดยที่มือทั้งสองข้างไม่ได้ปล่อยไว้ให้ว่างเปล่าแต่อย่างใด มือขวาลูบๆขยำๆเส้นหะมอยอันดกดำหยิกหยองของป้อง และมือซ้ายก็เล่นปูไต่ตรงบริเวณกะโปก
"
นายดูดได้เซียนโคตรๆ เราใกล้จะแตกแล้ว" ป้องเริ่มใช้มือจิกเส้นผมของผมอย่างแน่นขึ้น พร้อมกับกระเด้าท่อนแข็งเข้าๆออกๆปากผม อย่างระรัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ
"
อู๊ย... อู๊ย... แตกแล้ว " ป้องครางออกมา โดยพ่นน้ำกำหนัดเข้าปากผมอย่างเต็มๆ ส่วนผมนั้น ทั้งกลืน ทั้งดูด ทั้งเลีย น้ำเงี่ยนของป้องอย่างเมามันส์
ใจจริงแล้วผมอยากจะร่วมเพศกับป้อง หรือเรียกตามประสาชาวบ้านว่า ให้ป้องเอาอย่างเป็นรูปแบบเต็มๆ แต่เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด (เพราะเราทั้งสองแพลนกันว่า จะออกไปดูหนังและก็กินข้าวเย็นข้างนอก) ถ้าขืนมัวเอากันอย่างเป็นการเป็นงาน รับรองไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกแน่ๆ
ดังนั้นผมจึงแค่ทำ oral sex เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อน พอกลับมาจากข้างนอก ก็ค่อยร่วมประเวณีอย่างครบเครื่่องเต็มรูปแบบ
-----
ณ ห้างสรรพสินค้ากาดสวนแก้ว --------
พอซื้อตั๋วหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่รอรอบหนังฉายเป็นเวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ผมกับป้องจึงพากันไปเดินเล่นดูของตามร้านต่างๆ
ป้องพาผมไปดูร้านขายหนังสือญี่ปุ่นและสินค้าต่างๆที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น ป้องมาที่ร้านนี้เป็นประจำเพื่อมาซื้อการ์ตูนญี่ปุ่น หรือไม่ก็หนังสือจำพวกนิตยสารของญี่ปุ่น (ป้องชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาก ส่วนหนังสือนิตยสารญี่ปุ่นนั้น ป้องซื้อมาดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะป้องเรียนทางด้านศิลปะ)
ขณะที่ผมกำลังดูนิตยสาร โดยมีป้องยืนเลือกการ์ตูนอยู่ชั้นหนังสือฝั่งตรงข้าม....
"
โชคดีจัง เจอกันบังเอิญที่นี่อีก" เสือเข้ามาสะกิดที่ไหล่ของผม
"
นึกว่าใคร เสือ นั่นเอง เมื่อคืนกลับกี่โมง?" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะตกใจที่เจอเสือโดยบังเอิญที่นี่ (จริงๆแล้ว กลัวป้องจะมาเจอและเข้าใจผิด)
"
ตี 2 กว่าๆ นี่... กันต์มาคนเดียวหรือว่ามากับใคร?" เสือถามผม พร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวา (เวลานี้ป้องก็กำลังเดินเข้ามาทางผมและเสือ ตรูจะทำอย่างไรดีนี่?)
