ท่ามกลางความกังวล
หวาดเกรงจนสับสนซึ่งวุฒิไม่อาจยับยั้งความคิดเหล่านั้นได้
แม้ว่าจะหายไปจากห้วงความคิดชั่วขณะ แต่ก็กลับปรากฏอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้มีเพียงความเหงานั้น ความเหงาที่ครั้งหนึ่งแสนทรมานได้อันตธานหายไป
ผู้ชายคนหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงบนร่างของวุฒิขณะนี้
กำลังร่วมกระทำสิ่งที่วุฒิใฝ่ฝันเฝ้ารอมานาน
เฝ้ารอจะได้ใกล้ชิดเขาเช่นนี้เฝ้ารอจะเป็นของเขาทั้งกายและใจ
อยากจะแนบชิดเรือนร่างแน่นกระชับ สองมือโอบกอดบีบไว้แน่น
พร้อมๆกับที่วุฒิเผยเรือนกายออกกว้างอ้ารองรับเขาและตอบสนองตามใจปรารถนา
โชติหลับตาพริ้ว กระเช้าปากสั่นพึมพำไม่เป็นศัพท์ เกร็งแขนจนสั่น
ภายในอุ้มมือกดบีบนั้นเอวของวุฒิไว้แน่น
แล้วโถมร่างเข้าใส่อย่างรวดเร็วรุนแรงทุกครั้ง
เหงื่อไคลคละกันโชมร่างความเหนื่อยล้ากระตุ้นให้เขาลืมตาพิศมองกายกระสันสั่นกระเพื่อมไปตามแรงที่เขาโหมใส่วุฒิบิดกายเรียกร้องตามที่เขาต้องการ
ท่าทางเข้ายวนของวุฒิฉุกให้โชติเร่งแรงขึ้น
มันสิ้นสุดลงเมื่อสายตาของทั้งสองประสานกัน วุฒิหลบสายตาด้วยความเขินอาย
หลายต่อหลายครั้งวุฒิไม่กล้าจะเอ่ยปากขอร่วมนอนกับโชติ
ทั้งๆที่ต่างรู้ใจกันทุกอย่างแล้ว
โชติอาจจะรู้ถึงความต้องการเช่นนั้นแต่ความเกรงกลัวก็มีอยู่ในใจเช่นกัน
วุฒิเอนกายลงซบอกกว้าง เพ่งตามองร่างเปล่าเปลือยของโชติ
แล้วบอกตนเองในใจว่าคนได้ทำอะไรลงไป หากว่าแม่มาพบในสภาพเมื่อครู่
ลูกชายคนเดียวที่ฝากความหวังทุกอย่างกำลังถูกผู้ชายได้ชื่อว่าเพื่อนสนิทครอบครองร่างกายเพื่อเพศสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
เหงื่อเม็โตผุดขึ้นมาเป็นเปียกชุ่มอีกครั้ง ดวงตา
วุฒิเบิกกว้างภาพผู้เป็นแม่กำลังฆ่าเขา และโชติตายคาเตียงเข้าในห้วงความคิด
แกจะยั้งใจจากความผิดหวัง ตกใจได้ไหมหนอ วุฒิคิดในใจ ‘’กลัวเหรอ’’ โชติถามขึ้นมา วุฒิกลืนน้ำลายลงเสียงก้องขึ้นหู
เขาบีบแขนโชติเอาไว้แน่น พยักหน้ายอมรับ ‘’ โชติเองซะอีก
น่าจะกลัวมากกว่า วุฒิว่าโชติเหมือนแมวขโมยไหม’’ ยังมีรอยยิ้มหัวเราะเยาะตนเองสำหรับโชติ
แต่มันก็ไม่นานนักใบหน้าเขาก็กลับเขม็งขึงอีกครั้ง
หันมองร่องรอยหยาดสวาทเปียกชื้นเปรอะบนที่นอน
ราวกับว่ามันเป็นของกลางบ่งบอกความผิดทางศีลธรรมและกฎหมาย
ชี้บ่งความเป็นจำเลยสำหรับเขาอย่างโจ่งชัด มืออุ่นชุ่มชื้นลูบแผ่วบนแขนโชติ
วุฒิคงกลัวมากเช่นกันต่อสิ่งที่ได้ร่วมกระทำลงไป ‘’ ที่นี่โรงแรม แม่วุฒิตามมาไม่ถูกหรอก’’ โชติพูดปลอบใจตนเองเช่นกัน แม่ของวุฒิอาจเกรี้ยวกราด
รุนแรงถึงขนาดฆ่าเขาตายก็เป็นได้แม้ว่าโชติจะรู้ว่าคุณนายเพ็ญ แม่ของวุฒิเป็นผู้หญิง
แต่ความผิดหวังอย่างรุนแรงเช่นนี้ อาจชักนำให้ทำอะไรโดยปราศจากสติยั้งคิดก็ได้
หวนนึกถึงคราวที่คุณนายเพ็ญไว้เนื้อเชื่อใจเขา
คงเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทของวุฒิยังพร่ำคอยเตือนให้เขาชักจูงวุฒิออกห่างสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
และคอยดูแลเฝ้าตักเตือนแทนแกด้วย บัดนี้ โชติได้กระทำชั่วกับวุฒิหรือเปล่า
เขาถามตัวเองในใจ วุฒิขยับกายลุกขึ้นนั่ง
ความเจ็บปวดจากครั้งแรกที่พานพบแผ่ร้าวไปตลอดทั้งกล้ามเนื้อแม้จะปวดแสบไปทั้งร่างแต่ภายในใจอิ่มเอมสุขล้น
‘’เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี
โชติ วุฒิต้องการโชติมาก’’ โชติบีบมือวุฒิไว้แน่น เขารับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนั้นได้ดี
โน้มกายวุฒิลงซบไหล่ ถอนหายใจเบาๆ สุขสมกันทั้งสองฝ่าย
โชติก็ต้องการวุฒิมากเช่นกัน หากแม้วุฒิไม่เรียกร้อง สักวันหนึ่งเขาคงอดใจไม่ได้
คงเผลอใจไปสักวัน ‘’เราจะทำอย่างไรกันดี ‘’ วุฒิถามขึ้นอีกครั้ง
รู้สึกศรีษะมึนตื้อสับสนคิดอะไรไม่ออก ‘’อยู่อย่างเคยที่เป็นนั่นแหละ
เราไม่มีพิรุธใครเขาจะรู้ วุฒิไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะได้ท้องขึ้นมา’’ ครั้งแรกของทั้งสองภายในโรงแรมในตรอกลึกแห่งหนึ่ง
เป็นสวรรค์บรรเจิดสวรรค์สร้างกันขึ้นเองแม้ว่าความทุกข์กังวลหวาดกลัวต่างๆคอยประวิงความสุขสมอยู่ตลอด
‘’เราจะมีโอกาสอย่างนี้อีกไหม’’ ‘’โชติพร้อมเสมอถ้าวุฒิต้องการ คงเป็นตามโรงแรมอีกนั่นแหละ ‘’ ‘’ ก็แห่งนี้แหละ วุฒิรู้จักับผู้จัดการอ้างว่าเรามาติวสอบกันก็ได้
‘’ วุฒิรีบเสนอ ‘’ไม่กลัวผู้จัดการจะระแวงสงสัย
นำเรื่องไปบอกแม่วุฒิหรือ ‘’ วุฒินิ่งอึงไปชั่วขณะ
ผู้จัดการโรงแรมรู้จักแม่ของเขาดี
แต่ความโลภเงินอันเป็นนิสัยเสียของเขาคงพอทำให้ความลับเหล่านี้ถูกปิดไว้ได้’’ ความรักของเราเติบโตมานานแล้ว เราให้กันได้ทุกอย่าง
เซ็กส์เท่านั้นที่เราขาดอยู่ และเฝ้ารอมานานแต่กลับต้องคอยหลบๆซ่อนๆ
วุฒิเคยคิดเอาไว้ เราน่าจะไปเรียนต่างจังหวัดกัน จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ’’ นัยน์ตาวุฒิเปล่งประกาย สดใสเมื่อความในใจถูกเผยออกมา ‘’แม่วุฒิจะยอมหรือ’’วุฒิพลันสลดเศร้า
คำถามนี้เขาถามตนเองทุกครั้ง เมื่อคิดจะหนีไปที่อื่น แล้วแทบจะไม่ต้องตอบตนเองเลย
เมื่อใจรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาเอ่ยปากเช่นนั้นขึ้น ‘’เราอย่าเพิ่งไปคิดถึงดีกว่า
จะห้าทุ่มแล้วรีบกลับเถอะ ต้องไปแก้ตัวกับแม่วุฒิอีก’’ วุฒิลุกขึ้นจากเตียงตามโชติไป
ถึงเวลาที่ต้องกลับไปโกหกอีกเช่นเคย
แต่ครั้งนี้เป็นการโกหกอย่างน่าหวาดหวั่นใจที่สุด ‘’เราจะเจอกันอีกเมื่อไรโชติ’’ ‘’ ไว้โชติโทรไปบอกวุฒิเองดีกว่า คอยรับโทรศัพท์ด้วยแล้วกัน’’ โชติคว้าผ้าเช็ดตัวพ้นกายแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
คุณนายเพ็ญขยับแว่นตาให้กระชับ
เลือกอัญมณีหลากสีสันในกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาทีละชิ้นลองสวมแหวนวงแล้ววงเล่าขยับส่องสังเกตไปมาใบหน้าอิ่มเอิบพึงพอใจสมบัติที่เก็บสะสมมา
เสียดายที่วุฒิไม่สนใจของเหล่านี้เลย เมื่อครู่หลังจากรีบโทรศัพท์เสร็จ
ก็ลิงโลดดีใจขึ้นไปอยู่ในห้องตามเดิม
คุณนายเพ็ญคร้านจะเรียกให้ลงมาเลือกของถูกใจไปสักชิ้น
แม้แต่แหวนประจำตระกูลก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ก้นกล่อง
รอคอยเวลาที่ลูกชายคนนั้นสวมใส่ลงกับนิ้วเรียวสวยของสะใภ้ในอนาคตเมื่อเวลานั้นมาถึงคุณนายเพ็ญจะสุขใจเพียงใดคงจะไม่ต่างจากครั้งหนึ่งที่แกสวมใส่ในอดีต
ความภาคภูมิใจเมื่อถูกตราว่าเป็นสะใภ้ของสกุลอันทรงเกียรติ
มันเป็นสิ่งเตือนสติและวิญญาณให้จงรักภักดีต่อสามีเพียงผู้เดียว
วุฒิเป็นลูกชายคนเดียว คือความหวังและทุกสิ่งทุกอย่างที่หลงเหลืออยู่ หากเขาต้องเป็นอะไรไป
ฉันจะทำอย่างไรดี คุณนายเพ็ญกังวลใจขึ้นมา
แกบรรจงช้อนเก็บของมีค่าแต่ละชิ้นลงกล่องอย่างทะนุถนอม
เลื่อนเข้าเซ็ฟติดฝาผนังอย่างระมัดระวัง ลั่นกุญแจล็อค
หลอมครั่งประทับไว้อีกทีตามคนเก่าแก่กระทำสืบทอดกันมา
พลางนึกสงสัยว่าวุฒิดีใจกับอะไรมากไปกว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ตั้งแต่วันที่อ้างว่าทำกิจกรรมให้คณะในมหาวิทยลัยจนต้องกลับบ้านดึกดื่น
ก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ภายในห้องพอลงมารับโทรศัพท์ก็กระโดดโลดเต้นดีใจ
เพื่อนที่ชื่อโชติมีข่าวอะไรบอกมาเช่นนั้นหรือ
คุณนายเพ็ญก้าวย่างขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างช้าๆ ย่องไปบนพื้นเบาๆ แล้วแนบหูชิดกับริมขอบประตูห้องลูกชายของตน
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา
เมื่อยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะสติเตือนให้ยับยั้งเอาไว้ทันที
แล้วเปลี่ยนมาบิดลูกบิดประตูแทน ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
คงดีใจจนลืมตัวหลงลืมทุกอย่าง เสียงเครื่องปรับอากาศหึ่มลั่นห้อง คุณนายเพ็ญแทรกกายเข้าไปในห้องสลัวม่านลูกเลือนบดบังแสงแดดจากภายนอก
ห้องรกรุงรังเกลื่อนกลาดด้วยเศษกระดาษ วุฒินอนหลับตานิ่งบนเตียง
เสียงลมหายใจเข้าออกดังออกมาอยู่ตลอด
บนโต๊ะข้างเตียงมีกล่องใส่ยานอนหลับที่เพิ่งถูกเปิดออกใช้ใหม่ๆ
ความตกใจในภัยอันตรายเตือนคุณนายเพ็ญให้คว้าขึ้นมานับเม็ดยาที่เหลือ
ยานอนหลับหายไปเพียงสองเม็ด นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงถูกตั้งเอาไว้ที่หกโมงเย็น
คุณนายเพ็ญควายวิตกกังวลกล่องยานอนหลับลงที่เดิม
เอื้อมมือไปชักผ้าม่านเปิดออกให้สว่าง วุฒิยังคงนอนนิ่งไร้ความรู้สึก
สายตาคุณนายเพ็ญสะดุดไดอารี่ส่วนตัวเล่มหนึ่งที่วางบนอกวุฒิมันกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจแกคว้ามันขึ้นมาอย่างช้าๆพลิกไปมาอยู่ครู่