"
เราไม่ได้มาคนเดียว แล้วเสือมากับใคร?" ผมพยายามตอบแบบเผินๆ (ป้องเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมและเสือ โดยป้องทำทีเป็นว่า กำลังมองหาหนังสือ)
"
มากับเพื่อน นั่งกินไอติมอยู่ที่สเวนเซ่นส์ เราเดินไปเข้าห้องน้ำ บังเอิญผ่านมาทางนี้ เลยมาเจอกับนายเข้า เราต้องรีบไปก่อน ดันมาเข้าห้องน้ำตอนที่เพื่อนๆเรียกเก็บเงินด้วยซิ เดี๋ยวจะหาว่าเราเบี้ยวไม่ยอมจ่ายตังส์อีก ยังไงคงจะได้เจอกันโดยบังเอิญอีกนะ ไม่ที่ไหนก็ซักที่ หรือไม่ก็มาหามาคุยกับเราที่หอชาย 2ห้อง 222 ก็ได้นะ จำง่ายออก" เสือพูดทิ้งทวนปนเชิญชวน ก่อนที่จะเดินออกไปจากร้าน
"
โอ้โห... มีการบอกที่อยู่และเบอร์ห้องให้เสร็จสรรพเลยนะ เมียเรานี่เป็นที่ต้องการของตลาดจริงๆ แบบนี้เราควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่?" ป้องพูดประชดประชัน
"
บ้า... คิดอะไรแต่ละอย่างนี่ ไม่พ้นเรื่องใต้สะดือเลยนะ ที่พูดแบบนี้ หึง เราใช่ไหม?" ผมแกล้งงอนพร้อมทั้งเชิดใส่ฝ่ายตรงข้าม นิดๆ
"
ถ้าไม่หึงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ทำไมไม่บอกไปละว่า มากับผัว ไอ้คนนั้นก็เหลือเกิน เล่นเดินเข้ามาหาเมียชาวบ้านแบบไม่เกรงใจเลย ผัวเขายืนหัวโด่อยู่ทั้งคน แล้วไปเจอกันที่ไหนอย่างไร? ได้เสียกันหรือยังละ?" ป้องพูดทีเล่นทีจริง (ซึ่งผมดูไม่ค่อยออกว่า พูดเล่นติดตลก หรือพูดจริง)
"
นายคิดได้แค่นี้เองเหรอ? พูดแบบนี้ นายไม่ให้เกียรติเราเลยนะ นอกจากจะไม่ให้เกียรติแล้ว นายไม่เชื่อใจเราอีกด้วย เราเพิ่งเจอเขาเมื่อคืนนี้ ตอนที่ไปจีจี้กับน้องรหัส คุยกันได้ไม่ถึง 10 นาทีเลย อีกอย่างน้องรหัสเราเมา เราเลยต้องคอยแบกไปส่งที่หอ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และสีหน้าที่เคร่งเครียด
"
ทำไมต้องทำหน้าจริงจัง ซีเรียสด้วย เราแค่จิกกัดนายเล่นๆเอง ขอโทษนะที่อาจจะเล่นแรงไปหน่อย เราเชื่อใจนายและเชื่อที่นายเล่าให้เราฟังทุกอย่าง อย่าโกรธผัวเลยนะ เมียจ๋า" ป้องจับมือผมพร้อมกับค่อยบรรจลูบอย่างเบาๆ (ได้ยินแบบนี้แล้ว ผมค่อยโล่งใจสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังแอบงอนอยู่นิดๆ)
"
บ้า... เล่นอะไรก็ไม่รู้ คราวหน้าเวลาจะพูดอะไรลงไป หัดนึกถึงหัวอกคนฟังบ้าง ถ้านายอยากให้เราหายโกรธละก็ ช่วยทำหน้าที่ผัวที่ดีด้วย เลี้ยงข้าวเย็นเรานะ เราอยากกินเอ็มเคสุกี้มาก จะสั่งมาให้เต็มโต๊ะชนิดที่เจ้ามือกระเป๋าฉีกเลย คอยดูเถอะ" ผมพูดด้วยสีหน้าที่เขินอายปนติดตลกนิดๆ
"
ครับ... ผมจะเลี้ยงข้าวเย็น จากนั้นเลี้ยงของหวานคือ ไอติมแท่งหัวแดง ยิ่งดูดยิ่งมีครีมสีขาวข้นหวานมันราดที่หัว ตบท้ายด้วยถั่วดำสูตรประตูหลังระบม รับรองว่าต้องรักผัวคนนี้ไปอีกนาน" ป้องพูดอย่างทะลึ่งทะเล้น
ยิ่งอยู่ใกล้ นับวัน.... ผมก็ชักจะเริ่มหลงรักผู้ชายที่ชื่อ "ป้อง" มากขึ้นทุกทีๆแล้วซิ (ทำอย่างไรดี? ตรูยังไม่เคยรู้สึกกับใครมากเป็นพิเศษแบบนี้มาก่อน ทั้งโดนใจทั้งได้ใจไปเต็มๆ)
เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับป้อง นับวันยิ่งไปกันได้ดีมากๆ เราทั้งสองได้เลื่อนสถานะภาพความสัมพันธ์จาก "คู่ขา" มาเป็น "คู่รัก"
ผมยังจำได้ดีเกี่ยวกับวันที่ป้องสารภาพความในใจกับผมและอยากจะเปลี่ยนสถานะภาพความสัมพันธ์
วันนั้นเป็นคืนวันลอยกระทง ผมกับป้องไปลอยกระทงด้วยกันที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ตรงบริเวณใกล้ๆกับสะพานนวรัฐ หลังจากที่อธิฐานและลอยกระทงเสร็จแล้ว เราทั้งสองก็นั่งชมพระจันทร์อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
ป้องจับมือขวาของผมขึ้นมา พร้อมกับใช้มือของตัวเองลูบไล้ตรงฝ่ามือของผมให้อยู่ในลักษณะแบมือ จากนั้นป้องได้ใช้นิ้วชี้เขียนลากวนเป็นรูปหัวใจใส่ที่ฝ่ามือของผม พร้อมกับใช้มือของตัวเองห่อมือของผมให้อยู่ในลักษณะกำมือ
"
หัวใจของเราอยู่ในกำมือของนายแล้ว นายต้องดูแลรักษาทะนุถนอมให้ดี อย่าทิ้งขว้างหรือทำให้หัวใจดวงนี้บอบช้ำเป็นอันขาด" ป้องจูบลงบนแก้มของผม (ตอนนี้ตรูรู้สึกเขินมากๆ จนทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึก feeling in love แบบนี้)
"
หัวใจของเราก็อยู่ในกำมือนายเหมือนกันนะ ขอให้นายดูแลรักษาและอย่าทำร้ายให้หัวใจนี้ต้องเจ็บช้ำเป็นอันขาด" ผมทำแบบเดียวกับที่ป้องได้ทำกับผม
คืนวันนั้นผมมีความสุขมากๆ เพราะเป็นคืนที่ผมมีคนให้รักและในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ถูกรักด้วย คราวนี้ผมสามารถเรียกใครคนหนึ่งว่า "แฟน" ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่ไม่เคอะเขินแต่อย่างใด
ผมกับป้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกๆวันสุดสัปดาห์ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์-พฤหัส นั้น เป็นช่วงเวลาส่วนตัวของแต่ละฝ่ายที่จะจัดการหรือทำภาระกิจหน้าที่ของตนเอง ให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปก่อน