วันที่ยี่สิบหกถูกบันทึกไว้สั้นๆ’’เชิงธาราสวรรค์ที่ไม่รู้ลืม’’ เป็นวันที่วุฒิกลับบ้านมาดึก คุณนายเพ็ญขยับแว่นเพ่งคำว่า ‘’เชิงธารา’’คุ้นว่าเป็นชื่อโรงแรมที่ไหนสักแห่ง
วันที่ยี่สิบเจ็ด แผ่นกระดาษมีรอยวาดรูปหัวใจด้วยปากกาหมึกแดง ต่ำลงมาเขียนไว้ว่า ‘’ทุ่มตรงวันนี้
คอยที่รักอยู่ที่เดิม’’ คุณนายเพ็ญสะดุ้งเล็กน้อย รีบยั้งกายเอาไว้ไม่ให้ชวนเช
พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ตลอดค่อยๆ
วางสมุดเล่มนั้นลงบนอกตามเดิมขยับเลื่อนทุกอย่างกลับเข้าที่
รวมถึงผ้าม่านที่เปิดไว้เมื่อครู่ ในใจร้อนรุ่มชิงชังผู้เรียกลูกชายตนว่า’’ที่รัก’’ คนนั้นเป็นใครกันแน่
นัดวุฒิออกไปทำไมที่เดิมนั่นคือโรงแรมเชิงธาราหรือเปล่า มีคำถามอีกมากมาย
ยังเป็นปริศนาที่รอคอยคำตอบ
วุฒิคงไม่เปิดปากแถลงออกมาแน่หากถามกันซึ่งๆหน้ารอคอยเวลานั้นเถอะแกจะพิสูจน์และค้นหาคำตอบเหล่านั้นเอง
‘’แม่ครับ
เพื่อนนัดติดเตรียมตัวสอบ ผมจะกลับดึกๆหน่อยนะครับ ‘’ ‘’ติวอะไรกันตอนนี้ละวุฒิ ช่วงเช้าว่างทั้งวันน่าจะนัดกันติว’’คุณนายเพ็ญแย้งขึ้น
วุฒิส่ายหน้าอย่างระอาใจ เขาต้องปั้นน้ำเป็นตัวหลอกแม่หลอกตนเองนานเท่าไรกัน ‘’ไม่เป็นไรหรอกครับแม่
ผมไปเดี๋ยวเดียวไม่เกินเที่ยงคืนจะรีบกลับให้โชติมาส่งด้วยก็ได้ครับ’’โชติเกี่ยวข้องกับการนัดครั้งนี้ด้วยหรือคุณนายเพ็ญพลันนึกขึ้นใจ
‘’ รีบกลับล่ะ’’คุณนายเพ็ญหันหน้ากลับมาดูละครโทรทัศน์ต่อ
ทั้งๆที่จิตใจสับสนกระวนกระวาย’’ถึงเวลาออกไปหาผู้ชายอีกละซิ
ไปเลยแต่อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นใคร ได้กินกระสุนทั้งคู่แน่’’ วุฒิชะงักขณะขยับรองเท้าจะสวม
เสียงตัวละครสามีถูกสวมเขาขับไล่ภรรยาของตนกึกก้องเข้าโสตประสาท
ผู้เป็นแม่ยังคงนั่งนิ่งมองดูอยู่ จะมีวันนั้นหรือเปล่า
วันที่คุณนายเพ็ญผู้นี้ลุกขึ้นชี้หน้ากริ้วกราดใส่เขา ภาพของโชติผวาเข้าโอบกอดวุฒิ
เคล้าคลึงจุมพิตกันหน้าห้องในโรงแรมเชิงธารา ต่างแสดงความดีใจกันอย่างล้นเหลือ
แล้วโอบไหล่เกาะเอวกันเข้าไปในห้อง สะกดร่างคุณนายเพ็ญจนแข็งทื่อทั้งๆ
ที่น่าจะโกรธตะโกนร้องด่าประนามแต่ปากรู้สึกหนักเกินจะขยับอ้า ภายในมือบีบกำสายกระเป๋าไว้แน่นสั่นเทา
เพ่งมองแม้อยู่ไกลก็เชื่อสายตาตนว่าเป็นลูกชายกับเพื่อนสนิทที่คุ้นหน้าดี
กริยาพิศวาสเช่นนั้นเป็นชายด้วยกันสองคนแกรู้สึกวิงเวียนแทบสิ้นสติ ‘’ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ
‘’บ๋อยโรงแรมคนหนึ่งร้องถามเบาๆ
‘’พาฉันไปหาผู้จัดการด่วน
เดี๋ยวนี้เลย’’บ๋อยคนนั้นยืนงงอยู่ครู่ แล้วรีบเดินนำไป
อิทธิพลเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แผ่อำนาจข่มผู้จัดการในทุกด้าน
หากสามีคุณนายเพ็ยยังอยู่ ผู้จัดการคนนี้ต้องเดือดร้อนมากกว่านี้
ผู้จัดการเผยเรื่องของทั้งสองอย่างละเอียดอย่างจำใจความทุกอย่างกระจ่างประจักษ์แก่คุณนายเพ็ญเป็นฉากตอน