ตลอดช่วงประมาณเกือบๆ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมไม่ได้มีโอกาสเจอป้องเลย เพราะว่าป้องติดกิจกรรมของคณะ ต้องซ้อมการแสดง "ลูกทุ่งวิจิตร" ซึ่งเป็นงานประเพณีของคณะวิจิตรฯที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมากมาย (ชนิดที่ดังข้ามมหาลัยเลยทีเดียว) รูปแบบของงานจะคล้ายๆกับงานมหกรรมคอนเสิร์ตลูกทุ่งที่ยิ่งใหญ่ มีการแสดงโชว์ที่อลังค์การดาวล้านดวงและมีการเล่นตลกคั่นหน้าม่าน
ยิ่งใกล้ช่วงวันที่จะเปิดแสดงแล้ว ต้องซ้อมอย่างหนักชนิดที่แทบจะปลีกเวลาไปไหนได้เลย (ลืมบอกไปว่า ป้องได้เป็นนักร้อง ร้องเพลงบนเวที ซึ่งจะร้องเพลงอะไรนั้น ผมพยายามคะยั้นคะยอถามป้องแล้ว แต่ป้องไม่ยอมบอก ป้องบอกแต่ว่า "อยากรู้ก็ต้องไปดูเอาเอง")
"
เพิ่งเรียนเสร็จเหรอ?" บอลเจอกับผมโดยบังเอิญที่ใต้คอนโด
"
เออ.... แล้วนายละ?" ผมถามบอล
"
เหมือนกัน โคตรเซ็งเป็นบ้าเลยวิชานี้ กว่าจะหมดชั่วโมงได้ นั่งรากงอกพอดี เย็นนี้นายอยู่ห้องไหม? ว่าจะขอเข้าไปเล่นเกมส์ซักหน่อยได้ไหม?" บอลขออนุญาตผม (ก่อนหน้านี้ บอลเคยมานั่งคุยและนั่งเล่นวีโดเกมส์ที่ห้องผมประมาณ 2-3ครั้ง)
"
ได้เลย ยังไงนายก็เคาะประตูเรียกละกัน" ผมเดินแยกขึ้นบันไดไป ส่วนบอลนั้น ยืนดื่มน้ำอัดลมอยู่ที่ร้านมินิมาร์ทใต้คอนโด
เมื่อเดินมาถึงประตูห้อง ผมเห็นถุงกระดาษขนาดย่อมแขวนห้อยอยู่ที่ลูกบิดประตู ผมเปิดดูปรากฏว่าเป็น บัตรเข้าชมงานลูกทุ่งวิจิตร 2 ใบ พร้อมกับสูจิบัตรบอกกำหนดการต่างๆอย่างคร่าวๆ
"
ต้องไปดูให้ได้นะ ถ้าไม่ไปโกรธจริงๆด้วย ป้อง.. " ป้องทิ้งโน๊ตสั้นๆไว้ข้างใน
ผมถือถุงกระดาษไว้แน่น พร้อมกับยืนยิ้มอยู่คนเดียว
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ผมเดินไปประตู..........
"
นายยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือ? นี่กะจะใส่ชุดนักศึกษาทั้งวันทั้งคืนหรือยังไง? รักสถาบันจริงๆนะ" ผมแซวบอล
"
ขี้เกียจว่ะ อีกอย่างถ้าขืนเปลี่ยนชุดบ่อยๆ มีหวังจ่ายค่าซักรีดอานแน่ๆ นี่นายจะไปไหน? เรามาขัดจังหวะนายหรือเปล่า?" บอลจ้องมองไปที่มือของผม ซึ่งกำลังถือกระเป๋าสตางค์และกุญแจห้อง
"
นายมาก็ดีแล้ว อยู่เฝ้าห้องให้เราแป๊บหนึ่ง เราจะได้ไม่ต้องถือกุญแจไป กางเกงเรายิ่งกระเป๋าตื้นอยู่ด้วย แค่ถือกระเป๋าตังส์อย่างเดียวก็เต็มมือแล้ว คือ เราจะเดินไปซื้อขนมและของกินที่ถนนปากทาง หิวสุดๆ นายจะเอาอะไรไหม?"
"
อะไรก็ได้ซื้อมาเถอะ เรากินได้หมด"
"
งั้นอยู่เฝ้าห้องนะ เดี๋ยวเรามา ม้วนเกมส์ ม้วนวีดีโอ ทั้งหมดอยู่ในลิ้นชักใต้โต๊ะวางทีวี นายรู้ใช่ไหม? ยังไงก็เปิดหาเอาเองละกัน อยู่แถวๆนั้น" ผมเดินออกจากห้อง
หลังจากซื้อของกินต่างๆเรียบร้อยแล้ว ผมกลับมาที่ห้อง พอเข้ามาในห้อง ผมตกใจจนแทบช็อค เมื่อมองเห็นหนังสือเกย์และม้วนวีดีโอเอ็กซ์เกย์ ที่ผมซื้อและเช่ามาดู วางอยู่บนพื้นข้างโต๊ะวางทีวี
ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน (ที่อายเพราะยังไม่รู้ว่า บอลเป็นผู้ชายแท้ๆหรือมีรสนิยมทางเพศแบบเดียวกับผม เวลาอยู่ต่อหน้าบอล ผมมักจะเก๊กแมนใส่ตลอด) จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นความสะเพร่าเผลอเรอของผมเอง ที่ไม่รู้จักเก็บของพวกนั้นให้มิดชิดเป็นที่เป็นทาง
"
นายคงจะรู้เห็นอะไรแล้วซินะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนประหม่า เวลานี้ผมไม่กล้าสู้หน้าบอลมากๆ
"
ทำไมนายต้องซีเรียสขนาดนั้นด้วย มันไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเรื่องใหญ่หลวงอะไรเลย นายไม่ต้องกลัวนะว่า ถ้าเราเห็นหนังสือและวีดีโอเทปพวกนั้นแล้ว เราจะเลิกคบนายหรือรังเกียจนาย เราไม่ได้ตัดสินคนจากตรงนี้ ที่เราคบนายก็เพราะนายเป็นคนที่มีจิตใจดีและจริงใจ เรายังจำครั้งแรกที่เจอนายได้ รถมอเตอร์ไซด์เราล้มคว่ำ นายยังมีน้ำใจมาช่วยพยุงรถ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และพูดตักเตือนให้เราได้คิด" บอลยิ้มให้กำลังใจผม
"
ขอบใจมากนะ บอล... แล้วนายได้เปิดอ่าน เปิดดู บ้างหรือยัง? ถ้าสนใจเราให้ยืมไปอ่าน ไปดู ที่ห้องนะ" ผมยิ้ม พร้อมกับพูดแซวฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้บรรยายากาศกลับมาเหมือนเดิม
"
ถ้าเรายืมไปหมดนี่ แล้วนายจะเอาที่ไหนดู ตอนที่อารมณ์เปลี่ยวละ?" บอลแซวย้อนกลับ
"
อืม.... " ผมมองบอลอย่างรู้ทัน
"
อาทิตย์หน้านายว่างไหม?" ผมถามขึ้นมา
"
ว่าง มีอะไรเหรอ?" บอลมองหน้าผมอย่างสงสัย
"
จะชวนไปดู ลูกทุ่งวิจิตร ด้วยกัน ได้บัตรฟรีมา 2 ใบ ไปหรือเปล่า?"
"
ไปซิ ว่าแต่... แฟนให้บัตรมาหรือ? เมื่อตอนสายๆเราเห็นไอ้หนุ่มผมยาวเอาถุงอะไรซักอย่างมาแขวนไว้ตรงประตูหน้า ห้องนาย เขาพยายามเคาะห้องนายตั้งหลายครั้ง สงสัยตอนนั้นนายคงจะไปเรียน ไอ้หนุ่มผมยาวคนนั้น แฟนนายใช่ไหม? เราเห็นเขามาหานายที่ห้องตั้งหลายครั้ง และยังเห็นนายเดินไปไหนมาไหนกับเขาอยู่บ่อยๆ" บอลถามผมอย่างตรงไปตรงมา
ผมตอบโดยการพยักหน้า เพราะเขินจนพูดไม่ออก และไม่ชินปากด้วย
"