‘’ผมว่าคุณนายทำใจดีๆ
ไว้เถอะครับของอย่างนี้มันธรรมดาสำหรับสังคมเราแล้วเดี๋ยวนี้
หากคุณนายทำอะไรหุนหันลงไป มันจะเตลิดไปใหญ่ แทนที่เราจะได้เขาไว้เกลี้ยกล่อมดีๆ’’ ‘’คุณนายต้องพยายามเข้าใจเขาให้มากๆ
การที่เขาเป็นเช่นนั้นคุณนายอาจมีส่วนผิดผมก็ผิดที่ปกปิดคุณนาย แต่…’’ ‘’ฉันไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าลูกชายของฉันจะเป็นอย่างนั้น’’คุณนายเพ็ญตะโกนใส่หน้าผู้จัดการ
‘’ใจเย็นๆครับคุณนาย
เราต้องพยายามประนีประนอมเด็ก เด็กอาจจะหลงผิดในสายตาเราแต่เราต้องฟังเหตุผลเขา
โปรดทำใจไว้ด้วยนะครับคุณนาย ของทุกอย่างเราไม่คิดว่ามันจะเกิดมันก็เกิดขึ้นได้
ถ้าคุณนายหุนหัน หากทุกอย่างสายไปแล้ว ผู้ที่เสียใจมากที่สุดคือคุณนายเอง’’คุณนายเพ็ญนั่งนิ่ง
ไร้เรี่ยวแรงหมดปัญญาจะสรรหาคำมาโต้เถียง
คำปลอบกล่อมชักชวนจิตใจให้คล้อยตามโดยง่าย น้ำตาของผู้เป็นแม่ไหลออกอย่างช้าๆ
แกพลันลุกขึ้นจะไปหาลูกชายทันที
ทุกย่างก้าวที่เดินราวกับเดินลงขุมนรกเร่งร้อนไปหมด
ฉับพลันที่หยุดลงหน้าห้องนั้นประตูบานใหญ่ที่เปิดออก
วุฒิเกาะเอวโชติไว้ขณะที่กำลังอยู่ในวงแขนโชติโอบมาที่ไหล่
คลอเคลียหัวเราะรื่นเดินออกมา
ต้องสะดุ้งตกใจหยุดชะงักผละออกจากกันทันทีแทบไม่ต้องคิด ‘’วุฒิมานี่ซิลูก’’ คุณนายเพ็ญระงับอาการโกรธเคืองผิดหวังด้วยสติสัมปะชัญญะเท่าที่มี
ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงก็ไม่วายสั่นเครือ
มีแม่คนไหนในโลกอีกไหมที่ต้องเผชิญกับนาทีน่าอึดอัดพะอืดพะอมอย่างที่สุดเช่นในขณะนี้
โชติบีบมือวุฒิไว้แน่น พร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเตือนว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเผยความจริงเสียที
ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
วุฒิก้าวมาหยุดยืนเบื้องหน้ามารดาด้วยอาการกี่งกล้ากึ่งกลัว ใจสั่นหวิว ทั้งอับอาย
ขลาด กลัว หวั่นหวาด สั่นไหว ในขณะเดียวกันก็โล่งอก
อยู่ลึกๆที่จะได้เปิดเผยความจริงอันน่าอึดอัดเสียที ‘’ทำไมถึงทำอย่างนี้’’ คุณนายเพ็ญถามไม่เต็มเสียง
นางอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนี้เป็นเพียงฝันร้าย
เพื่อว่ามันจะได้ดับสูญไปเมื่อนางลืมตาตื่นสู่โลกแห่งความเป็นจริง ‘’เพราะ…’’ วุฒิมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างหวาดหวั่น ใจสั่นและอับอาย ‘’เพราะผมเป็น…..เป็นเกย์ครับแม่’’ แล้วเด็กหนุ่มก็โผเข้ากอดซบหน้ากับอกแม่
ร่ำไห้สะอึกสะอื้นราวกับสำนึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ทำให้มารดาผิดหวังสุดแสน
คุณนายเพ็ญยืนนิ่งงันดุจกลายเป็นประติมากรรมหินสลักที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความแปรปรวนใดๆในโลกไปเสียแล้ว…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น