พูดแค่นี้ ทำเป็นเขินไปได้ นายช่างเข้าใจหาแฟนนะ แบบว่าหาแฟนได้เหมาะกับนายมากๆ นายเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลา แถมแฟนนายก็หน้าตาเท่ห์ๆเซอร์ๆ สมกันมากๆคู่นี้" บอลพูดยอผม
ผมได้แต่ยิ้มๆๆๆๆๆๆ และก็ยิ้ม (มันเขินนี่ จะพูดจะบอกอะไรก็กลัวโดนแซว แค่นี้ก็หน้าแดง แก้มแดง มากพอแล้ว)
ใจจริงแล้ว ผมอยากจะชวนนพไปดูลูกทุ่งวิจิตรกับผม เพราะนพเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม เวลาที่พวกเราไปงานแบบนี้กัน ก็มักจะชอบใช้สายตาเป็นเรด้าสอดส่องหาเป้าหมายที่เป็นหนุ่มหล่อๆ จากนั้นก็มาให้คะแนนความหล่อ หรือไม่ก็นินทาเม้ามอยเรื่องชาวบ้านต่างๆนานา
แต่ในตอนนี้ นพเป็นแฟนกับพี่ต่อ แน่นอน ถ้านพไป พี่ต่อก็ต้องพ่วงท้ายไปด้วย (สองคนนี้ตัวติดกันมากๆ ยิ่งกว่าปาท่องโก๋อีก) รู้ๆกันอยู่ว่า ผมกับพี่ต่อไม่กินเส้นกัน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงอาหารคณะ
เพราะฉะนั้นชวนบอลไปดูลูกทุ่งวิจิตรกับผม จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
----------
ภายในงาน "ลูกทุ่งวิจิตร" -----------
"
คนเยอะจริงๆ" บอลกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณงาน
ส่วนผมนั่งถือพวงมาลัยรอคล้องคอให้นักร้องรูปหล่อคนหนึ่ง ผมอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งทำพวงมาลัยตลอดวัน พวงมาลัยมาลัยที่ว่านี้ ทำด้วยลูกอมมายมิ้นท์และขนมปักกิ่ง โดยมีโรตีสายไหมใส่ในถุงพลาสติกใสเล็กๆ พันระโยงระยางรอบพวงมาลัย (ขนมหวานดังกล่าว ป้องชอบกินมากๆ)
ผ่านไปได้ซัก 3-4 เพลง ในที่สุด นักร้องรูปหล่อที่ผมรอคอยก็ออกมาปรากฏโฉม ในเพลงลูกทุ่งที่ความหมายอาจจะถูกใจบรรดาแม่ยกหลายต่อหลายคน แต่สำหรับผมนั้น ......... (เออ ไม่ขอออกความเห็น) ............
"
หัวใจผมว่างจะมีใครบ้างจับจอง เปิดโอกาสให้คุณครอบครองมาจับมาจองหัวใจผมได้ รับรองไม่เสียนายหน้าแป๊ะเจี๊ยแต่อย่างใด ให้คุณผู้หญิงมาจองไว้ ส่วนคุณผู้ชายผมห้ามจอง ......................................... " เพลงนี้ชื่อเพลง "หัวใจผมว่าง"
ป้องร้องเพลงนี้ได้ไพเราะเพราะพริ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งน้ำเสียงและลูกคอ
ใครจะไปคิดว่า ป้องผู้ที่ชื่นชอบหลงใหล ร้องเป็นแต่บทเพลงนูโว และ อัสนี-วสันต์ จะสามารถทำเซอร์ไพร์สซ์ร้องเพลงลูกทุ่งได้อย่างมีเสน่ห์มากๆ
"
แฟนนายนี่ เท่ห์สุดๆ ยังไม่รีบออกไปคล้องพวงมาลัย เดี๋ยวก็มีคนมาคล้องตัดหน้าหรอก ไหนนายบอกว่าจะต้องออกไปคล้องเป็นคนแรกไง" บอลเน้นย้ำผม
"
เออ... ใช่.... เกือบลืมไป เดี๋ยวมานะ" ผมรีบเดินออกไปหน้าเวทีอย่างรวดเร็ว
คืนนี้ป้องดูหล่อมีสง่าราศีมากๆ เป็นความหล่อที่ดูพิเศษแตกต่างออกไปจากความหล่อที่เห็นอยู่ทุกวัน
ป้องก้มโน้มตัวลงรับพวงมาลัยจากผม แววตาของเราทั้งสองจ้องประสานกันอย่างดื่มด่ำชื่นฉ่ำจับใจ ถ้าไม่ติดตรงที่คนดูเยอะมากขนาดนี้ ผมอยากจะหอมที่แก้มของป้องหลายๆฟอดให้หายคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมาเป็น อาทิตย์ๆ
เมื่อคล้องพวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผมหันหลังจะเดินกลับมายังที่นั่งของตนนั้น ผมเห็นชะนีนางหนึ่ง แต่งตัวตามสมัยนิยม(ในขณะนั้น) แถมยังเปียผมทั้งสองข้างยังกับพจมานเดินเข้าบ้านทรายทอง ในมือของน้องนีถือตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่ที่มีรูปหัวใจสีแดงดวงใหญ่ติดตรงที่ อก
น้องนีเดินอย่างมาดมั่นมุ่งตรงเข้าไปที่ตัวนักร้อง ชนิดที่ว่า ฉัน สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง & คัน พร้อมกับส่งตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้กับป้อง ทำเอาคนในงานทั้งปรบมือและส่งเสียงแซวอย่างเซ็งแซ่ไปทั้งงาน (แย่งซีนตรูสุดๆ ทำเอาพวงมาลัยตรูกลายเป็นสิ่งของที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ ไปในพริบตา ยอมไม่ได้แบบนี้มันหยามกันชัดๆ ถ้าไม่ติดที่คนเยอะๆแบบนี้ ตรูจะเดินเข้าไปถอนสายบัวตรงหน้า พร้อมกับบอกอย่างสุภาพชนว่า "คนนี้ของฉัน")
"
ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้น ใครทำให้ไม่สบอารมณ์หรือ?" บอลหยอกเอินผม ด้วยน้ำเสียงที่ขำขัน
"
นายก็รู้นี่น่า ไม่น่าถาม" ผมตอบอย่างเซ็งๆ
"
มีแฟนหล่อก็ย่อมเป็นที่หมายปองของใครต่อใคร ทางที่ดีที่สุดคือ ทำใจ" บอลยังคงหยอกเอินผม
ผมพอจะทราบจากปากของคนรู้จักหลายคนในงานว่า ชะนีมั่นที่ให้ตุ๊กตาหมีกับป้องนั้น ชื่อ "กองฟาง" (ขนาดชื่อยังอ้อล้อได้เพียงนี้) เรียนอยู่คณะบริหารฯ ปี 2 (รุ่นพี่คณะของบอล)
หลังจากงานคืนนั้นแล้ว ผมยังไม่มีโอกาสได้เจอป้อง เพราะว่าป้องต้องทำโปรเจคชิ้นใหญ่ส่งอาจารย์เพื่อเก็บคะแนนกลางภาค ขนาดผมโทรไปหาที่หอ เจอแต่เข่งกับหยอง ซึ่งเป็นแชร์ห้องอยู่กับป้อง (เข่งกับหยอง ต่างก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับป้องเป็นอย่างดี)
ดังนั้นผมจึงฝากข้อความผ่านทั้งสองคนไปถึงป้อง (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็มือถือ หรือไม่ก็อุปกรณ์ช่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น BB, FB หรือไม่ก็ Line ) เพราะป้องไม่ค่อยจะอยู่หอเท่าไหร่
ผมลองโทรไปอีกทีตอนสี่ทุ่มกว่าๆ..
"
ฮัลโหล" เสียงจากปลายสายพูดขึ้น
"
ป้อง... นี่เรานะ ไม่ได้เจอกันหลายอาทิตย์แล้ว เราคิดถึงนายมาก" ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้คุยกับป้อง
"
เราก็คิดถึงนายเหมือนกัน ไม่ได้ทำหน้าที่ผัวที่ดีมานาน" ป้องพูดอย่างขำๆ
"
คิดถึงก็มาหาซิ นี่ยังไม่ดึกมากนะ" ผมออดอ้อน (คันจริงๆเลยตรู)
"
เราทำรายงานอีกวิชา ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วยสิ ตอนนี้ยังไม่เสร็จเลย"
"
พรุ่งนี้นายว่าง? เราอยากจะไปกินข้าวเที่ยงหรือไม่ก็ข้าวเย็นกับนาย แล้วแต่นายจะว่างเวลาไหนก็ตาม นะ นะ นะ" ผมยังคงออดอ้อนป้อง
"
พรุ่งนี้เหรอ? เราต้องไปวาดรูปกับอาจารย์และเพื่อนๆที่ลำพูน กว่าจะกลับก็ค่ำๆ ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ แทบจะหาเวลามาทำหน้าที่ผัวที่ดี ไม่ได้เลย เข้าใจผัวหน่อยนะ เมียจ๋า ขอเป็นอาทิตย์หน้าได้ไหม?" ป้องอ้อนขอความเห็นใจ
"
ก็ได้ อาทิตย์หน้าจริงๆนะ ห้ามเลื่อนเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย แล้วอย่าลืมทำหน้าที่ผัวที่ดีด้วยนะ" ผมแสดงอาการงอนอย่างพองาม
ตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น
ผมกำลังนั่งกินเย็นตาโฟอยู่ที่ร้านสุดโปรดของป้อง สาเหตุที่ผมเลือกมากินร้านนี้เหตุผลแรก คือ เวลานั่งกินที่ร้านนี้ทีไร รู้สึกเหมือนกับว่าได้อยู่ใกล้ๆป้องยังไงก็ไม่รู้ และเหตุผลที่สอง คือ วันนี้รู้สึกอยากกินเย็นตาโฟอย่างบอกไม่ถูก (ปรกติผมไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำๆเท่าไหร่ ผมชอบกินประเภทก๋วยเตี๋ยวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวแห้งมากกว่า)
โต๊ะที่ผมนั่ง หันหน้าออกทางหน้าร้านทำให้เห็นบริเวณถนนและผู้คนเดินเข้าๆออกๆร้าน เมื่อเย็นตาโฟที่ผมสั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ด้วยความหิว ผมรีบปรุงและรีบคีบเส้นใส่ปากอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่กำลังกินเย็นตาโฟได้เพียงแค่ 3 คำ สายตาของผมก็ไปสะดุดกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามานั่งในร้าน ทำเอารู้สึกจุกเข้าไปในอกจนหายหิวไปเลย
หนุ่มที่ว่านี้ คือ "ป้อง" ส่วนสาวที่ควงมาด้วย คือ "กองฟาง" จากความรู้สึกแรกเห็นในงานคืนนั้น มันทำให้ผมรู้ว่า เธอคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แล้วมันก็ใช่และไปไกลเกินกว่าที่ผมได้คาดเดาเอาไว้
สำหรับยัยกองฟางนั้น ผมไม่รู้สึกโกรธหรือคันไม้คันมืออยากจะตบเธอเท่าไหร่นัก (จะไปโทษเธอฝ่ายเดียวคงไม่ถูกต้อง ถ้าผู้ชายไม่มีใจให้ ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดังหรอก) แต่กับป้องนั้น ผมรู้สึกโกรธและเสียใจมากๆ ชนิดที่ไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆออกมาทางสีหน้าและท่าทางได้เลย
"
ไหนบอกว่า วันนี้ไปวาดรูปที่ลำพูน แล้วทำไมถึงพายัยชะนีมั่นมานั่งกินเย็นตาโฟที่นี่ ได้ละ?" ผมรำพึงรำพันอยู่ในใจคนเดียว
อารมณ์และความรู้สึกของผมในตอนนี้มันปะปนมั่วซั่วไปหมด เหมือนมีอะไรมาชนเข้าอย่างจัง
ป้องพอเห็นหน้าผมแล้ว ไม่ยอมทักทาย เหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้น พยายามหลบหน้าหลบตาผม ขนาดนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ต้องหันหน้าเข้าหาผม หน้าของผมเขายังไม่เหลียวมองด้วยซ้ำ
ส่วนยัยกองฟางก็ทำตัวอ้อล้อออดอ้อนผัวคนใหม่ เห็นแล้วหมั่นใส้น่าตบจริงๆ
ผมรีบเดินไปจ่ายเงินและออกจากร้านไปทันที ทั้งอิ่ม ทั้งจุก ทั้งช็อค ทั้งเสียความรู้สึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น